อันนี้ขอตอบตามความรู้ที่ผมค้นคว้าอ่านมานะครับ
จะขนานหรืออนุกรมก็ได้ครับ ขอแค่ว่าอัตราส่วนระหว่าง pri/sec ได้เท่ากับค่า impedance ที่เราต้องการ
ทีนี้ที่ถามว่าทำไมส่วนใหญ่เค้าต่อขนาน
เพราะว่าการทำ interleave จุดมุ่งหมายคือ ต้องการให้ขด sec กระจายอยู่ตามชั้นของ Primary ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้การเหนี่ยวนำระหว่างขด sec และ Pri ทำได้ดีขึ้น
ถ้าเราต่อแบบอนุกรม เราก็ต้องใช้ลวด Sec เส้นใหญ่เส้นเดียว แล้วกระจายกันไปตามชั้น แล้วเอามาอนุกรมให้ได้จำนวนรอบที่ต้องการ
ถ้าเราต่อแบบขนาน เราใช้ลวดเส้นเล็ก พันกระจายตามแต่ละชั้นที่ออกแบบไว้แล้วมาขนานกัน
จะเห็นว่า 2 วิธีนี้ ยังไงก็ได้จำนวนรอบเท่าเดิมใช่ไหมครับ ดังนั้นอัตตราส่วนจำนวนรอบระหว่าง pri และ sec จะเท่าเดิม ที่ถามว่าค่ามันจะผิดมั้ย จะได้คำตอบว่าไม่ผิดครับ
แต่สิ่งที่ได้จากการขนานคือ
1. ยิ่งกระจายจำนวน sec เยอะเท่าไหร่ พื้นที่หน้าตัดลวดที่ได้จากการขนานกันหลายเส้น มักได้เยอะกว่าลวดเส้นใหญ่เส้นเดียว ทำให้ความต้านทานลดลงครับ โดยค่า L ได้เท่าเดิม
2. จำนวนรอบของ sec ในแต่ละชั้นเยอะกว่าการพันแบบอนุกรม (แรงเหนี่ยวนำน่าจะดีกว่า)
3. ลวดเส้นเล็ก เส้นใหญ่มีผลต่อ Skin Effect ในทองแดง กรณีการนำสัญญาณความถี่เสียงลวดเส้นเล็กหลายเส้นรวมกันน่าจะดีกว่าสายแกนนำเดี่ยว
แต่ไม่ใช่ว่ายิ่งทำ interleave ไปหลายๆ ชั้นเสียงจะดี เพราะมันก็มีผลในเรื่องความจุแฝง ซึ่งลดทอนความถี่สูงลงไปเหมือนกัน ส่วนใหญ่นิยมทำกันที่ 5:4 หรือ 6:5 ตามความเหมาะสมของจำนวนรอบที่พันครับ
สวัสดีครับน้าๆที่น่ารัก ผมตามอ่านมาตั้งแต่ต้น มีข้อสงสัยอยู่นิดนึงเรื่องพันหม้อเอ๊าท์พุทแบบแบ่งเซ็กชั่นและทำอินเตอร์ลีฟด้วย คือขด sec นี่ทำไมถึงต่อขนาน ไม่ต่ออนุกรมล่ะครับ สมมติว่าหม้อเก่ารื้อออกมาขด sec นับได้ 60 รอบ ถ้าแบ่งแบบ
3:2 คือมีขด sec สองชั้นก้อต้องชั้นละ 30รอบใช่ป่าวครับ ทีนี้ถ้าเอา sec สองชั้นนี้มาขนานกันมันจะไม่ผิดไปจากค่าของเดิมเหรอครับ รบกวนชี้แนะทีครับ พอดีหม้อไดนาโคพัง กะว่าจะรื้อออกมาพันใหม่โดยพันตามแบบที่น้าๆเคยบอกไว้อ่ะครับ