ผู้เขียน หัวข้อ: พอจะซ่อมได้ไหมครับ  (อ่าน 55618 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ cleaning

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3365
  • ถูกใจกด Like+ 35
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:46:24 AM »
ผมต้องขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจและพอดีทันในยุคนั้น
ลำโพงแทบทุกคู่ที่ออกแบบมา ถ้าดูตามสเปคแล้วจะตอบสนองความถี่ได้กว้างและครอบคลุมอยู่แล้ว
โดยที่ไม่ต้องปรับ ทุ้มแหลมชดเชยเลย แม้แต่ลำโพงฟูลเร้นท์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพราะผู้ฟังต้องการบุคคลิกเสียงที่โน้มเอียงไปในทางนั้น

แล้วยุคโซลิดมีทุ้มแหลมเอาไว้ทำไม ก็มีไว้เพื่อที่จะได้เหมาะกับแนวเพลง ที่เป็นเพลงร๊อกและเพลงแดนซ์นะซิครับ
และเป็นจุดขายด้วยครับ ที่จะได้บอกสเปคในกำลังสำรองว่ามีมาก และเล่นได้ง่าย จัดชุดได้ง่าย
แล้วเสียงอ้างอิงของผู้ฟังมีอิทธิพลมาจาก ดิสโก้เธค และคอนเสิร์ต ถ้าไม่มี loudness ไม่มีปรับทุ้ม-แหลม ผมว่าขายไม่ออกแน่ครับ

แต่แอมป์ยุคนั้น ที่ไม่มี ปรับทุ้ม-แหลม ก็มีนะครับ แต่ต้องขอบอกว่าราคาเกินเอื้อมเลยครับ  [tremor-raccoon]
คิดอีกที่ถูกต้องนะครับ เพราะพอนึกอีกที่ก็ใช่นะ ตอนที่เห็นๆมีคนเคยปรับก็ปรับเพื่ออัดเบสให้ตึบๆ
แต่ผมเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาเสียเลยการปรับ และไม่ชอบแอมป์ หรือปรีที่มี ให้ปรับด้วย ถ้ามีให้ปรับ แล้วเราจะสรรหา dac หรือฯลฯ มาเล่นทำไม เพราะว่าปรับเอาก็ได้นี่ถ้าอยางจะได้ทุ้มๆแหลมๆ


ดูเหมือนคุณ cleaning จะเข้าใจอะไรผิดนะครับ ลองบอกซิครับว่า DAC มีหน้าที่อะไร  เกรงว่าปล่อยไปแล้วจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เพราะที่โพสมามันคนละส่วนกันเลยครับระหว่าง DAC กับ pre tone
dac ตัวแปลงดิจิตอลเป็นอนาล๊อคครับ ผมหมายถึงเขาสรรหา dac เสียงดีๆมาเล่นกัน ถ้าปรับปรีโทน ก็เท่ากับว่าไม่ได้ใช้เสียงที่ดีๆของ dac เลย บางที่การเข้าใจแปลเป็นตัวหนังสือไม่ค่อยจะถูก

ออฟไลน์ cleaning

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3365
  • ถูกใจกด Like+ 35
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:50:22 AM »
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน

ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ

ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน  และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ

อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว

การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
ประโยคนี้ต้องให้ คุณ ผึ้ง อธิบาย เพราะที่ คุณ SS อธิบายถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ยอมบอกต่อว่า ปรับเพราะอะไร ทำไมถึงต้องปรับแต่งเสียง 3-2-1-raccoon

ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊

ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง

หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น  ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ

แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ  [yes-raccoon]
ผมเคยตีกลองแต๊กอยู่ในวงเล็กๆตามโรงเรียนมาแล้วครับ  [roll] ฟังไม่ได้หรอกครับมันแทงหู ครับ
อืมไม่เคยรู้เลยนะครับ ว่าการปรับมันช่วยแบบไหน ที่เราฟังๆกันอยู่ในถูกปรับมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่ชอบปรับครับ ชอบแบบที่เขาปรับมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ชอบฟังแบบที่เขาผสมมาให้เรียบร้อยไม่ชอบปรุงรสก๋วยต๋วยเองอีกครับ

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:56:19 AM »
ผมเคยตีกลองแต๊กอยู่ในวงเล็กๆตามโรงเรียนมาแล้วครับ  [roll] ฟังไม่ได้หรอกครับมันแทงหู ครับ
อืมไม่เคยรู้เลยนะครับ ว่าการปรับมันช่วยแบบไหน ที่เราฟังๆกันอยู่ในถูกปรับมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่ชอบปรับครับ ชอบแบบที่เขาปรับมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ชอบฟังแบบที่เขาผสมมาให้เรียบร้อยไม่ชอบปรุงรสก๋วยต๋วยเองอีกครับ

ก็เหมือนผมแหล่ะครับ แต่งานของผมต้องปรับครับ ไม่งั้นคุณๆท่านๆ ดูหนังไม่ได้อรรถรสอย่างแน่นอนครับผม  [gr_in]
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ Guy_Audio

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2746
  • ถูกใจกด Like+ 93
  • เพศ: ชาย
  • UNIQUE MADE - BOUTIQUE SOUND
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:05:33 AM »
อย่างผมฟัง Pink Floyd ซาวด์จะหม่น และมืด ได้อารมณ์ร่วมที่ลึกลับ คล้ายปริศนาที่แทรกอยู่ในบทเพลงที่ไขไม่ออก
ถ้าผมปรับแหลมเพื่อชดเชย ให้ฟังดูสว่างมากขึ้น  [pig90124] [pig90124] [pig90124] ความขลังของบทเพลงผมว่าน่าจะลดน้อยลง

หรืออย่างน้องกายซึ่งเป็นเด็ก อายุ 6 ขวบ
ผมเปิด Donna Summer - Hot Stuff โดยใช้แผ่นเสียงและลำโพง วางหิ้งขนาดเล็ก
ซึ่งถ้าตามลักษณะของเสียงจากลำโพง ปริมาณของเบสและความอิ่มลึกของเสียงไม่น่าจะเหมาะกับแนวเพลง ดิสโก้
อีกทั้งยังเป็นแผ่นที่ไม่ใช่ audiophile อีก ลักษณะเสียงที่ได้ยินจึงค่อนข้างแบนแต่ก็ยังพอฟังได้

เอาล่ะเห็นว่าน้องกายชอบเต้นและร้องตามด้วยความสนุกสนานถึงแม้เนื้อเพลงจะไม่ค่อยเหมาะกับเด็กนัก  [pig6456]
ผมเลยนำแผ่นซีดีไปเปิดกับชุดดูหนังที่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์ และปรับทุ้มแหลมนิดหน่อยในใจคิดเด๋วต้องชอบแน่ 
ผลปรากฏไม่เต้นครับ แฟ่วไปเลย เป็นเรื่องจริงนะครับไม่ได้ใส่ไข่ให้เข้ากับกระทู้
เพียงแต่ผมยกตัวอย่างให้ฟังว่า เสียงและรายละเอียดรวมถึงแรงปะทะที่ไม่หลอกหู นำพาเราเข้าไปสู่บทเพลงได้ง่ายกว่า แม้จะมีข้อด้อยในเรื่องโทนเสียงก็ตาม
การปรับแต่งเสียงที่ให้โทนที่หลอกหู อาจจะฟังดูดีในแค่ชั่วขณะแต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถนำพาให้ผู้ฟังได้เข้าถึงบทเพลงได้ แม้แต่เด็กก็ตาม  [unde_cided] 

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:13:53 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ cleaning

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3365
  • ถูกใจกด Like+ 35
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:28:08 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน

ออฟไลน์ RuNgPuEnGⓇ

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9482
  • ถูกใจกด Like+ 590
  • Emergency :[img width=800 height=600]
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #126 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:42:30 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #127 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:47:01 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี


ผมว่าข้ามไป EQ31 band เลยดีฝ่า คราวนี้ได้โทนบาลานที่ต้องการทุกเพลงล่ะ แต่คงต้องแลกด้วยรูปวงที่เสียไปบ้าง [shock1]
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ cleaning

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3365
  • ถูกใจกด Like+ 35
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #128 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:55:07 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี

ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ  laughhahaha

ออฟไลน์ RuNgPuEnGⓇ

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9482
  • ถูกใจกด Like+ 590
  • Emergency :[img width=800 height=600]
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #129 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:59:26 AM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี

ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ  laughhahaha

ต้องลองครับ ฮัมความถี่เท่าไหร่กี่ dB ตัดทิ้งเลย แต่ถ้าเสียงดนตรีมาความถี่นั้นก็อดได้ยินด้วย ทำไมกลัวฮัมอีกล่ะครับ ปรีหลอดเดียวที่ทำไม่มีฮัมแล้วนี่ น่าจะปราบได้แล้ว มีอะไรมาอีกก็ทำได้แล้ว เพราะเราทพมาหมดแล้ว  [laugh-raccoon]

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #130 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 09:42:07 AM »
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง  พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว

ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ  เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ  สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย  ถึงมันจะเพี้ยน  ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้  (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น  ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์  การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน  พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น  ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning  ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก  แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด

      แต่ฟังดูแล้วเหมือน  จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย   ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน  มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ  

ปล  อ้อ..ลืมไป  เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง  แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย  ผมก็คิดตามประสาผม  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 สิงหาคม 2012, 09:58:14 AM โดย civicdotcom »
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ RuNgPuEnGⓇ

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9482
  • ถูกใจกด Like+ 590
  • Emergency :[img width=800 height=600]
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #131 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:04:30 PM »
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง  พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว

ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ  เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ  สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย  ถึงมันจะเพี้ยน  ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้  (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น  ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์  การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน  พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น  ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning  ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก  แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด

      แต่ฟังดูแล้วเหมือน  จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย   ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน  มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ  

ปล  อ้อ..ลืมไป  เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง  แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย  ผมก็คิดตามประสาผม  

 [heyheybaby_watch] บางทีผมก็งงเหมือนกัน ย่อหน้าแรก ทำให้นึกถึงในเธคในผับ ดีเจปรับ มิกส์กันตลอดทั้งเพลง หนักกว่าปรับทุกเพลงซะอีก หลายท่านพอจะนึกออก แต่ผมว่าไม่ได้ปรับให้เพี้ยนหรอกครับ น่าจะปรับเอาใจนักเที่ยว ซะมากกว่า แต่อย่างน้าคลีนว่า ชอบกินก๋วยเตี๋ยวที่เขาปรุงมาแล้ว ไม่ชอบปรุงเอง ซึ่งตรงข้ามกับดีเจ ที่เอามาปรุงแต่งเองเพื่อความพอใจของบรรดานักเที่ยว แต่คงไม่มีใครเอาก๋วยเตี๋ยวที่เอาปรุงมาแล้วไปล้างน้ำแล้ว กินแต่ก๋วยเตี๋ยวลวกน้ำร้อน เหมือนเสียงก่อนที่ ซาวน์เอนจิเนียร์จะปรับแต่งเสียง ซึ่งก็คงฟังไม่เพราะเท่าใดนัก

 เคยอ่านว่า การปรับโทนหรือ EQ นานๆจะทำสักที เพราะอาศัยการฟังหรือเครื่องมือจับสัญญาณเสียง โดยใช้แผ่นทดสอบเปิดกับชุดเครื่องเสียง แล้วจับสัญญาณดูกราฟดูความถี่ ความแรง หากน้อยก็เพิ่ม มากไปก็ลดลง ทำแบบนี้ครบทุกความถี่ทุกย่านเสียง หรืออาศัย การฟังด้วยความชำนาญ ปรับแต่งเอา ซึ่งจะปรับที่โทน EQ หรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวในเครื่องก็ได้  เพราะวิธีนี้คงดีกว่าสร้างห้องฟังดีๆสักห้องอย่างพี่เล็กกล่าวไว้  ดังนั้นผมก็ชอบแบบน้าคลีนไม่ต้องปรุงผมหิวแล้ว  [laugh-raccoon]

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #132 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:19:20 PM »
น้า civicdotcom ครับ เล่นเอาผมงงเลย นี่แน่ะ [checks-raccoon]

ผมก็ว่าเอ๋ เราไปเขียนเรื่องความเพี้ยนตอนไหนหว่า ไล่อ่านย้อนไป ก็ไม่เจอ ถือว่าเล่าสู่กันฟังครับ เวลาที่เราบันทึกเสียง(ซาวด์เอ็นจิเนียร์) เราก็จะเก็บเสียงที่สมจริงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้อยู่แล้วครับ ส่วนจะบันทึกทีล่ะชนิดเครื่องดนตรี หรืออัดสดพร้อมกันทั้งวงก็ว่ากันไปตาม ความต้องการของนักดนตรี และซาวด์เอ็น คนนั้นจะประชุมกันว่าอยากให้งาน(เสียงดนตรีเสียงร้อง)ออกมาแบบไหน

เพราะการอัดทั้งสองแบบให้ลักษณะซาวด์ออกมาต่างกันแน่นอน

เพลงที่อัดสดพร้อมกันทั้งวง เวลาอัดก็อยู่ที่เทคนิคของซาวด์ท่านนั้น ว่าจะวางไมค์ยังไง ส่วนใหญ่กลอง และนักร้อง เราจะให้อยู่ในห้องแยก (isolate) อาจจะเป็นห้องกระจก หรืออาจจะเป็น absorber ล้อมรอบ ตัวอย่างในรูป (รูปยืมมานะ) แล้วก็วางไมค์สำหรับกลองแต่ล่ะชิ้น  แล้วคนร้องก็จะไปอยู่อีกห้องนึง กีตาร์ เบส เปียโน ก็จะไปอยู่อีกห้องนึง อาจอยู่ห้องเดียวกัน คนล่ะมุม และแน่นอน ไมค์ของใครของมันครับ ในกรณีของเปียโน ซาวด์เอ็นบางคนใช้ไมค์ถึง 5 ตัวในการอัด กีต้าร์โปร่งก็ไมค์ 2 ตัวที่คอ และที่ช่องลม  ถ้าเป็นไฟฟ้าตั้งไมค์ที่ตู้แอมป์ ไมค์ก็จะเป็นคนล่ะชนิดกันไปครับ(ขอไม่ลงลึกนะยาวแน่) นี่คร่าวๆนะครับ แล้วเวลาจะอัด สงสัยมั้ย แล้วมันเป็นวงเดียวกันได้ยังไงอ่ะ มันอัดกันคนล่ะห้อง ได้สิ ในเมื่อเครื่องดนตรีทุกชิ้น ที่ไมค์จ่ออยู่นั้น มันมาต่อลงที่ mixing control คราวนี้ก็เป็นเรื่องของซาวด์เอ็นล่ะ ว่าจะจัดรูปวงยังไง จะแพนทางไหน แค่ไหนเหตุนี้ล่ะครับ ในห้องอัดเราถึงได้เห็นว่าทำไมมิกเซอร์มันถึงได้ใหญ่ซะขนาดนั้น ทีนี้เวลาอัด นักดนตรีทุกคนจะมีหูฟังเป็นของตนเอง เพื่อจะได้คิว และฟังเสียงของตนเองและคนอื่นๆครับ ว่าจะเล่นแค่ไหนยังไง แล้วก็บันทึกลง 2 แทร็คพร้อมๆกันไป

ไมค์ก็แยกกันไปครับ


ห้องของนักร้อง


มิกซ์เซอร์ ห้องคอนโทรล


ถามว่าแล้วที่เค้าอัดโดยใช้ไมค์ 2 ตัวแล้วเล่นพร้อมกันทั้งวงล่ะ มีครับ ไมค์ตั้งด้านหน้าเลย วิธีง่ายสุด นักร้องยืนหน้าใกล้ไมค์ แล้วเครื่องดนตรี ก็วางเป็นรูปวงเลย แต่จะจัดระดับความห่างเอา ตามความดังของเครื่องดนตรีชิ้นนั้น วิธีนี้อัดยากมาก เพราะต้องเล่นให้น้ำหนักพอดีไม่งั้นก็จะกลบเสียงอื่น (ดูรูปประกอบ ผู้หญิงเป็นคนร้อง สองคนที่เหลือประกบซ้ายขวา อันนี้ไม่มีกลอง เครื่องดนตรีแค่สามชิ้น) ถ้ามันไม่พอดี ก็อัดใหม่จนกว่าจะได้ แต่วิธีนี้เสียงร้องของนักร้องต้องดีมากๆ เพราะเค้าจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์ในการช่วยเสียงร้องเลย (รีเวิบ) และวีธีอัดแบบนี้มันเสียเวลาครับ เพราะถ้าทุกอย่างไม่ลงตัวก็จะใช้ไม่ได้ อัดใหม่ แล้วถ้าอัลบั้มมี 10 เพลง ก็เพลินล่ะครับ

ยืนห้อมล้อมไมค์กัน



ส่วนวิธีสุดท้าย อัดทีล่ะชิ้นดนตรีเลย วิธีนี้นิยมมาก เพราะสะดวก ไว ขั้นแรกอัดเครื่องดนตรีให้จังหวะก่อน กลองเลย บันทักเก็บไว้ แล้วก็กีต้าร์ เบส อัดพร้อมกัน เล่นเสียงกลองที่บันทึกไว้ให้ทั้งคู่ฟัง แล้วก็อัด ตามนักร้องมา เล่นเสียงเครื่องดนตรีทั้งหมดที่อัดไว้ นักร้องก็ร้องไป บันทึกไปด้วย ทุกคนก็เล่นกันในห้องนี้ล่ะ แต่คนล่ะรอบ ได้ครบทั้งหมด ก็นำมามิกส์โดยท่านซาวด์เอ็น
สะดวกมากสำหรับวิธีนี้ครับ


จะเห็นว่าวิธี 1 และ 3 ซาวด์เอ็นสามารถปรับแต่งเสียงได้เพิ่มเติม ตามความต้องการของเค้าและนักดนตรี
ส่วนวิธีที่ 2 ต้องวางแผนให้ดี ว่าจะวางไมค์ตรงไหนของห้อง ให้ได้เสียงดีที่สุด ตำแหน่งของวงเป็นยังไง

คร่าวๆก็แบบนี้ล่ะครับ ในการบันทึกจริง ยังมีอุปกรณ์ที่ไม่กล่าวถึงอีกเยอะ pre mic, limiter, compressor, gate, eq, dsp effect ทุกอย่างล้วนถูกนำมาใช้ เพื่อให้ได้เสียงอย่างที่ซาวด์เอ็นและนักดนตรีต้องการครับ

ทีนี้ ปรับทุ้ม แหลม อีคิว ก็อย่างที่พี่เล็กเสริมเอาไว้นั่นเลยครับ สะดวกด้วย ส่วนว่าเพี้ยนนั้น แน่นอนว่าเวลาเล่นกลับ เวลาบิด treble มากไป ก็มีปัญหาเฟสเลื่อนได้ แต่ว่า ถ้าเราฟังว่ามันเพราะก็ไม่ผิดกติกาอะไรเลยครับ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ความพึงพอใจของเรา แค่นั้นเอง ส่วนที่ผมไม่ค่อยใช้ที่บ้านจะว่าไม่มีเลยดีกว่า ก็แค่อยากฟังงานว่าเค้าต้องการสื่ออะไรก็เท่านั้นครับ
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #133 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:40:41 PM »
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี

ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ  laughhahaha

ต้องลองครับ ฮัมความถี่เท่าไหร่กี่ dB ตัดทิ้งเลย แต่ถ้าเสียงดนตรีมาความถี่นั้นก็อดได้ยินด้วย ทำไมกลัวฮัมอีกล่ะครับ ปรีหลอดเดียวที่ทำไม่มีฮัมแล้วนี่ น่าจะปราบได้แล้ว มีอะไรมาอีกก็ทำได้แล้ว เพราะเราทพมาหมดแล้ว  [laugh-raccoon]

ตัวนี้มันเป็น electronic crossover ( Active cross ) ครับ ไม่ใช่ parametric Equalizer  ได้แต่ตัดความถี่ในแต่ละย่าน Hi Mid Low  Sub สำหรับทำ Quad amp  แต่ถ้าใช้ sigle amp stereo ไม่ work ครับ   และ ตัวนี้น่ะ HAM ตัวพ่อเลยครับ ถ้าลงรถนะ แล้วยิ่งเก่าๆด้วยหล่ะ หายห่วงเลย และเข้าข่ายวัตถุโบราณไปแล้วครับ



เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย  ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา  ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ   ยกตัวอย่างนะครับ  คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป  ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ  แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ)  เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ

แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน


เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี


ผมว่าข้ามไป EQ31 band เลยดีฝ่า คราวนี้ได้โทนบาลานที่ต้องการทุกเพลงล่ะ แต่คงต้องแลกด้วยรูปวงที่เสียไปบ้าง [shock1]

   [smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย  EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
 
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #134 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:44:48 PM »
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง  พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว

ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ  เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ  สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย  ถึงมันจะเพี้ยน  ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้  (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น  ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์  การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน  พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น  ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning  ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก  แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด

      แต่ฟังดูแล้วเหมือน  จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย   ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน  มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ  

ปล  อ้อ..ลืมไป  เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง  แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย  ผมก็คิดตามประสาผม  


        น้าเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเยอะเลยครับ  เดี๋ยวให้ท่านอื่นตอบกันก่อน แล้วผมจะมาเสริม [gr_in]
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #135 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 12:57:15 PM »


   [smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย  EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
 

จากที่เคยให้รุ่นน้องที่ยังไม่เคยลองใช้ ลองปรับน่ะครับพี่ มันปรับกันเพลินเลย  [roll]
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #136 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:27:58 PM »


   [smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย  EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
 

จากที่เคยให้รุ่นน้องที่ยังไม่เคยลองใช้ ลองปรับน่ะครับพี่ มันปรับกันเพลินเลย  [roll]
ครับตรงนี้พี่เข้าใจเลย เพราะเพื่อนๆพี่ที่เป็น โปรดิวเซอร์ให้ทั้ังค่าย เฮีย และ อากู๋  เค้าไม่ค่อยเข้าใจตรงนี้ เค้าไม่เข้าใจเหมือนคนทำ ที่ต้องปรับแก้ที่ความถี่ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เสียงร้องแต่ละคนก็มีช่วงความถี่เฉพาะ ซึ่งตรงนี้พี่คิดว่า คุณเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่การจะปรับไม่ใช่เรื่องง่าย หรือ จะปรับกันมั่วๆตามชอบ อีคิวสำหรับผมคือตัวชดเชย หรือ ปรับลด ยกตัวอย่าง ราวตากผ้าครับ เปรียบเสมือนช่วงตอบสนองความถี่มาตรฐาน  20-20000 Hz หากเราไปหยิบ หรือ กดตรงไหนย่านที่อยู่ใกล้ๆกันก็ตามไปด้วยเหมือนสะพานแขวนนั่นแหละ  เค้าจึงต้องมีการซอย แบนด์ให้ถี่ขึ้นเพื่อที่จะได้ปรับให้ละเอียดขึ้น ถึงต้องมีเป็นร้อยๆแบรนด์ โมโน เพื่อความละเอียดตรงนี้ไง  ที่นี้กลับมาที่ตัว อีคิวอีกครั้ง ที่หลายคนบอกว่าฟังเพลงหลากหลายแนวไม่ต้องปรับอิคิวกับทุกแผ่น ทุกเพลงหรือ คำตอบคือ ไม่ต้องครับ ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะเราปรับที่ห้อง และ ระบบ ครับ ไม่ได้ปรับที่แผ่น โดยใช้การป้อน sigle tone เพื่อวัดการตอบสนองความถี่ตลอดย่านของระบบนั้น ณ.ห้องฟังนั้น ด้วย RTA ( real time analyzer ) จะทำให้เราทราบว่าระบบของเราณ.ห้องนั้น ความถี่ใดโด่งเกินไป หรือ ความถี่ใดหุบ เราจะทำการปรับชดเชยความถี่นั้น ( จะให้ flat หรือ ชดเชยไปสู่ Ego ของเจ้าของห้องแต่ท่านก็จัดไปครับ ) ฉะนั้นเมื่อเรานำแผ่นต่างๆมาฟังจะง่ายมากที่จะทำให้เราสามารถจับ หรือ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละย่านที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ  เอาเท่านี้ก่อน
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #137 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:44:47 PM »
รุ่นน้องผมมันปรับเป็นรูป ปีกนก กันเลย [pig90124]
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ Guy_Audio

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2746
  • ถูกใจกด Like+ 93
  • เพศ: ชาย
  • UNIQUE MADE - BOUTIQUE SOUND
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #138 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 01:48:42 PM »
ผมเคยใช้ EQ เฟสเคลื่อนเหมือนกันครับ อย่างผมยก 100 Hz ขึ้นมา 3 db
เสียงกีต้าร์เบสและดรัมเบส เลื่อนขึ้นมาอยู่ข้างหน้าจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อยครับ
กลับกันถ้าผมลดก็จะถอยหลังออกไปครับ

และย่านเสียงที่ใกล้เคียงก็ได้รับอิทธิพลจากความถี่ควบคู่ของ 100 Hz มาด้วยครับ
ยก 100 Hz แต่จะมีความถี่ควบคู่ 200 Hz- 400 Hz และ 50 Hz ขนานตามกันออกมา
และทุกชิ้นดนตรีจะหุบแคบลงถ้าต่อผ่าน EQ แม้จะ bypass ไว้ก็ตาม
และของแถมที่ตามมาของการต่อผ่าน EQ คือความสะอาดและความชัดเจนลดน้อยลง


แต่ผมก็ปรับนะครับ เพราะในระยะเวลานั้น ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้วที่จะชดเชยการบันทึกในการเล่นกลับของเทปได้ดีเท่ากับ EQ

ออฟไลน์ Guy_Audio

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2746
  • ถูกใจกด Like+ 93
  • เพศ: ชาย
  • UNIQUE MADE - BOUTIQUE SOUND
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #139 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 02:12:31 PM »


แต่ในยุคนี้ เครื่องและแหล่งเพลงมีคุณภาพที่ดีขึ้น แม้แต่การบันทึกเสียงของคนไทยก็มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อเพิ่มคุณค่าที่จะได้ขายแผ่นซีดีและแผ่นเสียงเพื่อการฟังและการสะสม อย่างงาน "แจ๊สเดี่ยว" ของพี่ปั่น (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) 


ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #140 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 04:00:17 PM »
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊

ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง

หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น  ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ

แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ

      ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง  ก็คิดว่า  เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง  ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง  ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน)  แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)   

     แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก  ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ  ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู  ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น  ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ   จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
     พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ  ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน  มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ  แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ 
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ RuNgPuEnGⓇ

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9482
  • ถูกใจกด Like+ 590
  • Emergency :[img width=800 height=600]
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #141 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 04:26:59 PM »
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊

ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง

หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น  ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ

แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ

      ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง  ก็คิดว่า  เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง  ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง  ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน)  แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)   

     แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก  ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ  ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู  ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น  ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ   จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
     พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ  ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน  มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ  แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ 

 [heyheybaby_watch]  ถ้าเป็นอย่างที่น้าบอก เพี้ยน คงจะต่างจากผม ของผมจะแบบว่า เอาแผ่น สันติ ดวงสว่าง ไปเปิดกับชุด A, B, C ฟังเพราะมากครับ เหมือนสันติ มายืนควงไมค์ให้เห็น  แต่พอเอาแผ่นเดิมมาเปิด ชุด D ฟังปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่สินติล่ะ เสียงเหมือนพี่หม่ำมาร้องจูบไม่หวาน อันนี้ความคิดผมบอกว่าเสียงมันเพี้ยน เพราะมันแตกต่างกับอีก 3ชุด ทั้งที่เป็นแผ่นเดียว ดังนั้นจะปรับ EQ แบบไหนก็ได้ ให้สันติกลับมาร้องเพลง  [roll]

แต่ถ้าเกือบทุกแผ่นมาเปิดในตำแหน่ง 0 ชุด A เสียงเพราะมาก เผอิญมีอยู่แผ่นหนึ่งเปิดยังไงก็ฟังไม่ได้เรื่อง ไปเปิดกับ ชุด B, C, D ก็เหมือนกัน ไม่เพราะเอาเสียเลย ผมไม่ได้เรียกว่าเพี้ยน น่าจะเรียกขี้ฟ้อง เพราะนั้นแสดงว่า แผ่นๆนั้นถูกบันทึกมาอย่างนั้น จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แผ่นนั้นก็เป็นทั้งล็อต สุดท้ายก็มีคนมาบอกว่า กลับเฟสลำโพงสิ เสียงจะเพราะมาก  [confused-raccoon]

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #142 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 04:53:25 PM »
 ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง  อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก  หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้  มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]


 แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง    EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด  และ  คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ  อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ   เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ  เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #143 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 08:43:04 PM »
ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง  อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก  หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้  มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]


 แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง    EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด  และ  คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ  อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ   เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ  เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ

   
     เป็นงั้นไป  นี่พี่เล็กพูดถึงEQ ที่ใช้กันทั่วไปใช่ไหมครับ ไม่ใช่พูดถึงในห้องอัดน่ะ
ผมก็คิดตามประสาบ้านๆผมน่ะ  EQก็เขาทำมาให้เราปรับเพื่อให้ไพเราะตามแบบที่เราชอบไม่ใช่หรือครับ ชอบเบสมากก็ปรับไป ชอบแหลมก็จูนไป ชอบแบบเดิมๆก็ตั้งเป็น0   จะให้เอาความรู้ทางเรื่องเสียงมาปรับ ก็มีน้อยคนที่จะรู้  ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่ารถhondaซีวิค(ฮ่า โฆษณาชื่อตัวเองซะหน่อย)บอดี้เหมือนกัน ทำออกเหมือนกันเป๊ะ  EQ ก็ต้องปรับแบบเดียวกันหมด เพราะมันจะซับ หรือจะสะท้อนเสียงความถี่ไหน ก็น่าจะเหมือนกัน ไม่งั้นเขาก็คงขาย EQสำหรับรถซีวิค EQสำหรับรถวีโก้ ผมเข้าใจมาอย่างนี้อ่ะคร๊าบ ..  ไม่ถูกใช่ไหมพี่  มาร่าย..ยาวๆให้ฟังเลยว่า มันเป็นจั๋งไส     
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #144 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 09:06:38 PM »
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊

ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง

หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น  ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ

แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ

      ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง  ก็คิดว่า  เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง  ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง  ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน)  แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)   

     แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก  ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ  ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู  ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น  ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ   จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
     พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ  ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน  มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ  แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ 

 [heyheybaby_watch]  ถ้าเป็นอย่างที่น้าบอก เพี้ยน คงจะต่างจากผม ของผมจะแบบว่า เอาแผ่น สันติ ดวงสว่าง ไปเปิดกับชุด A, B, C ฟังเพราะมากครับ เหมือนสันติ มายืนควงไมค์ให้เห็น  แต่พอเอาแผ่นเดิมมาเปิด ชุด D ฟังปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่สินติล่ะ เสียงเหมือนพี่หม่ำมาร้องจูบไม่หวาน อันนี้ความคิดผมบอกว่าเสียงมันเพี้ยน เพราะมันแตกต่างกับอีก 3ชุด ทั้งที่เป็นแผ่นเดียว ดังนั้นจะปรับ EQ แบบไหนก็ได้ ให้สันติกลับมาร้องเพลง  [roll]

แต่ถ้าเกือบทุกแผ่นมาเปิดในตำแหน่ง 0 ชุด A เสียงเพราะมาก เผอิญมีอยู่แผ่นหนึ่งเปิดยังไงก็ฟังไม่ได้เรื่อง ไปเปิดกับ ชุด B, C, D ก็เหมือนกัน ไม่เพราะเอาเสียเลย ผมไม่ได้เรียกว่าเพี้ยน น่าจะเรียกขี้ฟ้อง เพราะนั้นแสดงว่า แผ่นๆนั้นถูกบันทึกมาอย่างนั้น จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แผ่นนั้นก็เป็นทั้งล็อต สุดท้ายก็มีคนมาบอกว่า กลับเฟสลำโพงสิ เสียงจะเพราะมาก  [confused-raccoon]


   ที่คุณรุ่งพูด ก็ไม่เห็นต่างจากผม  ก็ถือว่าเพี้ยนเหมือนกัน เพี้ยนมากด้วย ดูซิ สันติร้องเป็นเสียงหม่ำ
   นิยามเพี้ยนของผมหน่ะ   ฟังสันติอยู่ดีๆแล้ววิ่งไปแก้ผ้าบนถนน    อันนี้ก็เพี้ยน เหมือนกันน่ะ  คุณรุ่งคิดเหมือนผมไหม อ่ะ laughhahaha
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ squid™

  • ++ทีมพาออกทะเล++
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5275
  • ถูกใจกด Like+ 150
  • เพศ: ชาย
  • "อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ"
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #145 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 09:08:44 PM »
ผมก็ไม่ได้ใช้ eq สำหรับปรับเพลงแบบที่น้า civicdotcom ใช้แบบนั้นเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ใช้ที่ทำงานครับ ใช้ร่วมกับ rta แบบที่พี่เล็กว่าแหล่ะครับ แต่มันเป็นรูปแบบของ software ครับ แบบเป็นเครื่องที่ออฟฟิศไม่มีครับ ถ้าจะใช้ก็จ้างคนทำห้องมาครับ เพื่อมาหาความถี่ส่วนเกินภายในห้องครับ เพราะเราใช้บันทึกเสียงด้วย จริงๆก็ใช้ที่มีอยู่ได้ แต่ด้วยเครื่องเพื่อความมั่นใจอีกทีครับ

อย่าพึ่งงงครับ พี่เล็กอธิบายด้วยคำที่ง่าย เข้าใจง่ายกว่าผมอธิบาย ผมต้องหารูปประกอบไม่งั้นก็บรรยายออกมาไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ขอยกยอดไปดึกๆ หรือไม่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้มีงานด่วนต้องทำ super หนังตัวอย่างส่งเข้า โพสต์พรุ่งนี้ครับ คนทำมันทิ้งงาน ตัดให้แต่หนังตัวอย่าง ส่วน super มันให้ทำเอง แล้วงานเลยมางอกที่ผม ป่วยอยู่แท้ๆ คืนนี้คงยาวล่ะ ตัวหนังจริงจะเข้าฉาย 13 เดือนหน้า หนังตัวอย่างยังไม่ได้ยิงเลยบ้าแท้ๆ

ปล.ลืมเลย ผมใช้ rta ร่วมกับ eq หลักๆตอนนี้เพื่อตัดเสียงรบกวน noise ห้องบันทึกเสียงครับ หลักก็ห้องพากย์เสียง ทีมพากย์พันธมิตร ครับ เพราะผมเป็นคนมิกส์เสียงรอบทิศทางน่ะครับ เพราะทีมนี้เค้ามีห้องพากย์เสียงของตัวเอง เค้าส่งแต่ไฟล์เสียงพูดมาให้ งานของผมจะต่อจากตรงนั้นล่ะครับ ไปล่ะ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอาหนังของออฟฟิศมาให้ดูที่ห้อง เพลงด้านล่างครับคืนนี้ดึก ผมทำพวกตัวหนังสือนั่นล่ะ ส่วนภาพคนอื่นตัดครับ(ที่มันทิ้งงานกลางคันนี่ล่ะ อยากจะเบิร์ดกะโหลกให้พุ่งเลย) [bottle-raccoon]
กดเลยนะตะเองที่อยู่เค้าเองล่ะ "Seize the day"

[tig12]

squid --> GolDFish --> ปลาทองคะนอง Valve --> เข้น้อยคอย DAC --> จิ้งจกจ๋า AMP ข้าอยู่ไหน -->อุย ดุก ดุก...-->
โดมคูล่า...หล่อค่อดเรยย -->Liberty--> Mike Lowery-->C3po™-->View Smith™ เหล่านี้คือชื่อ ยูสเซอร์ที่ผมใช้ครับ ไล่เรียงมาเรื่อย

LongPlay ADDICT

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57640
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #146 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 10:00:50 PM »
ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง  อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก  หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้  มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]


 แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง    EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด  และ  คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ  อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ   เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ  เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ

  
     เป็นงั้นไป  นี่พี่เล็กพูดถึงEQ ที่ใช้กันทั่วไปใช่ไหมครับ ไม่ใช่พูดถึงในห้องอัดน่ะ
ผมก็คิดตามประสาบ้านๆผมน่ะ  EQก็เขาทำมาให้เราปรับเพื่อให้ไพเราะตามแบบที่เราชอบไม่ใช่หรือครับ ชอบเบสมากก็ปรับไป ชอบแหลมก็จูนไป ชอบแบบเดิมๆก็ตั้งเป็น0   จะให้เอาความรู้ทางเรื่องเสียงมาปรับ ก็มีน้อยคนที่จะรู้  ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่ารถhondaซีวิค(ฮ่า โฆษณาชื่อตัวเองซะหน่อย)บอดี้เหมือนกัน ทำออกเหมือนกันเป๊ะ  EQ ก็ต้องปรับแบบเดียวกันหมด เพราะมันจะซับ หรือจะสะท้อนเสียงความถี่ไหน ก็น่าจะเหมือนกัน ไม่งั้นเขาก็คงขาย EQสำหรับรถซีวิค EQสำหรับรถวีโก้ ผมเข้าใจมาอย่างนี้อ่ะคร๊าบ ..  ไม่ถูกใช่ไหมพี่  มาร่าย..ยาวๆให้ฟังเลยว่า มันเป็นจั๋งไส    


                 คุณก็เข้าใจผิดอีกนั่นแหละครับ  ถ้ายิ่งเป็นรถเนี่ยยิ่งหนักเลยครับ  คุณคิดว่าคนประกอบรถรุ่นเดียว ยี่ห้อเดียวกันไ้ด้เหมือนกัน 100 % หรือ  หรือแม้กระทั่งวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตมาใช้ในรถแต่ละ lot สามารถที่จะผลิตได้คุณสมบัติเช่นเดียวกันทั้งหมดหรือ  เช่น density , modulus of elasticity , หรือ แม้แต่โครงสร้างจากผ้าที่ใช้ในการหุ้มเบาะ จากการที่ผมรถ honda civic มาพูดได้อย่างไม่อายใครเลยว่าผมทำมากที่สุดในประเทศไทย ช่างกล้าทำไมผมถึงกล้าพูดเช่นนี้ เพราะว่าผมทำเองทุกคนแม้ว่าจะเป็นเจ้าของร้าน  ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นซึ่งให้ลูกน้องทำ  ฉะนั้นทุกซอกทุกมุมของรถไม่มีเจ้าของร้านหน้าไหนรู้ดีไปกว่าผมหรอก  เอ้าฮิ้ว....  ไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.createsoundmaker.net ครับ ปกติผมจะไม่เอาเวปร้านไปลงที่อื่นแต่ตอนนี้ผมหยุดรับงานแล้ว ยกเว้น service ลูกค้าเก่า จึงเอามาโพสได้  จากการที่ผมได้ทำการตรวจสอบการตอบสนองความถี่รถรุ่นนี้กว่ายี่สิบคันในระยะเวลาหนึ่งเดือน ไม่มีรถคันใดที่ตอบสนองความถี่ได้ใกล้เคียงกันเลย แต่ก็ถือว่าอยู่ในโซนเดียวกันครับ คือ ย่านความถี่ต่ำ 60-70 Hz ค่าการสะท้อน ( reflex ) ก็แตกต่างกันไป ครับ  แล้วคิดว่าจะมีช่างสักกี่คนที่เก็บข้อมูลการทำรถในคันแรก ไว้เพื่อที่จะมาทำในคันที่ 2-3-4 ....100 คุณคิดว่าจะสามารถติดตั้งโดยใช้อุปกรณ์เหมือนกันแล้วให้เสียงออกมาเหมือนกันทั้งหมด คุณคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ  ยิ่งเป็นร้านใหญ่ๆ  ที่มีช่างหลายชุด การรับฟังเมื่อจูนของแต่ละคนแตกต่างกันก็จูนไปตาม EGO ส่วนตัวของแต่ละคน ฉะนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยว่าจะสามารถปรุงเสียงให้ออกมาเหมือนกันทั้งหมด  ที่ผมพูดเช่นนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่ผม ที่ก็ไม่สามารถ แต่แนวเสียงในรถที่ผมทำ (เฉพาะงาน SQ เท่านั้นนะ)  จะไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่ว่าลูกค้าคนไหนที่เคยฟังรถที่ผมทำแล้ว เมื่อขึ้นฟังคันที่สองจะสามารถรับรู้ได้เลยว่าเป็นรถที่ผมทำ ครับ

 
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #147 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 10:20:38 PM »
เอ้าฮิ๊ว....  ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย

             ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง  คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300  แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น  แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี  เอ้าฮิ๊ว..

   
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ Blue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1249
  • ถูกใจกด Like+ 107
  • เพศ: ชาย
  • #D-I-Y ## Y-I-Do#
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #148 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 10:37:11 PM »
เอ้าฮิ๊ว....  ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย

             ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง  คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300  แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น  แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี  เอ้าฮิ๊ว..

   

อ่านมาตั้งนานเริ่มเข้าจุดไคลแม็กแล้ว   3-2-1-raccoon

ออฟไลน์ tosa2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1744
  • ถูกใจกด Like+ 86
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #149 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 10:42:04 PM »
ผมก็ไม่ได้ใช้ eq สำหรับปรับเพลงแบบที่น้า civicdotcom ใช้แบบนั้นเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ใช้ที่ทำงานครับ ใช้ร่วมกับ rta แบบที่พี่เล็กว่าแหล่ะครับ แต่มันเป็นรูปแบบของ software ครับ แบบเป็นเครื่องที่ออฟฟิศไม่มีครับ ถ้าจะใช้ก็จ้างคนทำห้องมาครับ เพื่อมาหาความถี่ส่วนเกินภายในห้องครับ เพราะเราใช้บันทึกเสียงด้วย จริงๆก็ใช้ที่มีอยู่ได้ แต่ด้วยเครื่องเพื่อความมั่นใจอีกทีครับ

อย่าพึ่งงงครับ พี่เล็กอธิบายด้วยคำที่ง่าย เข้าใจง่ายกว่าผมอธิบาย ผมต้องหารูปประกอบไม่งั้นก็บรรยายออกมาไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ขอยกยอดไปดึกๆ หรือไม่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้มีงานด่วนต้องทำ super หนังตัวอย่างส่งเข้า โพสต์พรุ่งนี้ครับ คนทำมันทิ้งงาน ตัดให้แต่หนังตัวอย่าง ส่วน super มันให้ทำเอง แล้วงานเลยมางอกที่ผม ป่วยอยู่แท้ๆ คืนนี้คงยาวล่ะ ตัวหนังจริงจะเข้าฉาย 13 เดือนหน้า หนังตัวอย่างยังไม่ได้ยิงเลยบ้าแท้ๆ

ปล.ลืมเลย ผมใช้ rta ร่วมกับ eq หลักๆตอนนี้เพื่อตัดเสียงรบกวน noise ห้องบันทึกเสียงครับ หลักก็ห้องพากย์เสียง ทีมพากย์พันธมิตร ครับ เพราะผมเป็นคนมิกส์เสียงรอบทิศทางน่ะครับ เพราะทีมนี้เค้ามีห้องพากย์เสียงของตัวเอง เค้าส่งแต่ไฟล์เสียงพูดมาให้ งานของผมจะต่อจากตรงนั้นล่ะครับ ไปล่ะ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอาหนังของออฟฟิศมาให้ดูที่ห้อง เพลงด้านล่างครับคืนนี้ดึก ผมทำพวกตัวหนังสือนั่นล่ะ ส่วนภาพคนอื่นตัดครับ(ที่มันทิ้งงานกลางคันนี่ล่ะ อยากจะเบิร์ดกะโหลกให้พุ่งเลย) [bottle-raccoon]

 ทีมพากย์พันธมิตร ผมชอบครับ พากย์หนังมันส์ดี  laughhahaha laughhahaha laughhahaha
ติดต่อผมได้ที่นี่ครับ ^^<br />http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=10084.0 มือใหม่อยากเล่นหลอด ^^"