ผู้เขียน หัวข้อ: พอจะซ่อมได้ไหมครับ  (อ่าน 55625 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57641
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #150 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2012, 10:51:16 PM »
เอ้าฮิ๊ว....  ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย

             ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง  คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300  แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น  แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี  เอ้าฮิ๊ว..

    
ใช่ครับไม่ง่ายเลย รถหนึ่งคันผมใช้เวลาจูนเครื่องเสียงด้วย EQ  4 เดือนครับสำหรับ 31 band stereo แต่ถ้า mono 31 band ไม่เคยต่ำกว่า 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ไม่ใช่ 4 นาทีแบบที่เห็นกัน ตั้งแต่ทำเครื่องเสียงติดรถมาใครเคยเห็นร้านจูนเครื่องเสียงกันเป็นวันๆบ้าง  ครับ  สองวันสุดท้ายก่อนส่งงานลูกค้ามาดูรถเห็นผมจูนเครื่องเสียงอยู่ ห้าโมงเย็นมาใหม่ก็ยังเห็นผมจูนเครื่องเสียงอยู่ โทรมาบอกเดี๋ยว 5 ทุ่มมาหา(คงคิดว่ากรูคงไ้ด้รับรถแล้ว) 555  คิวคุณรับรถพรุ่งนี้หกโมงเย็นไม่ใช้หรือ  ( ส่วนใหญ่ลูกค้าเวลาเห็นผมจูนอยู่จะไม่ค่อยมีใครกล้าเ้ข้าใกล้ คงเห็นผมเหมือน rottweiler มั้ง) ผมชอบที่จะทำ fine tune ช่วงตีสาม ถึงเช้าครับ ก่อนจูนก็จะนอนประมาณ 4- 5 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ตื่นมาจะสดชื่นดี อากาศเย็นสบายตัว
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ malako

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 752
  • ถูกใจกด Like+ 88
  • เพศ: ชาย
Re: พอจะซ่อมได้ไหมครับ
« ตอบกลับ #151 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2012, 12:30:14 PM »


เนื่องจากเป็นผู้มาใหม่  ทำให้ผมค่อยๆ ตามอ่านกระทู้เก่าๆ  อ่านแล้วเกิดความสว่างไสวขึ้นในหัวสมอง 
หลากหลายความรู้ต่อยอดต่อรอยหยักในเนื้อสมองเพิ่มขึ้นครับ

นี่เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ดีในรอบปีนะครับ  ท่านเจ้าของกระทู้ มีแง่และมุมที่ชวนให้ตามติดในเชิงสร้างสรรค์ยิ่ง 
เลยอดมิได้ที่จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนบ้างครับ

คุยกันในเรื่องของ  เสียง  ซึ่งเกิดจากสั่นทั้งสิ้น 
พลังงานของการสั่นเมื่อหูได้ยิน  และส่งไปแปลงแล้วส่งต่อให้สมองประมวลผลเกิดความเข้าใจขึ้น
เสียงพูด  เสียงร้อง  และเสียงเพลงเสียงดนตรีที่เราได้ยิน  มีความถี่ตามที่รู้กันคือ
20 ? 20000 Hz   และถ้าเราแบ่งย่านความถี่เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็น  3 ย่านคือ

ย่านความถี่ต่ำ    ย่านความถี่กลาง    ย่านความถี่สูง

ในทุกย่านความถี่ของเสียง  มีสิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่พออธิบายในปัจจุบันนี้ซ่อนอยู่หกเจ็ดข้อ  อาทิเช่น

Speed of Sound  ,  Frequency  ,  Pitch  ,  Wave Length  ,  Phase  ,  Decibel

เมื่อเราเปิดเครื่องเสียงฟังเพลงที่ชื่นชอบด้วย  ?ความดังทั่วๆ ไปสำหรับฟังในบ้าน?  ย้ำตรงนี้นะครับ  ความดังพอสมควร
ย่านความถี่ทั้ง  3  ย่านจะเปล่งออกจากลำโพงด้วยความเร็วเสียงเท่ากัน
ในระยะทางที่ห่างจากลำโพงจุดหนึ่ง
มันเป็นธรรมชาติของ ?หู?  คนเรา  ที่จะได้ยิน  ?ความดัง? 
ของย่านความถี่เสียงทั้ง  3  ย่าน  ไม่เท่ากันนะครับ
หูคนเราจะได้ยินและรับรู้ย่านความถี่เสียงกลางได้ชัดเจน  และดังกว่า  ย่านความถี่เสียงต่ำและย่านความถี่เสียงสูง 
ยิ่งอยู่ห่างออกไปยิ่งดังเบามากจนกระทั่งได้ยินแต่ย่านความถี่เสียงกลาง

ทำให้เสียงเพลงเสียงดนตรีขาดความสมดุล  เพลงไม่ไพเราะ
วิธีแก้ของนักอีเล็กโทรนิกส์ก็คือการเพิ่มวงจรเพิ่มความดังเสียงต่ำและเสียงสูง
ที่เราเรียกว่า  Loundness  ทำให้เพลงที่ฟังมีทุ้มแหลมเพิ่มขึ้น  ดังขึ้น  เพราะขึ้นครับ
เป็นวิธีที่ง่ายและถูกที่สุดกว่าวิธีใดๆ  ในการผลิตเครื่องเสียงออกขายแข่งกันนะครับ
ถ้าเข้าใจเรื่องของ  Amplitude  ก็จะง่ายขึ้นครับ

ในวงการงานติดตั้งระบบเสียงพีเอหรืองานกลางแจ้งจึงต้องมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มขึ้น
เพื่อให้  Sound Engineer โดยตรงแก้ธรรมชาติการได้ยินของคนเราตรงนี้ครับ
รวมทั้งแก้อาการอย่างอื่น ทั้งนี้เพื่อให้การรับฟังและชมได้อรรถรสยิ่งขึ้น

การฟังเพลงรวมถึงการเล่นเครื่องเสียงผมถือว่ามันเป็นศิลปนะครับ 
แม้แต่ละคนอาจมีความชอบไม่เหมือนกัน  แต่จุดหมายปลายทางคือจุดเดียวกันครับ....

ส่วนเรื่องของการมิกซ์เสียงในห้องอัดนั้น  คุยกันยาวเป็นปีเลยครับผม