ตา กระทบรูป ย่อมรับรู้ในรูปนั้น เป็นธรรมดา
....
หู กระทบเสียง ย่อมรับรู้ในเสียงนั้น เป็นธรรมดา
....
จมูก กระทบกลิ่น ย่อมรับรู้ในกลิ่นนั้น เป็นธรรมดา
....
ลิ้น กระทบรส ย่อมรับรู้ในรสชาดนั้น เป็นธรรมดา
....
กาย กระทบสัมผัส คือโผฏฐัพพะ ย่อมรับรู้ในกายสัมผัสนั้น เป็นธรรมดา
....
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น คือ ผัสสะทั้ง 5 ที่ทุกคนมีนั้่นเป็นธรรมดา
แต่ที่ทุกคนมีแตกต่างกัน คือ ธรรมารมณ์
เมื่อใจ กระทบธรรมารมณ์ ย่อมรับรู้ในธรรมารมณ์นั้น นั่นคือความแตกต่างของแต่ละบุคคล
ขอยกตัวอย่าง
ทำไมนักชิมไวน์ จึงมีลิ้นรับรู้รสด้วยความเป็นเลิศ
ทำไมนักฟังบางท่าน บอกว่าเสียงเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
แล้วทำไมเราชิม เราฟัง จึงไม่รู้ความแตกต่าง
นั่นเป็นเพราะว่า
ตา รับ รูป, หู รับ เสียง, จมูก รับ กลิ่น, ลิ้น รับ รส, กาย รับ โผทัพพะ
เกิดการประมวลผลให้ ใจ รับ ธรรมารมณ์ (ความคิด ความนึก ความรู้สึก อารมณ์)
หรือพูดง่าย ๆ อารมณ์ที่ใจรู้, อารมณ์ที่เกิดทางใจ
แล้วคุณคิดว่าทุก ๆ คน มีธรรมารมณ์เท่าเทียมกันไหม ตอบง่าย ๆ ว่าไม่เท่ากัน
มันขึ้นอยู่กับสภาพธรรมที่รู้จิต คือ ปัญญา ครับ
คำตอบมันมีอยู่ในตัวของมันเอง ไม่ใช่ไสยศาสตร์
อ่านแล้วอย่าหาว่านายอัลกอฮอล์เพี๊ยนนะ หรือใครว่าเพี๊ยนก็ขอน้อมรับครับ