DIY มือใหม่ , TIPS & TRICKS , R&D SECTION > TIPS & TRICKS
รหัสหลอดอเมริกัน
(1/1)
CreÃte_Lek ♫:
รหัสผู้ผลิตหลอด
ในยุคนั้นมีรหัสมาตรฐานของ RMA-EIA ที่สามารถย้อนรอยไปหาที่มาของผู้ผลิตหลอดได้ด้วย เช่น หลอดของ Emerson ผลิตโดย GE (รหัส 188) หรือ Philco ผลิตโดย National Union (รหัส 247) รหัสเหล่านี้ไม่เพียงบอกถึงผู้ผลิต แต่ยังสามารถบอกได้ว่าถูกนำเข้าโดยใคร จัดจำหน่ายโดยใครได้อีกด้วย
รหัส ในตารางต่อไปนี้ถูกใช้สำหรับหลอดที่ผลิตส่งค่ายทหารอีกด้วย เช่น JAN-CIM-2C39 เป็นหลอดที่ผลิตโดย Eimac เป็นต้น เรามาดูตารางรหัสกันครับ (บางรหัสเราไม่มีโอกาสเจอก็ได้ครับ เพราะเป็นหลอดเครื่องส่ง หรือใช้งานด้านอุตสาหกรรม)
111: Amperex (CEP)
117: Arpin Mfg. Co. (CAPQ)
158: Du Mont (CDU)
162: Eimac (CIM)
170: Electronic Tube Crop. General Atronics (CVG)
177: Fransworth Tel. & Radio Crop. (CFN)
179: Federal T. & R. Co. (CFT)
188: GE (Ken-Rad) (CG, CKR)
189: General Electronics (CDR)
210: Hytron/CBS-Hytron (CHY)
212: Ind'l & Comm'l Elect. (CIZ)
226: Kuthe Labs (CADK)
231: Machlett Labs (CAGD)
247: National Union Lansdale Tube Co. (CNU)
260: Phico
274: RCA (CRC)
280: Raytheon (CRP)
301: Sperry Gyroscope Co. (CS)
308: Stromberg-Carlson
312: Sylvania (CHS)
322: Tung-Sol (CTL)
323: United Electronics (CUE)
336: Western Eelectric (CW)
337: Westinghouse (CWL)
354: Lewis Electronics (CYN)
423: North Am. Philips (CNY)
431: Waterman Prod. Co. (CAGX)
557: Electronic Producs Co.
562: Polarad Electronics
636: Sheldon Electronics Co.
653: American Telev. Inc. (CAGE)
672: Thomas Electronics (CBUP)
677: Rogers Elect. Corp. (CQ)
713: Taylor Tubes, Inc. (CTY)
738: Lewis & Kaufman, Ltd.
744: Hughes Aircraft Co.
749: National Electronics (C)
771: Penta Labs
781: Vacuum Tube Products
787: Sonotone Corp. (COZ)
803: Microwave Associates
806: Gordos Corp.
809: Varian Associates
818: Tel-O-Tube Corp.
879: Litton Industries
884: C.R.T. Electronics Corp.
886: Calvideo Tube Corp.
935: Electrons, Inc. (CEL)
940: Bomac Labs. (CBNQ)
964: Huggins Labs
1012: Bendix Red Bank (CJEA)
1101: Rauland (CIY, CBQZ)
1120: General Electrodyn. Corp.
- Arcturus (CAA)
- Cable (Speed) (CRS)
- Champion (CRS)
- Daven (CDN)
- Duovac (CBW)
- Electronic Enterprises (CDZ)
- Heintz & Kaufman (CKH)
- Johnsonburg (CJR)
- Majestic (CMW)
- Northern Electric (CT)
- Victoreen (CBBM)
- Canadian Westinghouse (CK)
- Chatham Electronics (CAHG)
CreÃte_Lek ♫:
รหัสวันที่ผลิต
หลอดส่วนมากที่ผลิตกลางปี 30 เป็นต้นไป มักจะมีการระบุรหัสวันที่ผลิตเข้าไปด้วย รูปแบบวันที่พิมพ์ลงบนตัวหลอดหรือฐานหลอดใช้กันมาจนถึงปี 1950 รูปแบบที่ว่านี้ก็คือ YY-WW โดย YY จะเป็นตัวบอกเลขสองหลักสุดท้ายของปี ค.ศ. และ WW เป็นลำดับสัปดาห์ที่ในปีนั้นๆ
รหัสวันที่ผลิตค่อนข้างจะ กำกวมหน่อย เพราะมันอาจจะบอกเป็นเดือนที่ผลิต หรือเดือนที่หมดการรับประกัน และค่อนข้างสับสนมากเข้าไปอีกถ้าโรงงานแต่ละที่ใช้มาตรฐานไม่เหมือนกันอีก มาไล่ดูวิธีการระบุรหัสวันที่ของหลอดแต่ละยี่ห้อกันครับ
RCA แรกๆจะใช้รหัสเป็นการเข้ารหัสโดยใช้สัญลักษณ์ ซึ่งมีความซับซ้อน แถมยังมีโอกาสซ้ำอีกต่างหาก จนมาถึงกลางปี 30 การกำหนดรหัสเริ่มมีรูปแบบง่ายขึ้น โดยใช้ตัวอักษรเป็นตัวบอกปีดังนี้
U: 1937 R:1939 Y:1941 K:1943 V:1945
T: 1938 X:1940 S: 1942 H:1944 F:1946
ตามด้วยการใช้ตัวเลขเป็นตัวบอกเดือนดังนี้
1: Jan-Feb 3: May-June 5: Sept.-Oct.
2: Mar.-Apr. 4: July-Aug 6: Nov.-Dec.
ตามด้วยตัวอักษร "E" สำหรับหลอด OEM
มา ถึงปี 1946 ได้เริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบรหัสไปเป็นตัวเลข เช่น 7-26 หมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 26 ของปี 1947 ขีดคั่นจะเป็นตัวบอกว่าเป็นหลอด OEM ถ้าไม่มีขีดก็จะเป็นของ RCA เอง จนมาถึงปี 1956 RCA ก็ใช้รหัส YY-WW ตามมาตรฐาน RMA-EIA แต่บางหลอดยังมีการกำหนดรหัสตัวอักษรควบคู่ไปด้วย เช่น AW, BF เป็นต้น
Sylvania ในช่วงปี 30 ใช้รหัสตัวเลขและตัวอักษร โดยตัวอักษรเป็นตัวบอกถึงเดือนที่ผลิต ตามด้วยตัวเลขปีสองหลัก รหัสตัวอักษรที่บอกเดือน จะมีการเปลี่ยนเป็นช่วงๆดังนี้
ปี 1930-1935 ใช้รหัสเดือนดังนี้
C: January D: April A: July B: October
H: February J: May D: August F: November
M: March N: June K: September L: December
รหัสปีจะใช้ตัวเลขหลักสุดท้ายเป็นเป็นตัวบอกปี เช่น N5 หมายถึงผลิตในเดือนมิถุนายน (June) ปีค.ศ 1935
หลังปี 1935 ซิลวาเนียได้ทำการเปลี่ยนรหัสเดือนใหม่อีกรอบ และใช้งานมาจนถึงปี 1938 ดังนี้
A: January D: April G: July J: October
B: February E: May H: August K: November
C: March F: June I: September L: December
รหัส รูปแบบนี้ถูกใช้งานมาจนถึงกลางปี 1938 ใช้การสลักด้วยความร้อน ทั้งโลโก และรหัสวันที่ผลิตลงที่ฐานหลอด พอหลังจากเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนก็เปลี่ยนมาใช้การสกรีนด้วยหมึกสีเขียว ถ้ารหัสวันที่ผลิตถูกเอทช์ หรือพิมพ์ลงบนตัวแก้ว ให้อนุมาณได้เลยว่าเป็นหลอดที่ซิลวาเนียจ้างผู้ผลิตรายอื่นทำให้
ในปี 1939 รหัสถูกเปลี่ยนอีกครั้งโดยใช้ตัวอักษร Z-V-T-N เป็นตัวบอกไตรมาสที่ทำการผลิตหลอด และกำหนดตัวอักษร R ต่อท้ายเพื่่อบอกว่าเป็นหลอดของ Sylvania เองไม่ได้เป็นหลอด OEM (R หมายถึง Replacement หรือสำหรับเปลี่ยนกับหลอดของซิลวาเนียเอง) และใช้ตัวเลขหลักสุดท้ายของปีเป็นตัวระบุปี เช่น Z9 หมายถึงผลิตไตรมาสที่ 1 ของปี 1939 เป็นต้น
มาถึงปี 1947 ซิลวาเนียได้เปลี่ยนมาใช้รหัสตัวเลขสามหลักเป็นตัวบอกรหัสวันที่ผลิต โดยใช้ตัวเลขปีเพียงหลักเดียวเหมือนกับ RCA
เราอาจจะเจอหลอด Zenith หลังปี 30 และ 40 ที่พิมพ์รหัสวันที่เหมือนกับ Sylvania ซึ่งพอจะเดาๆได้ว่าผลิตโดยซิลวาเนีย
CreÃte_Lek ♫:
Philco หลอดทั้งหมดของยี่ห้อนี้ผลิตโดย Sylvania และรหัสวันที่ผลิตหลอดก็ใช้ตรงกันจนถึงปี 1935 พอหลังปี 1935 Philco ได้กำหนดรหัสตัวอักษรสี่ตัวคือ O-P-U-S เป็นตัวบอกไตรมาสที่ผลิตหลอด เช่นเดียวกับหลอดซิลวาเนียที่ผลิตกลางปี 1938 จะใช้การสลักด้วยความร้อนลงที่ฐานหลอด ทั้งโลโกและรหัสผลิต และเปลี่ยนมาใช้การสกรีนด้วยหมึกเหลือง มาตรฐานนี้ใช้มาจนถึงปี 1949 และในปี 1950 ค่อยเปลี่ยนมาใช้ตามมาตรฐาน EIA
Ken-Rad บริษัทนี้ยึดการระบุรหัสแบบตายตัว และใช้มาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลก โดยมีรหัสดังนี้ (เดือน-ปี ค.ศ.)
H9: 7-40 N0: 1-41 V0: 7-41
I9: 8-40 P0: 2-41 W0: 8-41
J9: 9-40 R0: 3-41 X0: 9-41
K9: 10-40 S0: 4-41 Y0: 10-41
L9: 11-40 T0: 5-41 Z0: 11-41
M0: 12-40 U0: 6-41 A1: 12-41
Raytheon ใช้การระบุรหัสแบบนับไตรมาส แต่จะเป็นช่วงวันที่ของการส่งสินค้าแทน รูปแบบรหัสดังนี้ (เดือน-วันสิ้นเดือน-ปี ค.ศ.)
C9: 3-31-39 L9: 12-31-39 I0: 9-30-40
F9: 6-30-39 C0: 3-31-40 L0: 12-31-40
I9: 9-30-39 F0: 6-30-40 C1: 3-31-41
Western Electric ใช้เพียงรหัสตัวอักษร สองตัว ตัวแรกบอกถึงปี ดังนี้ A: 1936, B:1937, C: 1938 และตัวอักษรตัวที่สองเป็นตัวบอกเดือนดังนี้
A: January D: April K: July N: October
B: Febuary E: May L: August P: November
C: March H: June M: September S: December
หลอดทรง ST จะฝังรหัสผลิตล้อมรอบโลโก WE ตรงด้านบนของหลอด โดยด้านบนของโลโกจะบอกเดือน และด้านล่างโลโกจะบอกปีดังนี้
W: 1938 Jan. N: 1944 July
E: 1939 Feb. E: 1945 Aug.
S: 1940 March L: 1946 Sept.
T: 1941 April E: 1947 Oct.
E: 1942 May C: 1948 Nov.
R: 1943 June T: 1949 Dec.
ต่อ มาในไตรมาสที่สองของปี 1947 ก็เปลี่ยนมาใช้ระบบตัวเลขสามหลักเหมือนกับ RCA และเปลี่ยนมาใช้ตามมาตรฐาน EIA ในไตรมาสแรกของปี 1956
CreÃte_Lek ♫:
ระบบตัวเลขรหัสหลอดมาตรฐาน RMA (Radio Manufacturers Association)
ปี 1942-1944 เริ่่มมีการกำหนดให้เป็นมาตรฐานเบอร์หลอดอเมริกา เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยใช้ระบบตัวเลขผสมตัวอักษร เพื่อใช้อธิบายพื้นฐานข้อมูลคุณสมบัติเกี่ยวกับหลอดนั้นๆ
หมาย เหตุ: เบอร์หลอดที่มีเลขสองหลัก ( เช่น #45, #50, #80) และเลขสามหลัก (เช่น #245, #845) เป็นหลอดที่ผลิตมาก่อนกำหนดมาตรฐาน RMA หลอดเลขสี่หลักที่ใช้ในอุตสาหกรรมไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน RMA เช่นกัน
เบอร์ หลอดตามมาตรฐาน RMA จะประกอบไปด้วยตัวแรกเป็นตัวเลข ตามด้วยตัวอักษรหนึ่งหรือสองตัว ตามด้วยตัวเลข และอาจจะมีปิดท้ายด้วยตัวอักษรมากกว่าหนึ่งตัว
เบอร์หลอดบางเบอร์ดูเหมือนจะคล้ายมาตรฐาน RMA แต่จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เช่น 2D21 เป็นต้น
ความหมายของตัวอักษรและตัวเลขที่ใช้ตามมาตรฐาน RMA จะมีดังนี้:
I. ตัวเลขชุดแรก
ตัวเลขหนึ่งหรือสองตัวแรกจะบอกถึงแรงดันจุดไส้หลอด/ฮีตเตอร์ โดยตัดทศนิยมทิ้่ง หลอดคาโธดเย็น (Cold-cathode) ใช้เลข ?0?
ยกเว้นหลอดเหล่านี้:
* หลอดที่มีแรงดันไส้หลอดเท่ากับ 2.0V หรือต่ำกว่าจะใช้เลข ?1?
* หลอดขาแบบ Loctal จะใช้เลข ?7? สำหรับแรงดันไส้หลอด 6.3V และเลข ?14? สำหรับแรงดันไส้หลอด 12.6V
ตัวอย่าง:
* 2A3 แรงดันไส้หลอดเท่ากับ 2.5V โดย 2.5 ถูกตัดทศนิยมทิ้งเหลือ 2,
* 1LA6 แรงดันไส้หลอด 1.4V โดยตัดทศนิยมทิ้งให้เหลือเลข ?1?
* 1A6 แรงดันไส้หลอด 2.0V ใช้ตัวเลข ?1?
* 7N7 เป็นหลอดขา Loctal แรงดันจุดไส้หลอด 6.3V 14A4 เป็นหลอด Loctal แรงดันจุดไส้หลอด 12.6V
* 0A2 เป็นหลอดเรกูเลตแบบคาโธดเย็น
II. ชุดตัวอักษรที่อยู่ระหว่างตัวเลข
ตัวอักษรหนึ่ง หรือสองตัวที่อยู่ระหว่างตัวเลขจะเรียกว่า ?serial letter?
* หลอดเรคติฟายจะเริ่มต้นด้วยตัวอักษร Z ไล่ย้อนหลังตามลำดับตัวอักษร (เช่น: 5Z3)
* หลอดอื่นๆจะไล่ตามลำดับตัวอักษรปกติเริ่มจาก A (เช่น: 6A3)
ลำดับ จะเริ่มจากตัวอักษรตัวเดียว เมื่อใช้ไปจนหมดจึงจะเพิ่มตัวอักษรตัวที่สองนำหน้าตัวอักษรเดิมโดยเริ่มจาก A ถ้าซ้ำกับตัวแรกก็จะใช้ตัวอักษรถัดไปเช่น ?B? หรือ ?C? เป็นต้น
ตัวอย่าง:
* 6K6 เป็นเบอร์ที่มีการกำหนดไปแล้ว ถ้ามีการพัฒนาหลอดขึ้นมาใหม่ที่มีแรงดันจุดไส้หลอด 6.3V และมีส่วนประกอบภายใน 6 ส่วนก็จะใช้เบอร์หลอดเป็น 6AK6 ถ้ามีการพัฒนาหลอดขึ้นมาใหม่อีกที่มีแรงดันจุดไส้หลอด 6.3V และมีส่วนประกอบภายใน 6 ส่วนก็จะใช้เบอร์หลอดเป็น 6BK6
ข้อยกเว้นการใช้ตัวอักษร ?S? :
* ตัวอักษร ?S? ที่ใช้นำหน้าชุดตัวอักษรหมายถึง ?single-ended? จะบอกถึงหลอดที่พัฒนาจากหลอดที่มีแนวการออกแบบหลอดในยุคเก่าที่จะมีส่วนควบ คุมปกติจะเป็นคอนโทรลกริดอยู่ตรงหัวจุกของหลอด ถ้าเป็นแนวการออกแบบหลอดยุคใหม่จะให้ส่วนควบคุมอยู่ตรงฐานหลอด
* ตัวอย่าง: 6K7 เป็นหลอดหัวจุก หลอด 6SK7 จะไม่มีหัวจุก
* อย่าสับสนกับ ?S? ที่อยู่ต่อท้ายเช่นหลอดเบอร์ 57S จะไม่เกี่ยวข้องกัน
III. ตัวเลขชุดท้าย
ตัวเลขชุดท้ายที่อยู่ต่อกับ ?serial letter? จะบอกถึงจำนวนส่วนประกอบที่ใช้งานภายในหลอดเบอร์นั้นๆ ส่วนประกอบที่ใช้งานจะเชื่อมต่อกับขาหลอดที่สามารถต่อใช้งานกับวงจรภายนอก ได้ โดยส่วนประกอบที่จะงานจะนับรวมทั้งไส้หลอด ซัพเพรสเซอร์กริด ถ้าชีลด์ถูกต่อกับขาหลอดก็จะถูกนับรวมด้วยเช่นกัน
ตัวอย่าง:
* 6L6 = ตัวเลขสุดท้าย ?6? จะบอกถึงว่าหลอด 6L6 มีส่วนประกอบที่ใช้งาน 6 ส่วนคือ: ไส้หลอด, เพลท, คอนโทรลกริด, สกรีนกริด, คาโธด และซัพเพรสเซอร์กริด
* 2A5 = จะมีส่วนประกอบที่ใช้งาน 5 ส่วนคือ ไส้หลอด, เพลท, คอนโทรลกริด, สกรีนกริด และคาโธด หลอดเพนโทดจะมีซัพเพรสเซอร์กริด แต่ซัพเพรสเซอร์กริดไ่ม่ได้ต่อกับขาหลอด จึงไม่นับว่าเป็นส่วนประกอบที่ใช้งาน
IV. ตัวอักษรต่อท้าย
ตัวอักษรต่อท้ายเป็นตัวบอกถึงคุณสมบัติทางกายภาพของหลอดชนิดเดียวกัน ตัวอักษรที่ต่อท้ายอาจจะมีมากกว่าหนึ่งตัว
เช่น: 5Y3WGTA เป็นหลอดที่ออกแบบมาสำหรับงานทางการทหาร จะมีขนาดตัวแก้วที่เล็กกว่า และแนวการออกแบบที่ใหม่กว่า 5Y3G เดิม
ตัวอักษรต่อท้ายที่ควรจำ:
* G = ตัวหลอดชั้นนอกสุดเป็นแก้ว
* W = โครงสร้างแน่นตามมาตรฐาน ?MIL-1-A? ทางการทหาร ดังนั้นหลอดที่มีตัวอักษรต่อท้าย W จะเป็นหลอดในคลังของทหาร
เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกกรณีตัวอักษรต่อท้ายอื่นๆมีความหมายดังนี้:
* (ไม่มีตัวต่อท้าย) = ถ้าไม่มีตัวต่อท้ายใดๆก็ไม่ได้บอกถึงคุณสมบัติอะไรเพิ่มเติม ถ้าเราทราบว่าหลอดเบอร์นั้นๆมีทั้งหลอดแก้วและหลอดเหล็ก หลอดที่ไม่มีตัวต่อท้ายก็จะเป็นหลอดเหล็ก เช่น 6L6, 6F6, 6V6, 6N6 เป็นต้น ถ้ามีเฉพาะหลอดแก้วอย่างเดียวหลอดที่ไม่มีตัวอักษรต่อท้ายก็จะเป็นต้นฉบับ การออกแบบ (original design) เช่น 2A3, 6A3 เป็นต้น
* A = เป็นลำดับการพัฒนาในลำดับที่สอง ของหลอดเบอร์เดียวกัน โดยปรับปรุงให้ดีขึ้นมาอีกระดับ หรืออาจจะมีความทนทานมากกว่าเดิม โดยยังคงคุณสมบัติการทำงานเหมือนเดิม ปกติหลอดที่ลงท้ายด้วย ?A? จะปรับปรุงในเรื่องการลดเวลาการอุ่นไส้หลอด การลดสัญญาณรบกวน การลดฮัม
* B = เป็นลำดับการพัฒนาในลำดับที่สาม ของหลอดเบอร์เดียวกัน โดยปรับปรุงให้ดีขึ้นมาอีกระดับ หรืออาจจะมีความทนทานมากกว่าเดิม โดยยังคงคุณสมบัติการทำงานเหมือนเดิม
* C = เป็นลำดับการพัฒนาในลำดับที่สาม ของหลอดเบอร์เดียวกัน โดยปรับปรุงให้ดีขึ้นมาอีกระดับ หรืออาจจะมีความทนทานมากกว่าเดิม โดยยังคงคุณสมบัติการทำงานเหมือนเดิม
* G = เป็นหลอดแก้ว ฐานหลอด Octal เบอร์จะเหมือนกับหลอดเหล็ก
* GB = เป็นหลอดแก้วขนาด T-5?
* GL = เป็นหลอดแก้วขนาด T9 ฐานหลอด Loctal
* GM or MG = หลอดแก้วหุ้มด้วยโลหะ ฐานหลอด Octal
* LM = เป็นหลอดเหล็กขนาด MT-8 ฐานหลอด Octalox
* LT = เป็นหลอดแก้ว T9 ฐานหลอด Octalox
* M = เป็นหลอดเหล็ก ฐานหลอด Octal
* ML = เป็นหลอดเหล็ก ขนาด T9 ฐานหลอด Loctal
* M-R = ไม่เกี่ยวกับการบ่งบอกเชิงเทคนิคใดๆ ตัวอักษร ?MR? จะบอกถึงว่าเป็นหลอดที่ผลิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บอกถึงว่าเป็นหลอดสำหรับ ?Maintenance and Repair? สำหรับวิทยุของพลเรือน (ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทางการทหารจำเป็นต้องใช้หลอดจำนวนมาก จึงมีการผลิตหลอดออกมาจำนวนมาก และยังจำหน่ายให้กับพลเรือนด้วย) M-R จึงไม่มีนัยใดๆเป็นพิเศษสำหรับออดิโอไฟล์
* S= บอกถึงมีการพ่นชีลด์เคลือบภายในหลอดแก้ว
* T = เป็นหลอดแก้วสั้น
* W = โครงสร้างแน่นหนา ตามมาตรฐานทางการทหาร ?MIL-1-A?
* Y = หลอดมีฐานเป็นไมกานอน
สรุปส่งท้าย
การกำหนดเบอร์หลอดตามมาตรฐาน RMA ช่วยให้เราทราบข้อมูลพื้นฐานของหลอดแต่ละเบอร์ดังนี้:
* ทำให้ทราบถึงแรงดันจุดไส้หลอด
* Serial Letter ที่อยู่ติดกับตัวเลขชุดหลัง ทำให้เราทราบว่าเป็นหลอดเรคติฟาย หรือเป็นหลอดอะไร หลอดที่มีลำดับอักษรท้ายๆมักจะเป็นหลอดเรคติฟายเช่น 5Z3, 6W4, 6AX5GT, 5AS4A เป็นต้น แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นเบอร์ 6CA4 ก็เป็นหลอดเรคติฟาย
* ตัวอักษรต่อท้ายทำให้เราทราบถึงคุณสมบัติทางกายภาพของหลอด
CreÃte_Lek ♫:
ตารางเทียบสัปดาห์เป็นเดือน
ที่มา: Tube Lore
ละเลงไทย: AnalogLism
ขอขอบคุณ คุณ AnalogLism และ www.thaidiyaudio.net สำหรับข้อมูล ภาคภาษาไทยครับ [res]
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version