www.diyaudiovillage.net

INTRODUCTIONS เสวนาภาษาพี่น้อง => เสวนาภาษาพี่น้อง => ข้อความที่เริ่มโดย: squid™ ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:20:49 AM

หัวข้อ: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: squid™ ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:20:49 AM
(http://image.ohozaa.com/i/91a/Erpxi.gif) (http://image.ohozaa.com/view/3gol3)

หลังจากทรมานจากโรคมะเร็งมะเร็งตับอ่อนอยู่นาน ในที่สุดก็พ่ายแพ้

R.I.P. October 5, 2011 (aged 56)   โอบาม่ากล่าวไว้อาลัยว่า " He changed the way each of sees the world"

Apple.com ได้เปิดให้ทุกท่านสามารถร่วมไว้อาลัยการจากไปของสตีฟ จ๊อบส์ ได้ที่อีเมล์  rememberingsteve@apple.com




เพิ่มเติมครับ **** "RIP." ก็คือ "REST IN PEACE" นั่นเองครับ ถ้าแปลตรงตัวก็ คือ "การพักผ่อนอย่างสงบ" นั่นเอง

มันคือการขอพรให้ผู้ที่เสียชีวิต "ได้พักผ่อนอย่างสงบ" และไม่ต้อง "ทรมาน" ในระหว่างที่รอวันพิพากษา (Judgment Day) ตามหลักของศาสนาคริสต์
มีที่มาจากรากศัพท์ "Requiescat In Pace" ซึ่งเป็นภาษาลาตินที่แปลได้ว่า "May He Rest In Peace" (ขอให้เขาไปสู่สุขคติ) ส่วนในภาษาอิตาลีจะใช้คำว่า "Riposi In Pace" โดยในบางนิกายของศาสนาคริสต์ เชื่อว่า ผู้ที่ตายไปแล้ว จะต้องไปรอ "วันพิพากษา" ในนรกก่อน ส่วนบางนิกาย เชื่อว่า ผู้ตายจะต้องไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้ทันที ดังนั้นคำว่า "Rest In Peace" จึงหมายความว่า ขอให้ผู้ตายได้ไปอยู่รอวันพิพากษาในที่ๆสงบสุข

ปล. ศาสนาคริสต์เชื่อว่า วันหนึ่งจะถึงวันที่พระเจ้าจะ "พิพากษา" หรือตัดสินกรรมของมนุษย์ทุกคนบนโลก
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: gig ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:28:11 AM
RIP ศาสดา Apple ด้วยครับ
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: monolab ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:34:35 AM
อ้าวท่านศาสดา ไปซะแล้วขอไว้อาลัยจากการจากไปด้วยครับ  [res]
ถึงจะไม่เคยซื้อ iphone ipad เค้าใช้ก็เถอะ
แต่ผมก็มีซาก Macintosh 1 นะ  hahaha
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: electron ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:40:24 AM

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย  เป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง ... ไปสู่ที่ชอบและอยากไปเถิดท่าน ... วันนี้คิวท่าน... วันหน้าคิวเรา  [n_o]
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: MonAudio ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:53:51 AM
RIP ด้วยครับ ...
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: golf_y ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:56:35 AM
ทุกอย่างมันย่อมเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปครับ ทุกอย่างเป็นไปตามวัฏจักรครับ  แต่อย่างไรก็ตามขอให้ไปสู่สุขติภพนะครับ [res] [res] [res]
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: คนเผาถ่าน ที่ 06 ตุลาคม 2011, 09:03:06 AM
ขอให้ไปสู่สุขคติ ครับ
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: ZEN ที่ 06 ตุลาคม 2011, 09:09:46 AM
ขอให้ไปสู่สุขคติ  ...R.I.P ครับ
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: Davit ที่ 06 ตุลาคม 2011, 11:23:19 AM
หลับให้สบาย.... [res]
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: rambutan ที่ 06 ตุลาคม 2011, 11:40:47 AM
ไปซะละ ไอพ่น5ยังไม่ออกเลย [Rabb_cry]
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: numz ที่ 06 ตุลาคม 2011, 11:44:38 AM
อ่า... iMac G3 ที่เคยใช้เรียนทำ CG  [res]

ผลงานจากอดีต ถึง เกือบจะปัจจุบัน...ที่ผ่านการออกแบบโดยตาจ็อป

ในยุค 1977-80 จะใช้ชื่อว่า  Apple II

(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-apple.jpg)

แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น Macintosh ตอนปลายยุค 80

(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_1.jpg)

พอเริ่มยุค 90 ก็เริ่มคิดไม่เหมือนใครแล้ว โครงการ i ทั้งหลาย เริ่มต้นต้นยุค 90 แต่กว่าจะได้เริ่มออกขายตัวแรก ก็ ต้องรอกันไปจนถึงปี 2001 กันเลย  jump

(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_2.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_3.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_4.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_5.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_6.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_7.jpg)

ละลานตา....  อะยังมีต่อนะ  jump

(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_8.jpg)
(http://imgs.obviousmag.org/archives/uploads/2007/071021_blog.uncovering.org_linha-macintosh_9.jpg)

ส่วนอะไรที่อยู่หลัง 2007 ขอไม่เอารุปมาลงเน้อ เพราะคิดว่า ยังหาดูได้ตามร้านขายทั่วไป ของ iStudio ขอร๊าบ

เหนื่อยหละ ไปดีก่า
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: sur ที่ 06 ตุลาคม 2011, 12:06:41 PM
 [c--c] ไว้อาลัย คุณสตีฟ จ็อบส์
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: choyadit ที่ 06 ตุลาคม 2011, 04:43:10 PM
ขอไว้อาลัย คุณ Steve Jobs ครับ
หัวข้อ: Re: หน้าเว็บ Apple เช้าวันนี้ (ไว้อาลัย Steve Jobs)
เริ่มหัวข้อโดย: MonAudio ที่ 06 ตุลาคม 2011, 08:19:16 PM
ไว้อาลัย Steve Jobs ครับ  

...บทความนี้ มันยาวหน่อยนะครับ แต่ผมอ่านแล้ว มีข้อคิดดี ๆ ผสมอยู่ด้วย เลยเอามาฝากครับ

(http://upic.me/i/xm/321233.jpg) (http://upic.me/show/28818097)
 
   สุนทรพจน์ ที่ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh แสดงในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่บัณฑิตจบใหม่ในวันนั้น แต่ยังรวม ไปถึงโลกคอมพิวเตอร์ที่ Silicon Valley และยังคงได้รับการชื่นชมและกล่าวขวัญไปทั่วโลกจนถึงวันนี้
   สุนทรพจน์วันนั้น Jobs เพียงแต่เล่าถึงบทเรียนในชีวิตของเขา 3 บท แต่เป็น 3 บทที่ทำให้เขา ซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงก็ไม่ต้องการ กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
    บทเรียนบทแรกของ Jobs ซึ่งเขาเรียกมันว่า ?การลากเส้นต่อจุด? เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ตัวเขาเอง ไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะได้ลาออกหลังจากเรียนในมหาวิทยาลัย Reed College ไปได้ เพียง 6 เดือน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้น Jobs กล่าวว่า มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เขายังไม่เกิด

  แม่ที่แท้จริงของเขา ซึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา และตัดสินใจยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก แต่เธอมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่บุญธรรมของลูกของเธอจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย Jobs เกือบจะได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมายที่จบมหาวิทยาลัยและมีฐานะ ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า พวกเขาไม่ต้องการเด็กผู้ชาย

  กว่า Jobs จะได้พ่อแม่บุญธรรม ซึ่งต่อมาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ ก็อีกหลายเดือนหลังจากเขาเกิด เนื่องจากแม่ที่แท้จริงของเขาเกิดจับได้ว่า ว่าที่พ่อแม่บุญธรรมของ Jobs ได้ปิดบังระดับการศึกษาที่แท้จริงซึ่งไม่ได้จบมหาวิทยาลัย และพ่อบุญธรรมของ Jobs ไม่ได้เรียนมัธยมด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอก็ได้ยอมเซ็นยก Jobs ให้แก่พ่อแม่บุญธรรม เมื่อพวกเขารับปากว่าจะส่งเสียให้ Jobs ได้เรียนมหาวิทยาลัย

   17 ปีต่อมา Jobs ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสมตามความต้องการของแม่ที่แท้จริง ผู้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาแต่กลับต้องการกำหนดชะตาชีวิตของลูกที่ตนไม่เคยเลี้ยง ดู เพียง 6 เดือนในมหาวิทยาลัย Jobs ใช้เงินเก็บที่พ่อแม่บุญธรรมซึ่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงานได้สะสมมาตลอดชีวิต หมดไปกับค่าเล่าเรียนที่แสนแพง Jobs ตัดสินใจลาออก
  
    เพราะเขามองไม่เห็นคุณค่าของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่สามารถช่วยให้เขาคิดได้ว่า เขาต้องการจะทำอะไรในชีวิต
   แม้ว่าตอนนี้เมื่อมองกลับไปเขาจะ รู้สึกว่า
  " การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งใน ชีวิตของเขา"
   เพราะการลาออกทำให้เขาไม่ต้องฝืนเข้าเรียนในวิชาปกติที่บังคับเรียนซึ่งเขา ไม่เคยชอบหรือสนใจ แต่สามารถเข้าเรียนในวิชาที่เขาเห็นว่าน่าสนใจได้

    แต่เขาก็ยอมรับว่า นั่นเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาไม่ได้เป็นนักศึกษาจึงไม่มีห้องพักในหอพัก และต้องนอนกับพื้นในห้องของเพื่อน ต้องเก็บขวดโค้กที่ทิ้งแล้วไปแลกเงินมัดจำขวดเพียงขวดละ 5 เซ็นต์ เพื่อนำเงินนั้นไปซื้ออาหาร และต้องเดินไกล 7 ไมล์ทุกคืนวันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สัปดาห์ละหนึ่งมื้อที่วัด Hare Krishna

    อย่างไรก็ตาม เขาชอบที่หลังจากลาออก เขาสามารถที่จะไปเข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจ และวิชา ทั้งหลายที่เขาได้เรียนในช่วงนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยเลือกเรียนตามแต่ความสนใจ และสัญชาตญาณของเขาจะพาไป ได้กลายมาเป็นความรู้ที่หาค่ามิได้ให้แก่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา และหนึ่งในนั้นคือ วิชาศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (calligraphy)

   Jobs ยอมรับว่า ในตอนนั้นเขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกันว่า จะนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ในอนาคตของเขา แต่ 10 ปีหลังจากนั้น เมื่อเขากับเพื่อนช่วยกันออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เครื่องแรก วิชานี้ได้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อนและทำให้ Mac กลายเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่มีการออกแบบตัวอักษรและการจัดช่องไฟที่สวยงาม

   ถ้าหากเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็คงจะไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนวิชานี้ และ Mac ก็คงไม่อาจจะมีตัวอักษรแบบต่างๆ ที่หลากหลาย หรือ font ที่มีการเรียงพิมพ์ที่ได้สัดส่วนสวยงาม รวมทั้งเครื่องพีซี ซึ่งใช้ Windows ที่ลอกแบบไปจาก Mac อีกต่อหนึ่งก็เช่นกัน คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆ ใช้อย่างที่มีอยู่ในตอนนี้

   อย่างไรก็ตาม Jobs บอกว่า ในเวลาที่เขาตัดสินใจลาออกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถ ?ลากเส้นต่อจุด? หรือหยั่งรู้อนาคตได้ว่า วิชาออกแบบและประดิษฐ์ตัวอักษร (คอลิกราฟฟี่) จะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ในการออกแบบ Mac เขาเพียงสามารถจะลากเส้นต่อจุด ระหว่างวิชาลิปิศิลป์กับการคิดค้นเครื่อง Mac ได้อย่างชัดเจน ก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น

   ในเมื่อไม่มีใครที่จะลากเส้นต่อจุดไปในอนาคตได้ ดังนั้นคำแนะนำของ Jobs ก็คือ คุณจะต้อง ?ไว้ใจและเชื่อมั่น? ว่าจุดทั้งหลายที่คุณได้ผ่านมาในชีวิตคุณ มันจะหาทางลากเส้นต่อเข้าด้วยกันเองในอนาคต ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา โชคชะตา ชีวิต หรือกฎแห่งกรรม ขอเพียงแต่คุณต้องมีศรัทธาในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

    บทเรียนชีวิตบทที่สองที่ Jobs เล่าต่อไปคือ ความรักและการสูญเสีย Jobs อายุเพียง 20 ปี เมื่อเขาเริ่มก่อตั้ง Apple กับเพื่อนที่โรงรถของพ่อ เพียง 10 ปีให้หลัง Apple เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์และพนักงานมากกว่า 4,000 คน

   แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ เมื่ออายุเพียงแค่ 30 ปี หลังจากเขาทะเลาะถึงขั้นแตกหักกับนักบริหารมืออาชีพ ที่เขาเองเป็นผู้ว่าจ้างให้มาบริหาร Apple และกรรมการบริษัทกลับเข้าข้างผู้บริหารคนนั้น

    ข่าวการถูกไล่ออกของเขาเป็นข่าวที่ ใหญ่มาก และเช่นเดียวกัน มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Jobs กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองพังทลาย เขาไม่รู้จะทำอะไรอยู่หลายเดือน และถึงกับคิดจะหนีออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต

    แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งกลับค่อยๆ สว่างขึ้นข้างในตัวเขา และเขาก็พบว่า เขายังคงรักในสิ่งที่เขาทำมาแล้ว ความล้มเหลวที่ Apple มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วแม้เพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาพบว่า การถูกอัปเปหิจาก Apple กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายของการ เป็นมือใหม่อีกครั้ง และช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ จนสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตของเขา

    ช่วง 5 ปีหลังจากนั้น Jobs ได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลก นั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

    ส่วน Apple กลับมาซื้อ NeXT ซึ่งทำให้ Jobs ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เขา ได้คิดค้นขึ้นที่ NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของยุคฟื้นฟูของ Apple

    Jobs กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขมแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่น ตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก Jobs เชื่อว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขา ลุกขึ้นได้ในครั้งนั้น คือเขารักในสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณ เชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่คุณจะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว

     ส่วนบทเรียนชีวิตบทสุดท้ายในโอวาท ของเขาคือ ความตาย เมื่ออายุ 17 ปี Jobs ประทับใจในข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านมา ซึ่งเสนอแนวคิดให้คนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอด 33 ปีที่ผ่านมา Jobs จะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น ?ไม่? ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง

    Jobs กล่าวว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่าความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่านั้น

    วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่ สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้ และจะตายภายในเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ถึงกับบอกให้เขากลับไปสั่งเสียครอบครัวซึ่งเท่ากับเตรียมตัวตาย

    แต่แล้วในเย็นวันเดียวกัน เมื่อแพทย์ได้ใช้กล้องสอดเข้าไปตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อนของเขาออกมาตรวจอย่าง ละเอียด ก็กลับพบว่า มะเร็งตับอ่อนที่เขาเป็นนั้นแม้จะเป็นชนิดที่พบได้ยากก็จริง แต่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด และเขาก็ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว
นั่นเป็นการเข้าใกล้ความตายมากที่ สุดเท่าที่ Jobs เคยเผชิญมา และทำให้ขณะนี้เขายิ่งสามารถพูดได้เต็มปาก เสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาเพียงแต่ใช้ความตายมาเตือนตัวเองเป็นมรณานุสติ ว่า ไม่มีใครที่อยากตาย แม้แต่คนที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนเพื่อจะไปสวรรค์ แต่ก็ไม่มี ใครหลีกหนีความตายพ้น และเขาคิดว่า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น
  
    Jobs เห็นว่า ความตายคือ ประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ ?ชีวิต? ความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ

    ดังนั้น Jobs บอกว่า เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าว ไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะพาไป เพราะหัวใจและ สัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร

   Jobs ปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขา ด้วยการหยิบยกวลีที่อยู่ใต้ภาพบนปกหลังของวารสารฉบับสุดท้ายของวารสารเล่ม หนึ่งที่เลิกผลิตไปตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเขาเปรียบวารสารดังกล่าวเป็น Google บนแผ่นกระดาษ และเป็นประดุจคัมภีร์ของคนรุ่นเขา วารสารดังกล่าวมีชื่อว่า

    The Whole Earth Catalog จัดทำโดย Stewart Brand ส่วนวลีนั้นคือ

   ?จงหิวโหย จงโง่เขลาอยู่เสมอ?

ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา


เครดิต  : Fortune ฉบับเดือนกันยายน 2548
แปลและเรียบเรียงโดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์