Here an extra factor comes into the game, namely the input capacity of the next stage (tube). Even if this capacity is in the pico range (a lot of zeroes behind the dot!), it starts to have it's affects when voltage swing and frequency increases
ตัวแปร ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง คือ ค่าความจุทางอินพุท ของ หลอด เสตจถัดไป
ค่าความจุที่มีค่าเป็น พิโคฟารัด จะเริ่มมีผลกระทบ เมื่อแรงดันสวิง และ ความถี่สูงขึ้น
แล้วก็ ใช้สมการ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อความถี่สูงขึ้น ค่าความจุอินพุท จะดึงกระแส เป็น ig
These examples go to show that the choice for a driver tube has to be considered not only for the gain it will give, but also if it will stay stable at high frequencies while driving the output tube. Using an ECC83, 30, 1H4 or similar tubes as a driver for the 300B is just asking for trouble, while they may have no problems with the smaller types of tubes like the 71 or 31 etc. To be sure the driver can handle these currents, multiply by 5 to see what bias current the tube should have. In case of the 300B, the driver should be biased at a minimum of 5mA in order to operate without any problems.
สรุปประเด็นได้ว่า การใช้หลอดเล็ก มาไดรฟ์หลอดใหญ่ ควรพิจารณาถึงปัญหา การที่กระแสไบอัส จะถูกดึง ไปเป็น ig ของหลอดเอาท์พุท เมื่อหลอดเอาท์พุท ทำงานที่ช่วงความถี่สูง
อันนี้ผมเข้าใจว่า เพราะหลอดเล็ก ที่ใช้กระแสไบอัสน้อย สมมุติ 1ma แล้ว พอถึงช่วงความถี่สูง จะโดนหลอดเอาท์พุท ดึงกระแส ไปเป็น ig หลอดไดรฟ์ จะเสียเสถียรภาพไป ไม่เหมือนหลอดใหญ่ ที่กระแสไบอัส จะสูงอยู่แล้ว จะโดนดึงไป สักนิดหน่อย จุดการทำงานก็ไม่เปลี่ยนแปลงมาก
ฉะนั้น หลอดไดรฟ์ ควรเผื่อกระแส อย่างน้อย 5 เท่า หรือ กระแสไบอัส อย่างน้อย 5 ma
ผิดถูกอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
ซับนรกโดย.....ผมเอง [pig90124]
