www.diyaudiovillage.net
DIY มือใหม่ , TIPS & TRICKS , R&D SECTION => R&D SECTION => ข้อความที่เริ่มโดย: audiomania ที่ 27 มิถุนายน 2012, 06:21:59 AM
-
จากเนื้อเรื่องเดิมที่กระทู้ 1875 มีการแก้ไข DAC ยี่ห้อนึง ที่หลังจากซ่อมแล้ว ลองฟังแล้วรู้สึกแยงหูพิลึก สงสัยว่าจะมีปัญหา
หลังจากนั่งทำมาทั้งคืน ก็มีรูปให้ดูนิดหน่อยครับ (กว่ากระทู้นี้จะขึ้นได้ ท่าทางเจ้าของคงจะร้อนใจพอดู [gr_in])
เริ่มจากแผ่น CD ที่เป็นเครื่องมือทดสอบครับ MyDisc แผ่นนี้
(http://www.opcube.com/diy/DAC_MyDisc.jpg)
ใช้บริการแทรค 8 เล่นสัญญาณ Sine wave 1kHz ที่ระดับความดังสูงสุดที่ 0dB
แล้วทดลองเอาสโคปจับสัญญาณที่ได้จาก buffer ชุดแรกครับ (กลับเฟส : ตั้ง probe x10 สัญญาณจริงแรงประมาณ 7Vp-p)
(http://www.opcube.com/diy/DAC_Test01.jpg)
จะเห็นได้ว่าสัญญาณซีกล่าง ขลิบแหว่งไปอย่างชัดเจน และเป็นเช่นนี้ทั้งขาสัญญาณ INV และ NON-INV
และเมื่อเอามาเข้าเอาต์พุต differential จะได้เอาต์พุตดังรูป (เฟสกลับมาเป็นปกติ : ตั้ง probe x10 สัญญาณจริงแรงประมาณ 10Vp-p)
(http://www.opcube.com/diy/DAC_Test02.jpg)
ชัดเจนครับว่าสัญญาณที่ได้ในซีกบนที่ถูกตัดก่อนหน้านี้ ยิ่งออกมาแย่ไปกันใหญ่ และสัญญาณซีกล่างที่เดิมยังดูได้ เริ่มเห็นว่าตรงยอดคลื่นมีการหดลง
อาการนี้คือวงจรขยายกระแสจากชิพ DAC ที่วงจรภาค I/V มากเกินไปครับ (แปลกใจเหมือนกัน ว่าเครื่องรุ่นนี้ตัวอื่นๆที่ขายอยู่ มีปัญหานี้รึเปล่า)
ของเดิมที่เครื่องนี้ใช้งาน ก็เป็นสูตรอุปกรณ์เดียวกับวงจรใน Datasheet ล่ะครับ แต่ดูจากผลบนสโคปแล้ว สัญญาณออกมาแรงไปเยอะเลย เกนมากเกินไปเลยทำให้ขยายเกินจนขลิบน่ะครับ
(http://www.opcube.com/diy/DAC_Test03.gif)
แบบนี้ก็ให้ทำการลดเกนลง เอาแบบลูกท่งหน่อยผมก็หา R 680 Ohm ขนานเข้าไปกับของเดิม R รวมที่ได้จะเหลือค่าราว 372 Ohm เกนก็จะลดลงกว่า 2.2 เท่า
หลังจากเปลี่ยนลดเกนแล้ว ทดสอบด้วยแทรค 8 อีกครั้ง จะได้ภาพดังรูปครับ
(http://www.opcube.com/diy/DAC_Test03.jpg)
สัญญาณรูป Sine เป้นปกติ เอาต์พุตขนาด 6Vp-p ก็ยังคงความแรงอยู่ แต่หัวไม่ขาดแล้ว ไม่มีหยักประหลาดๆ ให้น่าห่วงอีกต่อไปครับ
พอเทสเสียง เสียงที่คมเสียดแปลกๆ หรือตอนเสียงโหมแรงๆ ไม่มีอาการเสียงแตกพร่าเหมือนก่อนหน้านี้ คราวนี้ก็สบายใจได้แล้ว เหลือแต่จูนเสียงให้โอเคแล้วครับ ท่านเสมา [roll]
-
สุดยอดเลยครับน้า [clap hand2] [clap hand2] [clap hand2] [clap hand2]
-
[thumbs-up-raccoon]
-
อย่างนี้พ่อเสมายิ้มเเก้มไม่หุบเลย [checks-raccoon]
-
ขอบคุณมากครับถึงแม้จะดูสโค๊ปไม่เป็น แต่เท่าที่พังจากการบอกเล่า ก็สงสัยแบบเดียวกับคุณแว่นว่า dac ตัวนี้ทำออกมามีปัญหาแบบนี้คนทำไม่ได้สงสัยแต่อย่างใดเลยหรือ กระผมก็มารอดูเห็นคุณแว่นเงียบไปคิดว่าคงไม่ได้ทำแล้วเพราะกว่าจะกลับมากินข้าวเย็นมือดึกราวๆ 00.00 เลยขอบคุณมากครับที่ยังอุสาห์อดนอนเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขdac ให้ครับ
คงต้องรอให้คุณ track ที่ใช้รุ่นเดียวกับผมมาบอกว่าเคยเจอปัญหาอะไรหรือไม่ครับ
[res]
-
[clap hand2] [clap hand2] [clap hand2] [clap hand2]
-
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
-
clapping-1-2 clapping-1-2
-
[clap hand2] [clap hand2] clapping-1-2 [clap hand2] [clap hand2]
-
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
ไม่เห็นเป็นอะไรครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปลองดูว่าค่า R มันเท่าไหร่ครับ
ก่อนหน้านี้เป็นอะไรเสียครับ
-
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
ไม่เห็นเป็นอะไรครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปลองดูว่าค่า R มันเท่าไหร่ครับ
ก่อนหน้านี้เป็นอะไรเสียครับ
ผมวัดไฟopamp ตรงbuffer ครับ แล้วเข็มมิเตอร์มันพลาดไปโดนขาติดกันครับทำให้ช๊อตครับ opamp 2ตัวที่เป็น buffer เลยควันขึ้นซะ1ตัวครับ แต่ได้เปลียนopamp ตรงนี้ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะครับ
และสงให้คุณแว่นช่วยซ่อมให้ ก็เจอเหตุผิดปกติตามด้านบนครับ
ส่วน R ตามที่คุณแว่นบอกผมก็นึกไม่ออกว่าตรงไหนไปดูในรูปก็มี R อยู่ 4 ตัวหน้า ic337 ไม่รู้ใช่R พวกนี้หรือเปล่า
-
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
ไม่เห็นเป็นอะไรครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปลองดูว่าค่า R มันเท่าไหร่ครับ
ก่อนหน้านี้เป็นอะไรเสียครับ
ผมวัดไฟopamp ตรงbuffer ครับ แล้วเข็มมิเตอร์มันพลาดไปโดนขาติดกันครับทำให้ช๊อตครับ opamp 2ตัวที่เป็น buffer เลยควันขึ้นซะ1ตัวครับ แต่ได้เปลียนopamp ตรงนี้ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะครับ
และสงให้คุณแว่นช่วยซ่อมให้ ก็เจอเหตุผิดปกติตามด้านบนครับ
ส่วน R ตามที่คุณแว่นบอกผมก็นึกไม่ออกว่าตรงไหนไปดูในรูปก็มี R อยู่ 4 ตัวหน้า ic337 ไม่รู้ใช่R พวกนี้หรือเปล่า
R 4 ตัวอยู่ชิด IC ออปแอมป์ NJM5532D ทั้งสองครับ เลขเดิม 821 (820 Ohm) ขนานกับ C 272 (2700pF) [gr_in]
-
[))] มี สโคป ดีอย่างนี้นี่เอง แต่คงต้องมี signal generator ด้วยถึงจะดีสิคะ
-
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
ไม่เห็นเป็นอะไรครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปลองดูว่าค่า R มันเท่าไหร่ครับ
ก่อนหน้านี้เป็นอะไรเสียครับ
ผมวัดไฟopamp ตรงbuffer ครับ แล้วเข็มมิเตอร์มันพลาดไปโดนขาติดกันครับทำให้ช๊อตครับ opamp 2ตัวที่เป็น buffer เลยควันขึ้นซะ1ตัวครับ แต่ได้เปลียนopamp ตรงนี้ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะครับ
และสงให้คุณแว่นช่วยซ่อมให้ ก็เจอเหตุผิดปกติตามด้านบนครับ
ส่วน R ตามที่คุณแว่นบอกผมก็นึกไม่ออกว่าตรงไหนไปดูในรูปก็มี R อยู่ 4 ตัวหน้า ic337 ไม่รู้ใช่R พวกนี้หรือเปล่า
R 4 ตัวอยู่ชิด IC ออปแอมป์ NJM5532D ทั้งสองครับ เลขเดิม 821 (820 Ohm) ขนานกับ C 272 (2700pF) [gr_in]
เขาเรียกว่า R อะไรครับ เพราะมันเล็กและไม่เหมือนที่เคยใช้ครับ
-
[))] มี สโคป ดีอย่างนี้นี่เอง แต่คงต้องมี signal generator ด้วยถึงจะดีสิคะ
Function gen. กับ Frenquecy counter ก็มีแล้วครับ เครื่องมือครบแล้ว ถ้าจะขาดก็ขาดเจ้า Audio Precision : System One ล่ะครับ เครื่องนึงราคา 6 หลักเอง [tremor-raccoon]
ถ้ามีก็ทำเครื่องขาย รับงานสอบเทียบสเปคได้เลย
[thumbs-up-raccoon]
ของพี่ไม่เป็นอะไรผิดสังเกตุแบบของผมที่คุณแว่นเจอเลยหรือครับ
ไม่เห็นเป็นอะไรครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปลองดูว่าค่า R มันเท่าไหร่ครับ
ก่อนหน้านี้เป็นอะไรเสียครับ
ผมวัดไฟopamp ตรงbuffer ครับ แล้วเข็มมิเตอร์มันพลาดไปโดนขาติดกันครับทำให้ช๊อตครับ opamp 2ตัวที่เป็น buffer เลยควันขึ้นซะ1ตัวครับ แต่ได้เปลียนopamp ตรงนี้ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะครับ
และสงให้คุณแว่นช่วยซ่อมให้ ก็เจอเหตุผิดปกติตามด้านบนครับ
ส่วน R ตามที่คุณแว่นบอกผมก็นึกไม่ออกว่าตรงไหนไปดูในรูปก็มี R อยู่ 4 ตัวหน้า ic337 ไม่รู้ใช่R พวกนี้หรือเปล่า
R 4 ตัวอยู่ชิด IC ออปแอมป์ NJM5532D ทั้งสองครับ เลขเดิม 821 (820 Ohm) ขนานกับ C 272 (2700pF) [gr_in]
เขาเรียกว่า R อะไรครับ เพราะมันเล็กและไม่เหมือนที่เคยใช้ครับ
มันเป็น R ติดหน้าปริ้นท์ SMD 0603 ตัวจิ๋วครับ ประหยัดพื้นที่เท่านั้นครับ [gr_in]
-
[))] มี สโคป ดีอย่างนี้นี่เอง แต่คงต้องมี signal generator ด้วยถึงจะดีสิคะ
ใช้แผ่น my disc ก็ได้เหมือนกันครับ สะดวกดี ต่อสัญญาณเข้าใช้ได้เลยจะเอาความถี่ไหน กี่ dB ก็เลือกแทรกเอา ผมเองก็ใช้มาตลอดครับ จน signel ตายไปตัวนึงแล้วเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน ทำแต่ในรถเป็นส่วนใหญ่เลยไม่สะดวก
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับเท่ากับว่าคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วใช่ไหมครับ
ยังมีส่วนอื่นๆอีกหรือไม่ครับที่จะทำการทดสอบครับ
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับเท่ากับว่าคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วใช่ไหมครับ
ยังมีส่วนอื่นๆอีกหรือไม่ครับที่จะทำการทดสอบครับ
ก็น่าจะเหลือออปแอมป์ กับภาคจ่ายไฟ หรือจุดผ่านเสียงเล็กน้อยน่ะครับ (ถ้าจำเป็น [gr_in])
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับเท่ากับว่าคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วใช่ไหมครับ
ยังมีส่วนอื่นๆอีกหรือไม่ครับที่จะทำการทดสอบครับ
ก็น่าจะเหลือออปแอมป์ กับภาคจ่ายไฟ หรือจุดผ่านเสียงเล็กน้อยน่ะครับ (ถ้าจำเป็น [gr_in])
ผมยังสงสัยอีกนิดครับอย่างการปรับเกนขยายกับ 637 ที่ใช้ R680ohm คร่อมเพื่อลด R ลง ซึ่งเหมาะกับ 637 แล้วในกรณีที่ผมใช้
output เป็นเบอร์อื่นๆเช่น 49720 จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ครับเนื่องจาก คุณสมบัติไม่เหมือนกับ 637 ครับ
ผมว่าจุดผ่านเสียงจำเป็นครับ [roll] น่าจะมีการเปลียนแปลงสักนิดก็ยังดีครับ [smi_ley]
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับเท่ากับว่าคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วใช่ไหมครับ
ยังมีส่วนอื่นๆอีกหรือไม่ครับที่จะทำการทดสอบครับ
ก็น่าจะเหลือออปแอมป์ กับภาคจ่ายไฟ หรือจุดผ่านเสียงเล็กน้อยน่ะครับ (ถ้าจำเป็น [gr_in])
ผมยังสงสัยอีกนิดครับอย่างการปรับเกนขยายกับ 637 ที่ใช้ R680ohm คร่อมเพื่อลด R ลง ซึ่งเหมาะกับ 637 แล้วในกรณีที่ผมใช้
output เป็นเบอร์อื่นๆเช่น 49720 จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ครับเนื่องจาก คุณสมบัติไม่เหมือนกับ 637 ครับ
ผมว่าจุดผ่านเสียงจำเป็นครับ [roll] น่าจะมีการเปลียนแปลงสักนิดก็ยังดีครับ [smi_ley]
ถ้าเป็นสัญญาณลองวัดเทียบเมื่อคืนแล้วครับ ทุกตัวทำงานได้ดีทั้งหมด ไม่มีจุดผิดเพี้ยนแล้วครับ ก็เหลือแต่เสียง กับ เรื่องความร้อนอีกเรื่องที่ไม่รู้จะช่วยแก้ยังไง เพราะพื้นที่จำกัดและมันก็ร้อนมากจริงๆ [c--c]
-
R smd เวลาติดตั้งคงลำบากหน้าดูมันเล็กมาก
ตอนนี้เท่ากับว่า dac ทำงานสมบูรณ์หมด ก็เหลือแต่ปรับแต่งจูนเสียงใช่ไหมครับ
เบอร์ buffer เบอร์ไหนลงตัวที่สุดแล้วครับตอนนี้ครับ
เดี๋ยวคืนนี้ลองสลับทั้งหมดอีกรอบครับ สัญญาณชัวร์ แล้ว เหลือแต่เสียงล้วนๆ [smi_ley]
รูปสุดท้ายที่เห็นก็วัดได้จาก 637 แล้วครับ ไม่มีสัญญาณแปลกปลอมอะไรแถมมา ส่วนเสียงขอลองฟังคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับเท่ากับว่าคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วใช่ไหมครับ
ยังมีส่วนอื่นๆอีกหรือไม่ครับที่จะทำการทดสอบครับ
ก็น่าจะเหลือออปแอมป์ กับภาคจ่ายไฟ หรือจุดผ่านเสียงเล็กน้อยน่ะครับ (ถ้าจำเป็น [gr_in])
ผมยังสงสัยอีกนิดครับอย่างการปรับเกนขยายกับ 637 ที่ใช้ R680ohm คร่อมเพื่อลด R ลง ซึ่งเหมาะกับ 637 แล้วในกรณีที่ผมใช้
output เป็นเบอร์อื่นๆเช่น 49720 จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ครับเนื่องจาก คุณสมบัติไม่เหมือนกับ 637 ครับ
ผมว่าจุดผ่านเสียงจำเป็นครับ [roll] น่าจะมีการเปลียนแปลงสักนิดก็ยังดีครับ [smi_ley]
ถ้าเป็นสัญญาณลองวัดเทียบเมื่อคืนแล้วครับ ทุกตัวทำงานได้ดีทั้งหมด ไม่มีจุดผิดเพี้ยนแล้วครับ ก็เหลือแต่เสียง กับ เรื่องความร้อนอีกเรื่องที่ไม่รู้จะช่วยแก้ยังไง เพราะพื้นที่จำกัดและมันก็ร้อนมากจริงๆ [c--c]
เรื่องร้อนหมายถึงเดิมๆใช่ไหมครับ ไม่ได้ร้อนเพราะผิดปกติ แบบนั้นคงไม่น่าเป็นอะไร เวลาผมใช้งานคิดว่ากล่องมันเป็นอลูมิเนียมน่าจะระบายได้ดี และถ้ามันร้อนมากๆผมก็มีพัดลมตัวเล็กๆช่วยเป่าให้มันครับ
ก็เหลือแต่เลือก buffer ใช่ไหมครับว่าจะลงตัวที่เบอร์ไหน
อย่าลืมลองๆทางผ่านเสียงสักหน่อยนะครับ [smi_ley]
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
เสริมไฟเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวเปิดเบิร์นคืนนี้แล้วตอนเช้าค่อยลองฟังอีกที [yes-raccoon]
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
เสริมไฟเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวเปิดเบิร์นคืนนี้แล้วตอนเช้าค่อยลองฟังอีกที [yes-raccoon]
เสริมไฟเลี้ยงคือเพิ่ม V ไฟเลี้ยงจาก 15 เพิ่มขึ้นไปหรือครับ
แล้วได้ขอสรุปตัวเลือก buffer ไหมครับ ผมสงสัยตรง buffer ว่ามีผลอย่างไรต่อเสียง ตัวที่มีผลต่อเสียงคือ 637 ไม่ใช่หรือครับ
หรือว่า ผสมกันกันระหว่าง buffer+output ครับ
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
เสริมไฟเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวเปิดเบิร์นคืนนี้แล้วตอนเช้าค่อยลองฟังอีกที [yes-raccoon]
เสริมไฟเลี้ยงคือเพิ่ม V ไฟเลี้ยงจาก 15 เพิ่มขึ้นไปหรือครับ
แล้วได้ขอสรุปตัวเลือก buffer ไหมครับ ผมสงสัยตรง buffer ว่ามีผลอย่างไรต่อเสียง ตัวที่มีผลต่อเสียงคือ 637 ไม่ใช่หรือครับ
หรือว่า ผสมกันกันระหว่าง buffer+output ครับ
เสมา...อย่าใจร้อน ใจเเย็นไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปถามหาผล
เพราะว่าการจูนทดลองกับอุปกรณ์พวกนี้ ต้องมีเวลาเพื่อให้อุปกรณ์ปรับตัวตามสภาพการทำงานครับ
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
เสริมไฟเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวเปิดเบิร์นคืนนี้แล้วตอนเช้าค่อยลองฟังอีกที [yes-raccoon]
เสริมไฟเลี้ยงคือเพิ่ม V ไฟเลี้ยงจาก 15 เพิ่มขึ้นไปหรือครับ
แล้วได้ขอสรุปตัวเลือก buffer ไหมครับ ผมสงสัยตรง buffer ว่ามีผลอย่างไรต่อเสียง ตัวที่มีผลต่อเสียงคือ 637 ไม่ใช่หรือครับ
หรือว่า ผสมกันกันระหว่าง buffer+output ครับ
เสมา...อย่าใจร้อน ใจเเย็นไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปถามหาผล
เพราะว่าการจูนทดลองกับอุปกรณ์พวกนี้ ต้องมีเวลาเพื่อให้อุปกรณ์ปรับตัวตามสภาพการทำงานครับ
อืมไม่รีบหรอกครับผมบอกคุณแว่นแล้วว่ามีเวลาครับทดสอบให้ลงตัวที่สุดครับแต่คุณแว่นก็บอกแล้วว่าไม่รู้จะทำได้แค่ไหนเพราะว่าพื้นที่จำกัด+วงจรก็ทำมาไม่รัดกุมเท่าไร
ก็เคยคุยกันครับทางpm ว่าbuffer เบอร์ไหนเหมาะครับ ก็เลยคิดว่าหาเบอร์ที่เหมาะสมได้แล้ว
บางที่ผมเองก็คิดผิดว่าเบอร์ที่นิยม หรือมีราคาแพงกว่าจะต้องดี แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ จากการที่คุณแว่นทดสอบ buffer หลายคู่ ผมคิดว่า2107 ซึ่งเป็นเบอร์ที่หลายๆท่านนิยมชมชอบ และผมเองก็คิดว่าจะดีจะทำให้เสียงดีแต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น การเข้ากันได้การลงตัว กลับไม่ใช่เบอร์ที่มีราคา กล้ายเป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยได้ยินชื้อเท่าไร แต่ก็อยู่ในเครื่องเสียงมียี่ห้อของต่างประเทศ
การก็กลับมาสู่การแม็ทซิ่ง กันอีกแล้วสำคัญที่สุด
ก็หาเรื่องคุยติดตามผลครับ เพราะไม่เช่นนั้นจะเหมือนโดดเดียวคุณแว่นให้ทดสอบdacตอนดึกๆครับ [smi_ley]
ฟังกับ dvd จริงๆแล้วพอฟังเต็มๆฟังบ่อยๆมันไม่ใช่ซะแล้วครับ dvd ฟังเพลงหาดีคงจะยากครับ คงต้องรุ่นสูงจริงๆครับ
dvd พอเร่งเสียงโวลุ่มไปประมาณ11 น เสียงก็จะเริ่มมีอาการเพี้ยนของเสียง ซึ่งถ้าใช้ dac จะไม่มีอาการเช่นนี้
สุดท้าย dvd ก็เหมาะสำหรับดูหนัง และฟังเพลงแบบไม่เอาจริงจัง
-
คืนนี้คุณแว่นเงียบไปเลยสงสัยไม่ได้เล่นกับ dac เสมาแน่ๆเลย
เสริมไฟเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวเปิดเบิร์นคืนนี้แล้วตอนเช้าค่อยลองฟังอีกที [yes-raccoon]
เสริมไฟเลี้ยงคือเพิ่ม V ไฟเลี้ยงจาก 15 เพิ่มขึ้นไปหรือครับ
แล้วได้ขอสรุปตัวเลือก buffer ไหมครับ ผมสงสัยตรง buffer ว่ามีผลอย่างไรต่อเสียง ตัวที่มีผลต่อเสียงคือ 637 ไม่ใช่หรือครับ
หรือว่า ผสมกันกันระหว่าง buffer+output ครับ
เสมา...อย่าใจร้อน ใจเเย็นไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปถามหาผล
เพราะว่าการจูนทดลองกับอุปกรณ์พวกนี้ ต้องมีเวลาเพื่อให้อุปกรณ์ปรับตัวตามสภาพการทำงานครับ
อืมไม่รีบหรอกครับผมบอกคุณแว่นแล้วว่ามีเวลาครับทดสอบให้ลงตัวที่สุดครับแต่คุณแว่นก็บอกแล้วว่าไม่รู้จะทำได้แค่ไหนเพราะว่าพื้นที่จำกัด+วงจรก็ทำมาไม่รัดกุมเท่าไร
ก็เคยคุยกันครับทางpm ว่าbuffer เบอร์ไหนเหมาะครับ ก็เลยคิดว่าหาเบอร์ที่เหมาะสมได้แล้ว
บางที่ผมเองก็คิดผิดว่าเบอร์ที่นิยม หรือมีราคาแพงกว่าจะต้องดี แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ จากการที่คุณแว่นทดสอบ buffer หลายคู่ ผมคิดว่า2107 ซึ่งเป็นเบอร์ที่หลายๆท่านนิยมชมชอบ และผมเองก็คิดว่าจะดีจะทำให้เสียงดีแต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น การเข้ากันได้การลงตัว กลับไม่ใช่เบอร์ที่มีราคา กล้ายเป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยได้ยินชื้อเท่าไร แต่ก็อยู่ในเครื่องเสียงมียี่ห้อของต่างประเทศ
การก็กลับมาสู่การแม็ทซิ่ง กันอีกแล้วสำคัญที่สุด
ก็หาเรื่องคุยติดตามผลครับ เพราะไม่เช่นนั้นจะเหมือนโดดเดียวคุณแว่นให้ทดสอบdacตอนดึกๆครับ [smi_ley]
ฟังกับ dvd จริงๆแล้วพอฟังเต็มๆฟังบ่อยๆมันไม่ใช่ซะแล้วครับ dvd ฟังเพลงหาดีคงจะยากครับ คงต้องรุ่นสูงจริงๆครับ
dvd พอเร่งเสียงโวลุ่มไปประมาณ11 น เสียงก็จะเริ่มมีอาการเพี้ยนของเสียง ซึ่งถ้าใช้ dac จะไม่มีอาการเช่นนี้
สุดท้าย dvd ก็เหมาะสำหรับดูหนัง และฟังเพลงแบบไม่เอาจริงจัง
ทำไมป๋า Clean ไม่ลองทำแอมป์หลอดดูสัก 1 ตัวหล่ะครับ มีอาจารย์ดีอยู่ใกล้ตัวเป็นทุนอยู่แล้วครับ (จะไปกลัวอะไร) , จะได้พบคำตอบของจุดปรพสงค์การฟังเพลงซะทีครับ
-
เห็นด้วยคัพป๋า clapping-1-2 น้าอัลเก่งจิงๆ คัพ อุปกรณ์เอาง่ายๆ หาได้ไม่ยากก็ได้ฟังแล้ว [in-love-raccoon]
-
เห็นด้วยคัพป๋า clapping-1-2 น้าอัลเก่งจิงๆ คัพ อุปกรณ์เอาง่ายๆ หาได้ไม่ยากก็ได้ฟังแล้ว [in-love-raccoon]
ขุนณรงค์เองยัง หลงกับ 1875 จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยครับ หายใจเข้าก็ แม่หญิง1875 หายใจออกก็น้องนาง1875 ครับ จนหลอดกล้ายเป็นวัตถุโบราณที่ต้องเก็บรักษา
วันดีคืนดี โทรมาหาผมบอกว่ากำลังนอนฟัง1875 อย่างมีความสุขมากๆ [roll]
มันรู้สึกเหมือนข้าวใหม่ปลามัน เลย
ผมเองจะฟังแอมป์หลอดก็เปิดให้ผมฟังไม่เกินรวมๆกันแล้ว 5 เพลง ปิดไม่ให้ฟังแล้ว โชว์ 1875 อีกแล้ว
แล้วจะไปชวนพี่เขาทำแอมป์หลอดได้ไง ผมพูดแอมป์หลอด แต่คำตอบเป็น 1875 laughhahaha laughhahaha
คุณตั้มก็เคยคิดครับแต่ด้วยการที่ผมไม่เคยฟังเต็มๆ ก็กลัวว่าจะไม่เข้ากับลำโพงผมครับ ขนาดมีเพื่อนต่างเว็ปจะปล่อย 300B ของคุณนกให้ผมราคาไม่แพงผมก็ยังไม่กล้าที่จะเล่นเลย
จนต้องพลาดโอกาศไปเหมือนกันครับ เพราะไม่เคยฟังนี่แหละครับ
แต่ใจผมคงจะเล่นแบบนี้ไปก่อนครับ ปรีหลอด+3886 ครับ ก็หวังว่าจะได้ความดีของทั้ง 2 แบบครับ แต่ก็ยังไม่ได้ฟังจริงๆก็คงต้องรออีกสักนิด คราวนี้ก็จะตัดสินใจได้ว่า
จะไปทางไหน ถูก
-
หลังจากลองมาพักใหญ่สองวันต่อกัน ราว 30 กว่าชั่วโมง อาจจะยังไม่เข้าที่นัก แต่ก็พอสรุปตัวที่มีแนวโน้มจะให้ผลดีที่สุด กับ DAC ตัวนี้ เท่าที่ของมีทดลองอยู่น่ะครับ
(อย่ายึดเรื่องเสียงของออปแอมป์แต่ละเบอร์ เป็นบรรทัดฐานกับวงจรขยายหรือปรีตัวอื่นนะครับ เพราะปัจจัยรอบข้างที่มี ทำให้ไอซีตัวเดียวกัน มีความเหมาะสมและให้แนวเสียงต่างกันได้)
โดยมีการจัดการภาคคุมไฟเพิ่มอีกเล็กน้อยให้มีความนิ่งมากขึ้น และเปลี่ยน C จ่ายไฟหลักนิดหน่อย
ผลทดสอบตามนี้ครับ
ตัว I/V buffer ผมยังคงยืนพื้นเป็นตัวธรรมดา NJM2068D สมดุลเสียงดีกว่า (ถูกดีด้วย ของแบบนี้เสียงดีหรือไม่ หลายๆครั้งก้พบแล้วว่าราคาไม่ใช่ตัวชี้เสมอไปครับ) เพราะลองเอา OPA2107 2111 มาลองแล้ว ไม่โดนครับ มันให้เสียงแต่งเติมในบางโทน แต่ก็จะทำให้ช่วงเสียงบางความถี่บางลง ส่วน 5532 เดิมๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ 2068 ทำเสียงโดยรวมได้ดีกว่า
ตัวขยายภาคเอาต์พุต differential amp. สรุปสุดท้าย มาลงที่สองตัวครับ คนละสไตล์จริงๆ (น่าเสียดายที่ผมไม่มี 627 กระป๋องเหล็ก ไม่งั๊นคงจะลองให้ด้วย)
ตัวแรกที่เข้าวิน OPA2107 ครับ ให้เสียงโทนกลางแหลม สดใสดี เบสใช้ได้เลย ฟังสนุก แต่แอบกลมกล่อมนิดๆ
ตัวที่สองที่เสมาคาดหวังมากคือ คู่ OPA637 พร้อมอะแดปเตอร์ ให้พื้นเสียงสงัดกว่า สมดุลเสียงทำได้ดี ปลายแหลมทอดไปอีกนิดนึง เบสกระชับดี เบส-กลางอาจจะน้อยกว่า 2107 แต่โดยรวมแล้วให้เสียงที่ดีกว่าครับ
ส่วน LME49720 เดิมให้เสียงเปิด อาจจะออกสว่างนิดๆ ไม่ค่อยเน้นเนื้อมากนัก แต่เวทีเสียงสู้สองตัวบนไม่ได้ครับ
ตัวอื่นๆ อย่าง OPA2134 2111, NJM2068, TL072, ในจุดนี้ไม่ถูกใจครับ มีขาด มีเกิน ตกรอบไป
ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผ เดี๋ยวกลับไปคืนนี้เบิร์นต่อให้อีกหน่อย แล้วจัดการแพ็กส่งกลับไปที่เสมา ลองต่อฟังดูครับ
แต่ที่แน่ๆ คือเสียงเบาลงพอสมควร ต้องบิดโวลุ่มมากขึ้น แต่ระดับที่ปรับไว้ก็พอๆกับเครื่อง CD ในท้องตลาดล่ะครับ [yes-raccoon]
-
หลังจากลองมาพักใหญ่สองวันต่อกัน ราว 30 กว่าชั่วโมง อาจจะยังไม่เข้าที่นัก แต่ก็พอสรุปตัวที่มีแนวโน้มจะให้ผลดีที่สุด กับ DAC ตัวนี้ เท่าที่ของมีทดลองอยู่น่ะครับ
(อย่ายึดเรื่องเสียงของออปแอมป์แต่ละเบอร์ เป็นบรรทัดฐานกับวงจรขยายหรือปรีตัวอื่นนะครับ เพราะปัจจัยรอบข้างที่มี ทำให้ไอซีตัวเดียวกัน มีความเหมาะสมและให้แนวเสียงต่างกันได้)
โดยมีการจัดการภาคคุมไฟเพิ่มอีกเล็กน้อยให้มีความนิ่งมากขึ้น และเปลี่ยน C จ่ายไฟหลักนิดหน่อย
ผลทดสอบตามนี้ครับ
ตัว I/V buffer ผมยังคงยืนพื้นเป็นตัวธรรมดา NJM2068D สมดุลเสียงดีกว่า (ถูกดีด้วย ของแบบนี้เสียงดีหรือไม่ หลายๆครั้งก้พบแล้วว่าราคาไม่ใช่ตัวชี้เสมอไปครับ) เพราะลองเอา OPA2107 2111 มาลองแล้ว ไม่โดนครับ มันให้เสียงแต่งเติมในบางโทน แต่ก็จะทำให้ช่วงเสียงบางความถี่บางลง ส่วน 5532 เดิมๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ 2068 ทำเสียงโดยรวมได้ดีกว่า
ตัวขยายภาคเอาต์พุต differential amp. สรุปสุดท้าย มาลงที่สองตัวครับ คนละสไตล์จริงๆ (น่าเสียดายที่ผมไม่มี 627 กระป๋องเหล็ก ไม่งั๊นคงจะลองให้ด้วย)
ตัวแรกที่เข้าวิน OPA2107 ครับ ให้เสียงโทนกลางแหลม สดใสดี เบสใช้ได้เลย ฟังสนุก แต่แอบกลมกล่อมนิดๆ
ตัวที่สองที่เสมาคาดหวังมากคือ คู่ OPA637 พร้อมอะแดปเตอร์ ให้พื้นเสียงสงัดกว่า สมดุลเสียงทำได้ดี ปลายแหลมทอดไปอีกนิดนึง เบสกระชับดี เบส-กลางอาจจะน้อยกว่า 2107 แต่โดยรวมแล้วให้เสียงที่ดีกว่าครับ
ส่วน LME49720 เดิมให้เสียงเปิด อาจจะออกสว่างนิดๆ ไม่ค่อยเน้นเนื้อมากนัก แต่เวทีเสียงสู้สองตัวบนไม่ได้ครับ
ตัวอื่นๆ อย่าง OPA2134 2111, NJM2068, TL072, ในจุดนี้ไม่ถูกใจครับ มีขาด มีเกิน ตกรอบไป
ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผ เดี๋ยวกลับไปคืนนี้เบิร์นต่อให้อีกหน่อย แล้วจัดการแพ็กส่งกลับไปที่เสมา ลองต่อฟังดูครับ
แต่ที่แน่ๆ คือเสียงเบาลงพอสมควร ต้องบิดโวลุ่มมากขึ้น แต่ระดับที่ปรับไว้ก็พอๆกับเครื่อง CD ในท้องตลาดล่ะครับ [yes-raccoon]
สุดยอดจริงๆ ครับอาจารย์ [res]
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
laughhahaha
ขอบคุณมากครับคุณแว่นผมเข้าใจผิดมาตลอดครับ ว่าเบอร์แพงจะต้องดี ก็ต้องดูที่วงจรและการเข้ากันได้ แต่ก็ได้เสียงตามที่ผมอ่านรีวิวมาก็ตรงกับเบอร์opamp 2107 637 9720 ซึ่งเป็นภาคสุดท้าย ก็ตรงดีครับ
ที่ว่าเสียงเบาลง หมายถึงเกนขยายลดลง เพราะ R ไปคร่อม ผมต้องไปเร่งโวลุ่มที่แอมป์เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะว่าผมคงจะใช้ต่อกับเครื่อง dvd กับ com ครับ
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
น้ำตาลใกล้มด... จะอดใจได้รือ... [smi_ley]
laughhahaha
ขอบคุณมากครับคุณแว่นผมเข้าใจผิดมาตลอดครับ ว่าเบอร์แพงจะต้องดี ก็ต้องดูที่วงจรและการเข้ากันได้ แต่ก็ได้เสียงตามที่ผมอ่านรีวิวมาก็ตรงกับเบอร์opamp 2107 637 9720 ซึ่งเป็นภาคสุดท้าย ก็ตรงดีครับ
ที่ว่าเสียงเบาลง หมายถึงเกนขยายลดลง เพราะ R ไปคร่อม ผมต้องไปเร่งโวลุ่มที่แอมป์เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะว่าผมคงจะใช้ต่อกับเครื่อง dvd กับ com ครับ
ใช่ครับ ก็เพราะลดเกนลงไม่ให้เพี้ยนน่ะครับ แต่ระดับเสียงที่ได้ ก็เท่ากับเครื่อง CD ที่ผมใช้อยู่ครับ โวลุ่มตอนนี้ใช้ระดับเดียวกันเลย ไม่ต้องลดๆ เพิ่มๆ เหมือนตอนมาใหม่ๆครับ [gr_in]
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
น้ำตาลใกล้มด... จะอดใจได้รือ... [smi_ley]
laughhahaha
ขอบคุณมากครับคุณแว่นผมเข้าใจผิดมาตลอดครับ ว่าเบอร์แพงจะต้องดี ก็ต้องดูที่วงจรและการเข้ากันได้ แต่ก็ได้เสียงตามที่ผมอ่านรีวิวมาก็ตรงกับเบอร์opamp 2107 637 9720 ซึ่งเป็นภาคสุดท้าย ก็ตรงดีครับ
ที่ว่าเสียงเบาลง หมายถึงเกนขยายลดลง เพราะ R ไปคร่อม ผมต้องไปเร่งโวลุ่มที่แอมป์เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะว่าผมคงจะใช้ต่อกับเครื่อง dvd กับ com ครับ
ใช่ครับ ก็เพราะลดเกนลงไม่ให้เพี้ยนน่ะครับ แต่ระดับเสียงที่ได้ ก็เท่ากับเครื่อง CD ที่ผมใช้อยู่ครับ โวลุ่มตอนนี้ใช้ระดับเดียวกันเลย ไม่ต้องลดๆ เพิ่มๆ เหมือนตอนมาใหม่ๆครับ [gr_in]
แบบนี้ก็ต้องทำจนไม่เหลือให้ทำซิครับ [smi_ley] แต่เข็ดดีกว่า ผ่านมือคุณแว่นออกมาแล้วแสดงว่า ได้ปรับมาจนหมดแล้วครับ ตามจุดหลักๆที่เหลือมีผลก็คงจะน้อยจนผมฟังไม่ออก
เท่ากับว่าเดิมๆตัว dac ทางโรงงานได้ทำเกนขยายสูงมามากทำให้ฟังแล้วออกเพี้ยนๆใช่ไหมครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ของผมตอนนี้ใช้ Opamp เบอร์ 627 ครับ ส่วน opa2134 ใว้เสียบตอนอยากฟังเพลง มันๆร๊อคๆครับฟังได้สนุกดี แต่เมื่อใช้ lm49720 เหมือนกับฟังแล้วเพลงมันออกยานๆหน่อยๆ ฟังเพลงร้องเช่นแม่สวลี ดาวใจ สวีทนุชแจ๋วเลยครับ
-
(อย่ายึดเรื่องเสียงของออปแอมป์แต่ละเบอร์ เป็นบรรทัดฐานกับวงจรขยายหรือปรีตัวอื่นนะครับ เพราะปัจจัยรอบข้างที่มี ทำให้ไอซีตัวเดียวกัน มีความเหมาะสมและให้แนวเสียงต่างกันได้)
น้าแว่นช่วยขยายความตรงนี้หน่อยครับไม่เคลีย
ผมสงสัยมานานแล้ว ผมอ่านมา เขาบอกว่าออปแอมป์แต่ละเบอร์ก็ต้องออกแบบวงจรเหมาะกับตัวมัน โดยอาศัยดาต้าชีท พอผมไปถามคนในนี้เขาก็บอกใส่แทนกันได้เลย ของแต่เป็นแบบซิงเกิลกับซิงเกิล ผมก็จำไว้ว่าใช้ด้วยกันได้ ยกเว้นเบอร์637 เบอร์เดียว ไปเห็นที่เวปไหนเขาก็เปลี่ยน เบอร์เล่นก็มารีวิวเสียงกัน คงใช่แล้วหล่ะเปลี่ยนแทนกันได้เลย
มาถึงตอนนี้ ผมไม่เชื่อน้าแว่นก็ไม่รู้จะเชื่อใครแล้วหล่ะ แต่ที่ไม่เคลียก็ตรงที่ว่า
กรณีที่1.สมมุติ opa627 ราคาแพงกว่า และออกแบบตามดาต้าชีท ก็ยังไม่แน่ว่า จะดีกว่าเบอร์ที่คุณสมบัติด้อยกว่าเสมอไป น้าแว่นหมายถึงอย่างนี้ไหมครับ
หรือหมายถึง opa คุณสมบัติดีกว่า แต่ออกแบบวงจรไม่ดี ก็ไม่แน่ว่า จะดีกว่าเบอร์ที่ด้อยกว่าเสมอไป
-
ที่บอกว่า "อย่ายึด" คือผลที่ได้(เสียง) อาจจะไม่เหมือนกับที่ผมบอกเสมอไปใน "ทุกๆวงจร" น่ะครับ
ยกตัวอย่างกรณีที่เด่นที่สุดคือ กรณีของ OPA637 ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Gain Bandwidth สูงมาก และในดาต้าชีทที่ระบุว่า "เกนขยายที่เสถียรต้องมากกว่า 5 นั้น" คือสเปคขั้นต่ำที่ผู้ผลิตบอกมา เพื่อรับประกันว่าถ้าวงจรขยายทั่วไปที่ไม่มีการกดหรือดึงแบนด์วิดธ์ลงโดยอุปกรณ์ภายนอกแล้ว เกนสูงกว่า 5 จะค่อนข้างปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ "เอาไม่อยู่ คุมไม่ได้" ซึ่งผลจะทำให้วงจรเกิดออสซิลเลตสัญญาณผิดปกติไปเลยครับ
ซึ่งท่านที่เคยลองปรีกบ แล้วใส่ 637 อาจจะได้ยินเสียงเหมือนเสียงแตกๆ จนต้องโหลดเอาต์พุตเพิ่ม หรือใส่ C คร่อม R feedback ถึงจะหาย ซึ่งปัจจัยสองตัวนั้นเป็นการลดแบนด์วิดธ์ไปในตัวน่ะครับ ปัญหาเลยหมดไป
ส่วนในวงจร I/V กับ Differential amp. ของ DAC นั้น เป็นไฟต์บังคับอยู่แล้วว่ามี R C ทำหน้าที่กรองความถี่ sampling ที่ 44.1kHz ขึ้นไปออกซะ ทำให้แบนด์วิดธ์ถูกคุมเอาให้ลดลงโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เกนขยายที่ไม่สูงในวงจรนี้ จึงยังทำงานได้ โดยไม่เสี่ยงเรื่องออสซิลเลตน่ะครับ
ซึ่งใน DAC นี้ เลยได้เสียงที่ได้ก็เลยกระชับ สดใส พื้นเสียงดี
แต่ถ้าหลับหูหลับตา ซื้อ 637 มาใส่ในปรีบัฟเฟอร์ทั่วไป ซึ่งกะจะให้เสียงดีตามคำบรรยายของออปแอมป์ด้วย โดยไม่ได้ปรับวงจรเพื่อเอาให้อยู่ อาจจะพบกับเรื่องเศร้าได้ [no-raccoon]
และเช่นกัน 2107 ที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงออกหวาน ละมุนในแอมป์หูฟัง เวลาเอามาใช้กับปรีที่อิมพิแดนซ์สูง ส่วนที่จูนมาหวาน-กลม ก็อาจจะเกินไปได้ครับ แล้วจะบ่นว่า "ทำไมมันเห็นไม่ได้อย่างที่เค้าบอกมาหว่า" [wating-raccoon]สรุปคือ รีวิวต่างๆ เป็นไกด์ไลน์ครับ แต่ต้องดูอุปกรณ์รอบข้างด้วยว่าเทียบกับวงจรส่วนไหน อย่างไร และจัดการยังไงให้"เอาอยู่"ได้อย่างเหมาะสมครับ [gr_in]
-
อ่านหลายๆรีวิว opamp เป็นเสมือนพระเอกครับเป็นตัวกำหนด เลยว่าเสียงจะไปทางไหน จนบางครั้งผมก็คิดว่าน่าจะจริงๆเลยเพราะว่ามันเป็นด่านสุดท้ายของท่านชายครับ
ก่อนถูกส่งออก อย่าง dac ผมนี่637 เป็นด่านสุดท้ายใช่ไหมครับ แล้วก็ออกไปที่ RCA เลยครับ ซึ่งถ้ามองตามผมคิดผมก็คิดว่า 637 เป็นตัวกำหนดเสียง
หรือว่าไม่ใช่ ครับ วงจรต่างๆตั้งแต่ชิป dac ผ่าน C R ฯลฯ มาปรุงแต่งมาเรียบร้อย แต่ตัวสุดท้ายคือ 637 เป็นตัวขยายสัญญานให้ดังขึ้น เผอิญที่ opamp ต่างๆดันไปมีลักษณ์ะและบุคลิกเสียงที่ แตกต่างกันไป แบบนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ผมเคยไปอ่านที่คุณแว่นเขียนไว้แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจคำศัทพ์บางที่มันลึกจนเกินผมจะเข้าใจ แต่ถ้าคนที่มีพื้นฐานจะเข้าใจ
อย่างถ้าเราหา ic opamp ที่เป็นกลางได้มากที่สุด เป็นตัวขยายส่งสัญญาน เราก็จะได้เสียงตามวงจรที่ได้ออกแบบมาใช่ไหมครับ หรือว่าวงจรเข้าออกแบบมาแล้วรู้ว่ายังขาด อะไร ก็เลยเลือกเบอร์ opamp ให้มีแนวเสียงที่เขาต้องการ ทำให้เสียงมันลงตัว
แบบนี้ใช่ไหมครับ โดยที่จุดประสงค์ที่แท้จริง ไม่ได้ต้องการให้ opamp เป็นตัวกำหนดเสียงทั้งหมดของวงจรแต่อย่างใด opamp เป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งในวงจรเท่านั้น
ถ้าผมเข้าใจผิดขออภัยด้วยครับ พอดีได้ศึกษาเรื่องopamp ไปด้วยเลย เพราะผมคิดเสมอว่าของแพงดี มาเสมอเลย ถ้าใครให้ opamp ผมราคาถูกๆบอกว่าเสียงดี อย่างไรผมก็ไม่ใช้ครับ
เคยมีเพื่อนที่ชอบทำ dac คุณ monolab ซึ่งชอบทำdac และวิจัยเกี่ยวกับ dac โดยเฉพาะ ให้ opamp ราคาตัวละ 5 บาทจากนัฐพงษ์ ซึ่งเขาฟังแล้วว่าดี มีความเป็นดนตรีฯลฯ แต่พอมาอยู่กับผมที่ด้วยราคา 5 บาท ผมก็เก็บจนหายไปเลย
กล้ายเป็นผมเข้าใจเรื่องราคามาตลอดเลยครับ ก็พึ่งจะมาเข้าใจใหม่ตรงที่คุณแว่นอธิบายให้ฟังครับ
ว่ามันจะเหมาะสมกับวงจรที่ออกแบบมาด้วย
อย่างมีคนที่ชอบเล่นก็เคยกล่าวบอกไว้เหมือนที่คุณแว่นบอก แต่ผมเองไม่ได้ใส่ใจและคิดว่าไม่จริง ของแพงต้องดีเสมอ (แต่มันก็มีส่วนถ้าจัดวงจรเข้ากันได้) ผมคิดผิดไปเลยจริงๆครับ
ถ้าอย่างเป็นเมื่อก่อน buffer ผมคงจะต้องเลือกเบอร์ที่ดีที่สุดเช่น 2107 เพราะเขารีวิวว่าสุดยอดเสียงกลาง แต่พอมาลงในวงจรมันกลับไม่ใช่
ผมเคยใช้ opmap 602 เบอร์นี่เสียงดี เป็นเบอร์ก่อน627/637 แต่ติดมีเสียงเอ๊กโค่ ติดมาด้วย จนผมไม่เคยใช้ เพราะลองใส่ใส dac แล้วมีเสียงก้องตามมาด้วย จนวันหนึ่งผมลองเอามาใส่ใน ปรี seeddd โดยใส่ไว้ตรง buffer เสียงที่ได้กลับดีมากเลย
เสียงเอ๊กโค่ ไม่มีออกมาเลย แสดงว่ามันเป็นการลงตัวที่พอดี โดยผมใช้ 627ap ไว้คู่หลัง คู่หน้าเป็น 602 เสียงออกมาดีมากในการฟังของผม แต่ผมก็ปล่อยไปแล้วทั้งหมดเลย รวมทั้งปรีด้วย
สรุปว่าเบอร์จะดีไม่ดี ต้องจัดให้เหมาะสมและลงตัว
NJM2068D ตัวละ 9 บาท ถ้าเป็นผมๆไม่ใช้เลยครับ ถ้าไม่ใข่คุณแว่นบอกว่าสมดุลที่สุด และเข้ากันได้กับวงจรที่สุดเท่าที่ได้ทดสอบ และผมเข้าใจแล้วถึงหลักการแม็ทซิ่ง ก็เลยต้องมองข้ามเรื่องราคาไป
เท่ากับว่า opamp buffer กับ output จะต้องเข้ากันได้ที่สุด ผลถึงจะออกมาดีใช้ไหมครับ ซึ่ง buffer ยังมีอีกหลายเบอร์ที่สามารถเอามาลงทดสอบได้ แต่มีข้อจำกัดหรือไม่ว่า ห้ามใช้เบอร์อะไร เช่นถ้าเอาเบอร์ AD797 มาเป็น buffer แบบนี้ได้ใช่ไหม แต่ให้ดูแค่ว่าใส่ลงไปแล้ว มันเข้ากันได้กับตัว output ได้หรือเปล่าฟังแล้วไม่ผิดปกติก็ใช้ได้
-
น้าคลีนใกล้จะบรรลุแล้ว [smi_ley]
-
เข้ามาเชียร์น้าคลีนครับ
-
ป๋า Clean เป็น Guru OP-Amp ตัวจริง [thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon]
-
หลายครั้งออปแอมป์มันก็คือพระเอกจริงๆ น่ะครับ เพราะมันคือวงจรขยาย ทรานซิสเตอร์เฟต เป็นสิบๆ ตัวยุบในชิพตัวเดียว ไม่ต้องสร้างวงจรขนาดใหญ่ทำให้ยุ่งยาก สะดวกมาก
และที่สำคัญคือเล่นง่าย สนุก เปลี่ยนตัวเปลี่ยนเสียงได้เลย และไม่ต้องบัดกรีเข้าออกให้เครื่องหมดประกันด้วย ทำให้นิยมกัน และคนอื่นสามารถเล่นตามได้ไม่ยากนัก [roll]
คือออปแอมป์ที่ไม่ใช่ตัวเฉพาะทางจริงๆ ทางเทคนิคแล้วแค่ดูและเลือกจริงๆ ก็คือเรื่องแรงดันที่ใช้งาน ความไว ความถี่ที่ตอบสนองได้ รวมถึงการขยายสัญญาณขนาดเล็กๆ สัญญาณรบกวนต่ำ หรือถ้าในงานเรื่องมือวัดก็ต้องให้ค่าที่คงที่ไม่เลื่อนไหลตามอุณหภูมิ น่ะครับ ฯลฯ
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เอง เลยทำให้มีออปแอมป์ให้เลือกใช้งานได้เป็นร้อยเป็นพันเบอร์ ถูกบ้างแพงบ้าง ตามวัสดุและเทคโนโลยีในการผลิต คนออกแบบก็ต้องเลือกให้เหมาะกับงานที่ใช้เท่านั้นเอง
อย่างงานด้านเสียง ถ้าไม่ได้ซีเรียสมาก มีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ เพราะความถี่ไม่สูง ยืดหยุ่นและรองรับความไม่แม่นเป๊ะได้พอสมควร
แต่ถ้าซีเรียส ของที่ดีและของที่แพงก็มีให้เลือกเช่นกัน ตามความซีเรียสของคนจัดทำน่ะครับ [smi_ley]
ถามว่าที่เป็นกลางมีไหม ก็พอมีครับ เป็นเบอรที่เราเห็นบ่อยๆนั่นล่ะครับ แต่ก็ยังต้องเลือกต่ออีกพอสมควร เพราะต่างก็มีจุดเด่นจุดเล็กจุดน้อยอยู่ อย่างงานเครื่องเสียง ยิ่งเป็นประเภทลางเนื้อชอบลางยา การเลือกกอาจจะแตกต่างกันได้เช่นกันครับ
กรณีของ AD797 เป็นออปแอมป์แถวหน้าๆ ตัวนึงเช่นกัน คุณสมบัติเยี่ยม พวกนี้ทำเครื่องมือวัดละเอียดทางการแพทย์ได้เลย เพราะฉะนั้นเครื่องเสียงเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่ถ้ามาเสียบในวงจร บางวงจรก็ให้เสียงดีกว่า OPAxxxx บางวงจรที่พื้นฐานวงจรขาดเนื้อ เจ้า AD797 ก็ขี้ฟ้องออกมา "ว่าขาด" และทำให้วงจรนั้นไม่เหมาะก็ได้ เพราะหลายๆ วงจรยังต้องการการปรุงแต่งอยู่บ้าง เพื่อให้ใกล้เคียงกับความชอบอยู่น่ะครับ
ข้อห้ามของการใช้งาน ถ้าถามผมคือ ถ้าใช้ให้ถูกสเปค ความถี่ ความไวได้ ไม่โอเวอร์โหลดเกินไป ใช้งานได้ไม่มีเกิน ไม่มีขาดแล้วล่ะก็ ใช้ได้ทั้งหมดครับ [yes-raccoon]
-
หลายครั้งออปแอมป์มันก็คือพระเอกจริงๆ น่ะครับ เพราะมันคือวงจรขยาย ทรานซิสเตอร์เฟต เป็นสิบๆ ตัวยุบในชิพตัวเดียว ไม่ต้องสร้างวงจรขนาดใหญ่ทำให้ยุ่งยาก สะดวกมาก
และที่สำคัญคือเล่นง่าย สนุก เปลี่ยนตัวเปลี่ยนเสียงได้เลย และไม่ต้องบัดกรีเข้าออกให้เครื่องหมดประกันด้วย ทำให้นิยมกัน และคนอื่นสามารถเล่นตามได้ไม่ยากนัก [roll]
คือออปแอมป์ที่ไม่ใช่ตัวเฉพาะทางจริงๆ ทางเทคนิคแล้วแค่ดูและเลือกจริงๆ ก็คือเรื่องแรงดันที่ใช้งาน ความไว ความถี่ที่ตอบสนองได้ รวมถึงการขยายสัญญาณขนาดเล็กๆ สัญญาณรบกวนต่ำ หรือถ้าในงานเรื่องมือวัดก็ต้องให้ค่าที่คงที่ไม่เลื่อนไหลตามอุณหภูมิ น่ะครับ ฯลฯ
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เอง เลยทำให้มีออปแอมป์ให้เลือกใช้งานได้เป็นร้อยเป็นพันเบอร์ ถูกบ้างแพงบ้าง ตามวัสดุและเทคโนโลยีในการผลิต คนออกแบบก็ต้องเลือกให้เหมาะกับงานที่ใช้เท่านั้นเอง
อย่างงานด้านเสียง ถ้าไม่ได้ซีเรียสมาก มีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ เพราะความถี่ไม่สูง ยืดหยุ่นและรองรับความไม่แม่นเป๊ะได้พอสมควร
แต่ถ้าซีเรียส ของที่ดีและของที่แพงก็มีให้เลือกเช่นกัน ตามความซีเรียสของคนจัดทำน่ะครับ [smi_ley]
ถามว่าที่เป็นกลางมีไหม ก็พอมีครับ เป็นเบอรที่เราเห็นบ่อยๆนั่นล่ะครับ แต่ก็ยังต้องเลือกต่ออีกพอสมควร เพราะต่างก็มีจุดเด่นจุดเล็กจุดน้อยอยู่ อย่างงานเครื่องเสียง ยิ่งเป็นประเภทลางเนื้อชอบลางยา การเลือกกอาจจะแตกต่างกันได้เช่นกันครับ
กรณีของ AD797 เป็นออปแอมป์แถวหน้าๆ ตัวนึงเช่นกัน คุณสมบัติเยี่ยม พวกนี้ทำเครื่องมือวัดละเอียดทางการแพทย์ได้เลย เพราะฉะนั้นเครื่องเสียงเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่ถ้ามาเสียบในวงจร บางวงจรก็ให้เสียงดีกว่า OPAxxxx บางวงจรที่พื้นฐานวงจรขาดเนื้อ เจ้า AD797 ก็ขี้ฟ้องออกมา "ว่าขาด" และทำให้วงจรนั้นไม่เหมาะก็ได้ เพราะหลายๆ วงจรยังต้องการการปรุงแต่งอยู่บ้าง เพื่อให้ใกล้เคียงกับความชอบอยู่น่ะครับ
ข้อห้ามของการใช้งาน ถ้าถามผมคือ ถ้าใช้ให้ถูกสเปค ความถี่ ความไวได้ ไม่โอเวอร์โหลดเกินไป ใช้งานได้ไม่มีเกิน ไม่มีขาดแล้วล่ะก็ ใช้ได้ทั้งหมดครับ [yes-raccoon]
แหล่มเลยครัยน้าแว่น
-
[roll] อีกไม่กี่วันผมก็คงจะรู้ว่าหมู่หรือจ่า ครับ ดูซิว่าจะฟังความแตกต่างออกไหม แต่อย่างที่คุณแว่นบอกว่า เสียงเบาลง อันนี้คงจะฟังออก laughhahaha
ส่วนอื่นๆไม่ได้เปลียนแปลงมาก
ไฟเหมาะสมที่กี่ V ครับ
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
เอา Epoxy อุดหัวน๊อตทุกตัวด้วยครับ
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
เอา Epoxy อุดหัวน๊อตทุกตัวด้วยครับ
ต่อให้ผมเทปูนปิดเอาไว้ ก็ไม่น่าจะรอดพ้นได้ครับ [laugh-raccoon]
-
คุณ cleanning เหมือนจะเข้าใจแล้ว ส่วนผมสับสนกว่าเดิมอีก ทั้งเรื่องบัฟเฟอร์ทั้งเรื่องออปแอมป์ [phok]
-
ลอง OPA2604 บ้างหรือยัง อยากได้ยินรีวิวบ้างครับ
-
คุณ cleanning เหมือนจะเข้าใจแล้ว ส่วนผมสับสนกว่าเดิมอีก ทั้งเรื่องบัฟเฟอร์ทั้งเรื่องออปแอมป์ [phok]
อย่างมองให้เป็นเรื่องยากครับ
627 และ 637 ต่างก็ถือเป็นออปแอมป์เรือธงตัวต้นๆของ BB
627 ออกแบบภายในให้เหมาะกับการใช้งานเกนขยายต่ำหน่อย (แถวๆ 1 เท่า) แล้วจะได้ผลตอบสนองที่ดีโดยไม่ต้องปรับแต่งภายนอกมากมาย
และ 637 ออกแบบภายในให้สูบฉีดแรง มากเพียงพอกับการเอาไปใช้กับงานเกนขยายสูงหน่อย (มากกว่า 5) แล้วจะได้ผลสัญญาณที่รวดเร็ว ไม่ช้าไม่หนืด แต่นั่นก็ทำให้มีความเสี่ยงกับการเกิดออสซิลเลตมากขึ้นที่เกนต่ำๆ
เหมือนเราต้องการขับรถระยะทางซัก 50 เมตร มีเฟอรารี่ 1 คัน กับจักรยาน 1 คัน
คันแรกแรงดี เหยียบคันเร่งซะเต็มเท้า พุ่งฉิวไปเลย แต่พอถึงระยะทาง 50 เมตร ขับมาเร็วขนาดนี้ จะให้เบรกได้ระยะที่แน่นอนเป๊ะก็ต้องเบรกหัวทิ่มกันทีเดียว หรือไม่ก็อาจจะเลยไปอีกหลายเมตร
ถ้าเป็นจักรยาน ปั่นไปเรื่อยๆ ชะลอเบรก พอดีเส้นเป๊ะ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าขับเฟอรารี่ ค่อยๆ ออกตัว ไม่ต้องพุ่งมาก แค่ชะลอคันเร่งก่อนถึงจุดหมาย แล้วแตะเบรก ก็หยุดได้ดีเช่นกัน
ในทางกลับกัน ถ้าต้องการขับระยะทางไกลๆ ปั่นจักรยานจนปวดน่องแน่นอน และใช้เวลานานกว่า ถ้าเป็นแบบนี้รถยนต์ได้เปรียบอยู่แล้วครับ
637 ก็เช่นกัน แรงเยอะ แต่ต้องหาวิธีจัดการให้อยู่ ถึงจะใช้งานได้น่ะครับ [yes-raccoon]
แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีเสมอที่"เอาอยู่" คือถ้าเกนมันต่ำมากๆ ชดเชยยังไงก็ตาม รอบเดินเบาแล้วก็ยังแรงมากเกินไป กรณีนี้จำเห็นต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือไม่ก็เดินไปเลยน่ะครับ [roll]
-
ลอง OPA2604 บ้างหรือยัง อยากได้ยินรีวิวบ้างครับ
2604 ยังไม่เคยได้ลองครับ เพราะไม่เคยซื้อเก็บคลังแสงเลยครับ [c--c]
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
เอา Epoxy อุดหัวน๊อตทุกตัวด้วยครับ
ต่อให้ผมเทปูนปิดเอาไว้ ก็ไม่น่าจะรอดพ้นได้ครับ [laugh-raccoon]
ซนจริงๆ นะครับ คุณ cleanning
มือต้องนิ่ง เป็นบทเรียน สุดวิสัย
พัฒนา ในฝีมือ ให้กว้างไกล
กลัวไปใย กับDACพัง แค่นี้เอง
นี่ยังดี ที่มือโปร อย่างคุณแว่น
ช่วยโลดแล่น DACตัวเดิม ไปไกลโข
ฟังเรื่อยๆ น่ายิ่งดี ก็ของโม
ไม่โมโห ตัวเอง ที่ทำพัง
-
คุณ cleanning เหมือนจะเข้าใจแล้ว ส่วนผมสับสนกว่าเดิมอีก ทั้งเรื่องบัฟเฟอร์ทั้งเรื่องออปแอมป์ [phok]
อย่างมองให้เป็นเรื่องยากครับ
627 และ 637 ต่างก็ถือเป็นออปแอมป์เรือธงตัวต้นๆของ BB
627 ออกแบบภายในให้เหมาะกับการใช้งานเกนขยายต่ำหน่อย (แถวๆ 1 เท่า) แล้วจะได้ผลตอบสนองที่ดีโดยไม่ต้องปรับแต่งภายนอกมากมาย
และ 637 ออกแบบภายในให้สูบฉีดแรง มากเพียงพอกับการเอาไปใช้กับงานเกนขยายสูงหน่อย (มากกว่า 5) แล้วจะได้ผลสัญญาณที่รวดเร็ว ไม่ช้าไม่หนืด แต่นั่นก็ทำให้มีความเสี่ยงกับการเกิดออสซิลเลตมากขึ้นที่เกนต่ำๆ
เหมือนเราต้องการขับรถระยะทางซัก 50 เมตร มีเฟอรารี่ 1 คัน กับจักรยาน 1 คัน
คันแรกแรงดี เหยียบคันเร่งซะเต็มเท้า พุ่งฉิวไปเลย แต่พอถึงระยะทาง 50 เมตร ขับมาเร็วขนาดนี้ จะให้เบรกได้ระยะที่แน่นอนเป๊ะก็ต้องเบรกหัวทิ่มกันทีเดียว หรือไม่ก็อาจจะเลยไปอีกหลายเมตร
ถ้าเป็นจักรยาน ปั่นไปเรื่อยๆ ชะลอเบรก พอดีเส้นเป๊ะ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าขับเฟอรารี่ ค่อยๆ ออกตัว ไม่ต้องพุ่งมาก แค่ชะลอคันเร่งก่อนถึงจุดหมาย แล้วแตะเบรก ก็หยุดได้ดีเช่นกัน
ในทางกลับกัน ถ้าต้องการขับระยะทางไกลๆ ปั่นจักรยานจนปวดน่องแน่นอน และใช้เวลานานกว่า ถ้าเป็นแบบนี้รถยนต์ได้เปรียบอยู่แล้วครับ
637 ก็เช่นกัน แรงเยอะ แต่ต้องหาวิธีจัดการให้อยู่ ถึงจะใช้งานได้น่ะครับ [yes-raccoon]
แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีเสมอที่"เอาอยู่" คือถ้าเกนมันต่ำมากๆ ชดเชยยังไงก็ตาม รอบเดินเบาแล้วก็ยังแรงมากเกินไป กรณีนี้จำเห็นต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือไม่ก็เดินไปเลยน่ะครับ [roll]
แบบนี้มันเปรียบเทียบได้กับ C หรือไม่ครับ ...........
คือถ้าเราใช้ C ที่เกินค่าโวลต์ที่ต้องการมากๆๆ เช่น ต้องการแค่ 63V แต่เราใช้ 250V มันจะมีผลต่อการคายประจุเร็ว หรือ ช้า เกินไปหรือไม่ครับ .........
ผมสงสัยจริงๆๆ .........ครับผม
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
เอา Epoxy อุดหัวน๊อตทุกตัวด้วยครับ
ต่อให้ผมเทปูนปิดเอาไว้ ก็ไม่น่าจะรอดพ้นได้ครับ [laugh-raccoon]
ซนจริงๆ นะครับ คุณ cleanning
มือต้องนิ่ง เป็นบทเรียน สุดวิสัย
พัฒนา ในฝีมือ ให้กว้างไกล
กลัวไปใย กับDACพัง แค่นี้เอง
นี่ยังดี ที่มือโปร อย่างคุณแว่น
ช่วยโลดแล่น DACตัวเดิม ไปไกลโข
ฟังเรื่อยๆ น่ายิ่งดี ก็ของโม
ไม่โมโห ตัวเอง ที่ทำพัง
กวีเอกอยู่ที่นี่เอง ................ [res] [res] [clap hand2] [clap hand2] [yes-raccoon] [yes-raccoon]
-
เริ่มแรกผมก็เข้าใจเหมือนเสมา ออปแอปดีแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนบัพเฟอร์แพงถึงจะดี
ออปแอปที่ดีในความคิดผม ต้องแบนวิธกว้างๆ สรีปเรทสูงๆ จะได้กระฉับกระเฉง บางคนก็ว่ากัดหู แต่สรีปเรทต่ำก็จะเฉื่อยลงแล้วแต่คนชอบ ซึ่งแบนวิธที่เเยอะก็จะมีในออปแอมป์ราคาแพง อย่าง637 ในดาต้าชิท(ผมอ่านไม่ค่อยเป็นหรอกครับ) เกน100 ก็จะได้แบนวิธที่ 1 M ก็ใส่อาร์ตามที่ดาต้าเขาให้มา เราก็ต้องทำวงจรมันขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้แบนวิธที่กว้าง เพื่อเค้นเอาคุณสมบัติของมัน(เข้าใจว่ามันแพงตรงแบนวิธ 1 เมกนี่ล่ะ) ถ้าในวงจรdacของเสมา เกนของวงจรออปแอมตัวนั้นก็น่าจะคนละค่ากัน(คงออกแบบตามดาต้าชีทของตัวมัน) การเอาออปแอมเบอร์์อื่นมาแทนก็เท่ากับไม่ได้ประสิทธิภาพออปแอมตัวนั้น
ผมเลยงง ว่าน้าแว่นไม่ได้เปลี่ยนอาร์ตาม ดาต้าชีท ทำให้ไม่ได้ แบนวิทที่มีถึง1Mhz ปรับแค่เกน ก็ใช้ได้แล้ว แถมเสียงยังเบาลงอีก ผมนึกว่ามันจะดังกว่าเดิมซะอีก ตามออปแอปอุดมคติ ขยายเป็นอนันต์ ทำถูกต้องมันน่าจะขยายได้เกือบสูงสุด น่าจะดังขึ้น
ออปแอมผม งง บัพเฟอร์มันก็ งง ตาม คือบัพเฟอร์ที่ดีในความคิดผมน่ะครับ มันต้องส่งเสริมให้ออปแอมป์หลักทำงานเต็มประสิทธิภาพ เช่นโหลดกระแสได้เยอะ อินพิแดนซ์เข้าสูง ออกต่ำ ตัวมันก็ต้องมีแบนวิธที่กว้างพอที่จะรองรับ ออปแอปหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเหล่านี้ อยู่ในออปแอปราคาแพง ส่วนบัฟเฟอร์หลอดมีแบนวิธกว้าง เลยชอบเอามาทำเป็นบัฟเฟอร์ ผมเคยรื้อซีดีวงจรไฮเอน เห็นเขาใช้บัพเฟอร์ ที่เป็นออปแอมป์ ที่มีคุณสมบัติเป็นบัพเฟอร์เลย (LT1010ct) มี 5 ขา ผมเลยเข้าใจว่า บัฟเฟอร์ที่ดีต้องแพง เอาตัวถูกๆมาทำไม่ดี
ทั้งหมดนี่ผมคิดเอาเองหน่ะครับ ตอนแรกเหมือนจะเข้าใจแล้ว ผมเอ๊ะใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เสมา เอา 637 ไปเสียบแล้วฟังเลย ก็กังขาอยู่ว่ามันใช่เหรอ พอน้าแว่นสรุปว่า เสียงมันคลิปก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า มันมีปัญหาใช้ด้วยกันไม่ได้ พอทำเสร็จออกมา ไหงไม่เป็นอย่างที่คิด
-
น้าแว่นครับ ถ้าเสร็จแล้วเวลาประกอบกล่อง DAC เอากาวหยอดไม่ให้ถอดได้เลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของก็รื้อออกมาโมเล่นอีกครับ 3-2-1-raccoon
เอา Epoxy อุดหัวน๊อตทุกตัวด้วยครับ
ไม่ได้หรอกครับ เกิดต้องการจะเปลียนแนวเสียงด้วยการเปลี่ยนopamp ก็หมดสิทธิ์นะซิครับ [roll]
แล้วมาเดินบนถนน diy มันต้องไม่หยุดนิ่งต้องสงสัย แบบนี้มันต้องหักหัวแร้ง ล้างมือ laughhahaha laughhahaha ในเมื่อไม่มีหัวแรง ก็หมดสิทธิ์จะทำอะไรได้
ก็เหมือนจอมยุทธหักปลายทวน นั้นแหละครับ
เอาแค่คุณแว่นติดสติกเกอร์มาก็ok แล้วครับ laughhahaha
และเผื่อเวลาขนส่งไปรษณีย์ไทยมันชอบโยน เกิดโยนแล้วอ๊อฟแอมป์เคลื่อนทีไม่สนิท เปิดไม่ดังก็ตายเลยน๊อตก็ถูกทากาวไปซะแล้ว
ความผิดพลาดเป็นบทเรียน ว่าต่อไปจะถอดอุปกรณ์บน pcb จะต้องทำอย่างไร
-
แบบนี้มันเปรียบเทียบได้กับ C หรือไม่ครับ ...........
คือถ้าเราใช้ C ที่เกินค่าโวลต์ที่ต้องการมากๆๆ เช่น ต้องการแค่ 63V แต่เราใช้ 250V มันจะมีผลต่อการคายประจุเร็ว หรือ ช้า เกินไปหรือไม่ครับ .........
ผมสงสัยจริงๆๆ .........ครับผม
กรณีของ C จะว่ากันด้วยเรื่องค่า ESR Equivalent series resistance หรือ R เสมือนแฝงตัว, ค่า ESL Equivalent series inductance หรือ L เสมือนแฝงตัว, ค่า DF Dissipation factor อัตราส่วนสูญเสียพลังงานในตัวเอง ซึ่งบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของ C, ค่า DA Dielectric absorbtion ค่าการดูดซึมประจุภายในตัวกลาง(น้ำยา)ไดอิเล็กทริค
ซึ่งถ้าพูดถึงกรณีของ C กระป๋องอย่างเดียว ระบุในซีรีย์รุ่นเดียวกัน ถ้าความจุเท่ากัน แต่พิกัดแรงดันต่างกัน ตัวที่แรงดันมากกว่าจะมีค่า ESR ต่ำกว่าเสมอ เพราะขนาดพื้นที่หน้าฟิลม์ใหญ่ขึ้น ค่า R แฝงก็ลดลง ทำให้ความสามารถในการจ่ายกระแสฉับพลันทำได้เร็วกว่าตัวที่โวลต์ต่ำกว่าครับ [gr_in]
-
เริ่มแรกผมก็เข้าใจเหมือนเสมา ออปแอปดีแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนบัพเฟอร์แพงถึงจะดี
ออปแอปที่ดีในความคิดผม ต้องแบนวิธกว้างๆ สรีปเรทสูงๆ จะได้กระฉับกระเฉง บางคนก็ว่ากัดหู แต่สรีปเรทต่ำก็จะเฉื่อยลงแล้วแต่คนชอบ ซึ่งแบนวิธที่เเยอะก็จะมีในออปแอมป์ราคาแพง อย่าง637 ในดาต้าชิท(ผมอ่านไม่ค่อยเป็นหรอกครับ) เกน100 ก็จะได้แบนวิธที่ 1 M ก็ใส่อาร์ตามที่ดาต้าเขาให้มา เราก็ต้องทำวงจรมันขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้แบนวิธที่กว้าง เพื่อเค้นเอาคุณสมบัติของมัน(เข้าใจว่ามันแพงตรงแบนวิธ 1 เมกนี่ล่ะ) ถ้าในวงจรdacของเสมา เกนของวงจรออปแอมตัวนั้นก็น่าจะคนละค่ากัน(คงออกแบบตามดาต้าชีทของตัวมัน) การเอาออปแอมเบอร์์อื่นมาแทนก็เท่ากับไม่ได้ประสิทธิภาพออปแอมตัวนั้น
ผมเลยงง ว่าน้าแว่นไม่ได้เปลี่ยนอาร์ตาม ดาต้าชีท ทำให้ไม่ได้ แบนวิทที่มีถึง1Mhz ปรับแค่เกน ก็ใช้ได้แล้ว แถมเสียงยังเบาลงอีก ผมนึกว่ามันจะดังกว่าเดิมซะอีก ตามออปแอปอุดมคติ ขยายเป็นอนันต์ ทำถูกต้องมันน่าจะขยายได้เกือบสูงสุด น่าจะดังขึ้น
ออปแอมผม งง บัพเฟอร์มันก็ งง ตาม คือบัพเฟอร์ที่ดีในความคิดผมน่ะครับ มันต้องส่งเสริมให้ออปแอมป์หลักทำงานเต็มประสิทธิภาพ เช่นโหลดกระแสได้เยอะ อินพิแดนซ์เข้าสูง ออกต่ำ ตัวมันก็ต้องมีแบนวิธที่กว้างพอที่จะรองรับ ออปแอปหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเหล่านี้ อยู่ในออปแอปราคาแพง ส่วนบัฟเฟอร์หลอดมีแบนวิธกว้าง เลยชอบเอามาทำเป็นบัฟเฟอร์ ผมเคยรื้อซีดีวงจรไฮเอน เห็นเขาใช้บัพเฟอร์ ที่เป็นออปแอมป์ ที่มีคุณสมบัติเป็นบัพเฟอร์เลย (LT1010ct) มี 5 ขา ผมเลยเข้าใจว่า บัฟเฟอร์ที่ดีต้องแพง เอาตัวถูกๆมาทำไม่ดี
ทั้งหมดนี่ผมคิดเอาเองหน่ะครับ ตอนแรกเหมือนจะเข้าใจแล้ว ผมเอ๊ะใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เสมา เอา 637 ไปเสียบแล้วฟังเลย ก็กังขาอยู่ว่ามันใช่เหรอ พอน้าแว่นสรุปว่า เสียงมันคลิปก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า มันมีปัญหาใช้ด้วยกันไม่ได้ พอทำเสร็จออกมา ไหงไม่เป็นอย่างที่คิด
แหม... อันนี้สิ หนังยาว.... [smi_ley]
ถูกต้องแล้วครับ ที่เคยได้ยินมา เข้าใจไม่ผิดครับ ออปแอมป์ที่สลูว์เรตสูง สามารถทำการไต่ระดับเอาต์พุตได้ไว สัญญาณกระฉับกระเฉงกว่า
เพียงแต่เวลาดูแบนด์วิทธ์ นอกจากจะดูเกนขยายแล้ว ต้องดูเรื่องเฟสด้วยครับ วิธีเลือกออปแอมป์แบนด์วิทธ์สูงๆ มาก็เพื่อหวังการตอบสนองเฟสที่ลากไปได้ไกลขึ้น โดยเฉพาะตลอดช่วงความถี่เสียง เมื่อการตอบสนองเฟสเกิดการบิดตัวให้น้อย ก็หมายถึงรูปสัญญาณไม่เพี้ยน มิตินิ่ง ไม่วูบวาบ ครับ
แต่เรื่องเสียงขลิบที่เกิดใน DAC เข้าใจผิดครับ เพราะไม่เกี่ยวกับ 637 แต่อย่างใด
คือ I/V นั้นใช้ NJM2068D แทน NJM5532 ปกติ และที่ลด R นั้นก็อยู่ที่ตรง I/V นี้ครับ (637 ยังไม่เกี่ยวกันเลยครับ)
ปัญหาที่ผมวัดคลื่นให้ดูนั้น เกิดจากช่วง input headroom ในภาค I/V รับไม่ไหว (ซึ่งไม่กี่ยวกับ 637 เช่นกัน) แต่มาจากการที่สัญญาณจาก PCM1796 เองจะมี DC bias อยู่จำนวนนึงเป็นปกติอยู่ พอผสมกับสัญญาณเสียงที่ขยายเพิ่มเข้าไป 7Vp-p ซึ่งถือว่าแรงมากเกิน ทำให้ผลรวมสุดท้าย มันสูงชนขอบเขตเกินกว่าที่ออปแอมป์จะตอบสนองได้ เลยเกิดเหตุการท้องคลื่นหายถูกตัดหายไปครับ
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเอาสัญญาณนี้ไปขยายอีก ก็ย่อมจะเพี้ยนไปกันใหญ่น่ะครับ
ดังนั้นผมเลยลดค่า R ลง เพื่อให้ I/V transfer ลดลงด้วย ทำให้สัญญาณลงมาอยู่ในช่วงที่ทำงานได้ปกติไม่ผิดเพี้ยนเท่านั้นเอง
ส่วนกรณีที่ผมเอา 637 กลับมาลงในภาคเอาต์พุตได้ ก็เพราะว่า ในภาคเอาต์พุตนั้น จัดเป็นวงจร differential amp. พร้อมกับทำหน้าที่เป็น LPF Low-passed filter 2nd order เพื่อจุดประสงค์ในการกรองความถี่สูงออก โดยเฉพาะความถี่ sampling ที่แถมมาด้วยจาก DAC ออกไป ดังนั้นเมื่อเราคุมความถี่ไว้ กราฟ open loop bandwidth ก็จะถูกลดแบนด์วิทธ์รวมในวงจร รวด้วย R-C ในชุด filter นั่นเอง การขยายก็ทำได้แค่ช่วงที่ความถี่ผ่าน LPF ได้น่ะครับ ระบบจึงทำงานเสถียรในจุดนี้ได้เพราะถูกกดแบนด์วิทธ์ลงจนแทบไม่ได้มีโอกาสได้เสี่ยงกับออสซิลเลตเลยทีเดียว
ในทางเทคนิคแล้ววิธีที่ผมทำเป็นวิธีที่คุมได้เป็นเคสต่อเคสนะครับ เพราะตามหลักคอนโทรลแล้ว การที่ระบบตอบสนองเร็วถือเป็นเรื่องดี เพราะเร็วทำให้ช้าลงได้ แต่ก็ต้องเพิ่มอุปกรณ์รอบข้างที่เหมาะสม เพื่อทำให้ระบบรวม คุมให้การเข้าสู่สภาวะสมดุลได้ถูกต้อง
ซึ่งตอนที่ทำ ผมก็ต้องทดสอบความถี่ 20kHz แล้วดูว่าเกิด ringing ขึ้นขอบรึเปล่า ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีสัญญาณขึ้นขอบแต่อย่างใด จึงถือว่ามีเสถียรภาพพอ และใช้งานได้ครับ
แต่เรื่องการเลือกเบอร์ที่เอามาใช้งาน นอกจากวัดสัญญาณแล้ว ผมลองนั่งฟังสลับไปมา ทีละชุดน่ะครับ สรุปรวมแล้วเลยมาออกที่เบอร์ดังกล่าวน่ะครับ
ส่วนเรื่องวิธีเลือกออปแอมป์ มาใช้งานในจุดต่างๆ นั้น ทั้งบัฟเฟอร์ และออปแอป์หลัก วิธีเลือกอย่างที่ถามมานั้น ถ้าให้ผมตอบตรงๆ คือใช่ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด ออปแอมป์ที่ดีโดยเฉพาะคุณสมบัติที่ตอบสนองเชิงเส้นได้ดี linearize error ยิ่งต่ำเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
เป็นวิธีที่รับประกันว่าทำงานได้ชัวร์และแน่นอน แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายจุดนี้ ที่สูงขึ้นมากๆ กว่า 100 เท่า และผลที่ได้คุ้มค่าพอหรือเปล่าน่ะครับ
เนื่องจาก DAC ตัวนี้ไม่ได้ออกแบบในเชิงบริสุทธ์นิยม ถาคจ่ายไฟยังไม่ถึงขั้นที่ออกแบบให้นิ่งกว่านี้ ยังใช้ไอซีเรกูเลตธรรมดาอยู่ ซึ่งมี noise ผสม ก็มีอยู่ราวๆ 5mvp-p
อีกอย่างคือ การต่อปีกเติมอะแดปเตอร์สองชั้น สำหรับผมแล้วก็ยังไม่สามารถรีดประสิทธิภาพสูงสุดของออปแอมป์ได้ครบจริงๆ เพียงแต่ผลที่ได้นั้นดีกว่าเดิม และยอมรับในจุดนั้นว่า "ดีพอ"เท่าที่พื้นที่และทรัพยากรรอบด้านจะอำนวยน่ะครับ [yes-raccoon]
-
ขอบคุณ น้าแว่นครับ.. [res] [res]
เริ่มจะเข้าใจแล้วครับ ปกติผมก็อ่านที่น้าแว่น โพสไว้ ผมเข้าใจแค่ไม่ถึง10เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ อาศัยอ่านหลายๆรอบ จำพอผ่านๆ เผื่อต่อยอดภายหลัง ค่อยกลับมาอ่านอีก เที่ยวนี้เข้าใจง่ายขึ้น ถึงไม่หมดก็เหอะ พอนึกภาพออกเลยครับ การทำงานของระบบ dacที่ดีเป็นยังไง เป็นประโยชน์กับมือใหม่อย่างผมมากเลยครับ
สรุปง่ายๆแบบฉบับ ของผมคือ ซื้อแดคมา โมแล้วไม่คุ้ม เอาเงินค่าโมไปซื้อรุ่นสูง ได้ผลกว่า จริงม๊ะครับ ไหนจะต้องทำภาคจ่ายไฟใหม่ หม้อแปลง ไอซีเรค ให้มันไลน์เนียร์ สมมุติภาคจ่ายไฟดีแล้ว ก็มาติดที่ชิปdac อีก ที่ปล่อยไฟ ดีซีออกมา ต้องหาเบอร์ที่คุณสมบัติที่ดีกว่า วงจรก็ต้องทำใหม่อีก คนไม่รู้เรื่องหมดสิทธิ์ กว่าจะมาขยายสัญญาณให้ออปแอป เปลี่ยนออปแอมก็เปลี่ยนแค่ปลายทาง สัญญาณต้นทางไม่ไดี ยิ่งขยายแรงยิ่งแย่ ทำได้ก็แค่กดไม่ให้ขยายในส่วนที่ไม่ดี เสมาไม่ต้องเสียใจ เพราะผมก็เป็นแบบเสมา แต่ต่อไปผมไม่โมแล้ว ซื้อใหม่ดีกว่า หรือเสมาว่ายังไงครับ เพราะเรามันแนวเดียวกัน รอความคิดเห็นอยู่น่ะครับ ว่ามา... รอฟังอยู่
-
ขอบคุณ น้าแว่นครับ.. [res] [res]
เริ่มจะเข้าใจแล้วครับ ปกติผมก็อ่านที่น้าแว่น โพสไว้ ผมเข้าใจแค่ไม่ถึง10เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ อาศัยอ่านหลายๆรอบ จำพอผ่านๆ เผื่อต่อยอดภายหลัง ค่อยกลับมาอ่านอีก เที่ยวนี้เข้าใจง่ายขึ้น ถึงไม่หมดก็เหอะ พอนึกภาพออกเลยครับ การทำงานของระบบ dacที่ดีเป็นยังไง เป็นประโยชน์กับมือใหม่อย่างผมมากเลยครับ
สรุปง่ายๆแบบฉบับ ของผมคือ ซื้อแดคมา โมแล้วไม่คุ้ม เอาเงินค่าโมไปซื้อรุ่นสูง ได้ผลกว่า จริงม๊ะครับ ไหนจะต้องทำภาคจ่ายไฟใหม่ หม้อแปลง ไอซีเรค ให้มันไลน์เนียร์ สมมุติภาคจ่ายไฟดีแล้ว ก็มาติดที่ชิปdac อีก ที่ปล่อยไฟ ดีซีออกมา ต้องหาเบอร์ที่คุณสมบัติที่ดีกว่า วงจรก็ต้องทำใหม่อีก คนไม่รู้เรื่องหมดสิทธิ์ กว่าจะมาขยายสัญญาณให้ออปแอป เปลี่ยนออปแอมก็เปลี่ยนแค่ปลายทาง สัญญาณต้นทางไม่ไดี ยิ่งขยายแรงยิ่งแย่ ทำได้ก็แค่กดไม่ให้ขยายในส่วนที่ไม่ดี เสมาไม่ต้องเสียใจ เพราะผมก็เป็นแบบเสมา แต่ต่อไปผมไม่โมแล้ว ซื้อใหม่ดีกว่า หรือเสมาว่ายังไงครับ เพราะเรามันแนวเดียวกัน รอความคิดเห็นอยู่น่ะครับ ว่ามา... รอฟังอยู่
dac ที่ผมฟังมานะครับถ้าไม่เกิน 15k ผมว่าเสียงมันไม่ต่างครับ แต่ถ้าโมนิดๆหน่อยๆมันก็อาจจะขยับไปเท่ากันได้ครับเช่นของผม ชื้อมา 9300 ผมฟังเทียบกับรุ่น 14k ต่างกันนิดเดียวนิดเดียวจริงๆครับ นอกนั้นต่างรูปทรงและการเชื่อมต่อครับ
แต่เสียงต่างกันน้อยครับ ไม่คุ้มสำหรับผมที่จะเพิ่มเงินอีก 4k ครับ อย่างของผมเอามาเปลียน opamp ซึ่งมีอยู่แล้วและเป็นเบอร์ที่หลายท่านว่าดี เพียงแต่จัดระบบให้มันให้ถูกต้องเท่านั้นก็ใช้ได้อย่างผม โชดดีที่ไปตกในมือคุณแว่นเลยได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นอีกนิด อาจจะกระโดดไปเทียบกับตัว 14k ก็ได้ครับ
แต่ผมเคยฟังตัวเกิน 15k ครับ เสียงมันหนีกันจริงๆแบบฟังแล้วเคลิมน้ำลายไหลเต็มร้านเลยครับ ต้องรีบเช็ดน้ำลายเลยครับเพราะกระต๋างไม่มีครับ ถูกใจในเสียงจริงๆครับ ที่รู้ว่าต่างก็เพราะตอนทดสอบเปลียนเฉพาะ dac อย่างเดียวเลยครับ
ผมไปฟังที่ร้านdiscoveryhifi ครับที่ศูนย์รวม dac ครับ ตัวที่ผมฟังก็ D18 ครับ
ผมเคยโม dac ไทยมาก็คุ้มครับ แต่ผมว่า จัดตรงopamp ให้ลงตัวสำหรับผมๆฟังออกกว่าไปเปลี่ยนตรงอื่นครับ และภาคจ่ายไฟสำหรับdac ผมว่าจำเป็นสุดๆครับ
ถ้าไม่มีเงินเปลียนรุ่นที่กระโดดไปผมยังคิดว่า โม ดีกว่าครับ แต่ถ้ามีงบเปลี่ยนให้โดดได้ ก็เปลีย่นดีกว่าครับ dac บางรุ่นมันทำมาให้โมได้ครับ และโมแล้วไปได้ไกลกว่าเดิมด้วยครับ
รุ่นของผมคนขายก็บอกว่าโมได้ครับ และผมเชื่อว่าถ้าอยู่ในมือคนที่โมเป็นมันจะถูกโมมากกว่านี้ครับ
สำหรับผมการโมก็ยังจำเป็นครับผมคิดว่าที่เขาทำมามันย่อมมีจำกัดในการตลาดอย่างน้อยเปลียนอุปกรณ์ให้เป็นเกรดดีขึ้นอีกหน่อยมันก็น่าจะดีขึ้นในความคิดของผมครับ
โมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือหัวใจของเรา
-
อย่างนั้น ต้องเปิดศีกกันหน่อย [tremor-raccoon] [tremor-raccoon]
สงสัย ต้องไปผูกมิตร กับหมื่นณรงค์ซะแล้ว มีศัตรูคนเดียวกัน
ขำๆ น่ะครับ เดียวคนอื่นอ่าน จะเข้าใจผิด ไม่มีไรครับ หยอกกันเล่ง
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
-
ขอบคุณ น้าแว่นครับ.. [res] [res]
เริ่มจะเข้าใจแล้วครับ ปกติผมก็อ่านที่น้าแว่น โพสไว้ ผมเข้าใจแค่ไม่ถึง10เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ อาศัยอ่านหลายๆรอบ จำพอผ่านๆ เผื่อต่อยอดภายหลัง ค่อยกลับมาอ่านอีก เที่ยวนี้เข้าใจง่ายขึ้น ถึงไม่หมดก็เหอะ พอนึกภาพออกเลยครับ การทำงานของระบบ dacที่ดีเป็นยังไง เป็นประโยชน์กับมือใหม่อย่างผมมากเลยครับ
สรุปง่ายๆแบบฉบับ ของผมคือ ซื้อแดคมา โมแล้วไม่คุ้ม เอาเงินค่าโมไปซื้อรุ่นสูง ได้ผลกว่า จริงม๊ะครับ ไหนจะต้องทำภาคจ่ายไฟใหม่ หม้อแปลง ไอซีเรค ให้มันไลน์เนียร์ สมมุติภาคจ่ายไฟดีแล้ว ก็มาติดที่ชิปdac อีก ที่ปล่อยไฟ ดีซีออกมา ต้องหาเบอร์ที่คุณสมบัติที่ดีกว่า วงจรก็ต้องทำใหม่อีก คนไม่รู้เรื่องหมดสิทธิ์ กว่าจะมาขยายสัญญาณให้ออปแอป เปลี่ยนออปแอมก็เปลี่ยนแค่ปลายทาง สัญญาณต้นทางไม่ไดี ยิ่งขยายแรงยิ่งแย่ ทำได้ก็แค่กดไม่ให้ขยายในส่วนที่ไม่ดี เสมาไม่ต้องเสียใจ เพราะผมก็เป็นแบบเสมา แต่ต่อไปผมไม่โมแล้ว ซื้อใหม่ดีกว่า หรือเสมาว่ายังไงครับ เพราะเรามันแนวเดียวกัน รอความคิดเห็นอยู่น่ะครับ ว่ามา... รอฟังอยู่
เป็นเช่นนั้นครับ [yes-raccoon]
คือกรณี DAC เนี่ย ลองดูรูปแบบพวก DIY ฮ่องกงที่ซีเรียสจริงๆ เค้าทำกัน
(http://www.pwatt.com/diy/DAC_FDA.jpg)
อันนี้ยังไม่ขั้นโมนะครับ แค่บอร์ดหลักพี่ท่านก็ออกแบบทั้งบอร์ดไปครบแล้ว เพื่อรีดประสิทธิภาพของของทุกชิ้นออกมาเต็มเม็ดที่สุดน่ะครับ ส่วนจะโมของเทพก็จะได้ดียิ่งขึ้นไปอีก แบบนี้ล่ะครับ ถึงจะคุ้มค่าที่จะทำมากกว่าน่ะครับ
(อันนี้แค่เวอร์ชัน DIY นะเนี่ย ของที่เค้าทำขายจริงจังไปใช้พวก PCB 6-8 Layer กันทีเดียว [tremor-raccoon])
งานนี้ พอดีมาถามผมซึ่งเป็นพวกออกแบบวงจร ความเห็นที่ได้ก็อาจจะต่างจากท่านอื่นๆบ้าง (ไม่รู้คิดผิดรึเปล่านะที่ถามน่ะครับ [laugh-raccoon])
คือโดยส่วนตัวแล้ว ผมจะดูก่อนครับ ว่าเครื่องเดิมมันมีศักยภาพที่จะโมขึ้นได้แค่ไหน ถ้าทำได้ งบประมาณอั้นได้เท่าไหร่ และคุ้มไหม ซึ่งอันหลังตอบยากเพราะกว่าจะรู้ก็ต้องลองทำไปแล้ว
แต่จะเริ่มเดาทางได้เมื่อทำบ่อยๆ ประมาณว่า โดนมาเยอะ... เจ็บมาเยอะ... [phok]
แต่ถ้าไม่เวิร์ค หรือไม่คุ้มจริง สื่งที่ผมทำคือ ย้อนกลับไปแบบเดิม อาจจะเหลือโมในจุดที่เราพอใจน่ะครับ ของแพงและดีมากและรู้สึกไม่คุ้มก็ถอดเก็บไว้ลอง เผื่อจะเจอเนื้อคู่ในอนาคตก็ได้ ถือคติที่ว่าถ้าจะต้องจ่ายตังค์อะไหล่ราคาแพงแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มที่สุดน่ะครับ ประมาณว่าซื้อ 10 แต่ใช้ให้ได้ 100 เลย จะคุ้มสุดๆ clapping-1-2
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
ตัวต่อไปของผมใช้มั้ยครับน้าแว่น [smi_ley]
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
ตัวต่อไปของผมใช้มั้ยครับน้าแว่น [smi_ley]
ของพี่เล็กนี่หมายถึง ดีเลย์ 3 สเต็ป ใช่ไหมครับ เดี๋ยวจัดไปครับ ขอเวลา reserch หน่อยนึงครับผม clapping-1-2
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
ตัวต่อไปของผมใช้มั้ยครับน้าแว่น [smi_ley]
ของพี่เล็กนี่หมายถึง ดีเลย์ 3 สเต็ป ใช่ไหมครับ เดี๋ยวจัดไปครับ ขอเวลา reserch หน่อยนึงครับผม clapping-1-2
จัดเลยครับ แจ่มๆ เอาแบบว่าทำดีเลย์ที่ดังก้องโลก มีจอแสดงผล ปรับได้ทุกจุด โดย พี่แว่น เด็กสวนส้ม clapping-1-2
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
ตัวต่อไปของผมใช้มั้ยครับน้าแว่น [smi_ley]
ของพี่เล็กนี่หมายถึง ดีเลย์ 3 สเต็ป ใช่ไหมครับ เดี๋ยวจัดไปครับ ขอเวลา reserch หน่อยนึงครับผม clapping-1-2
จัดเลยครับ แจ่มๆ เอาแบบว่าทำดีเลย์ที่ดังก้องโลก มีจอแสดงผล ปรับได้ทุกจุด โดย พี่แว่น เด็กสวนส้ม clapping-1-2
clapping-1-2
-
ส่ง DAC กลับให้เสมาแล้วครับ เดี๋ยวให้เจ้าของลองฟังเปรียบเทียบของเดิม ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่าน่ะครับ clapping-1-2
ขอบคุณมากครับคิดว่าคงถูกใจครับ [roll]
ขอบคุณน้ำใจคุณแว่นมากครับ ที่ต้องอดหลับอดนอนทำ dac ให้เสมาตั้งหลายคืนครับ [res]
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
ฟามลับครับ laughhahaha เห็นพี่อัลยุบอกว่าให้ใช้กาวอีพร๊อกซี่ทาหัวน๊อตเลยครับ
-
ขอบคุณมากครับคิดว่าคงถูกใจครับ [roll]
ขอบคุณน้ำใจคุณแว่นมากครับ ที่ต้องอดหลับอดนอนทำ dac ให้เสมาตั้งหลายคืนครับ [res]
สงสัย "โดเรม่อน" จะกลายเป็นหมีแพนด้าคราวนี้แล้วครับ 3-2-1-raccoon
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
-
ส่วนสูตรลับที่ไม่ได้บอก ยังมีอีกสองอย่าง ไว้ให้เจ้าตัวฟังก่อน แล้วค่อยเปิดฝาเฉลยอีกทีครับ [smi_ley]
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
C จ่ายไฟหลัก 3 ตัวเกรดดีแล้วไม่ต้องเปลียนหรือครับ หรือว่าไม่ค่อยมีผลเท่าไรครับ เห็นมันเป็นค่า 1800 ครับ แต่ทน 105องศาเลย ตรงจุดนี้ถ้าเปลียน C ยี่ห้ออื่น และค่าสูงขึ้นเช่น 2200 4700 จะมีผลเช่นไรครับ
มีฟามลับอีกหรือแล้วผมจะฟังออกไหมเนี้ย laughhahaha
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
C จ่ายไฟหลัก 3 ตัวเกรดดีแล้วไม่ต้องเปลียนหรือครับ หรือว่าไม่ค่อยมีผลเท่าไรครับ เห็นมันเป็นค่า 1800 ครับ แต่ทน 105องศาเลย ตรงจุดนี้ถ้าเปลียน C ยี่ห้ออื่น และค่าสูงขึ้นเช่น 2200 4700 จะมีผลเช่นไรครับ
มีฟามลับอีกหรือแล้วผมจะฟังออกไหมเนี้ย laughhahaha
[fantazy-raccoon] มันเป็นฟามลับครับ บอกหมดก็ไม่ลับแล้วน่ะสิครับ
-
เอาเป็นว่า เดี๋ยวตอนรับของแล้ว อย่าเพิ่งเปิดฝา ให้อดใจรอ เปิดลองฟังเสียงซัก 2 ชั่วโมงว่าเป็นยังไงบ้าง
แล้วค่อยเปิดฝาดูความลับก็แล้วกันครับ [smi_ley]
-
เอาเป็นว่า เดี๋ยวตอนรับของแล้ว อย่าเพิ่งเปิดฝา ให้อดใจรอ เปิดลองฟังเสียงซัก 2 ชั่วโมงว่าเป็นยังไงบ้าง
แล้วค่อยเปิดฝาดูความลับก็แล้วกันครับ [smi_ley]
เป็นแบบจันทโครพ หรือครับ เปิดออกมาแล้วความลับมันจะกระจายหายไปหรือเปล่าครับ [roll] ก็คงต้องลองแบบคุณแว่นว่าครับ ถ้าเอามาเปิดติดรอดจากการขนส่งจะลองเปิดฟังสักครึ่งวันก่อนครับ
แล้วค่อยเปิดผอบ ดูความลับด้านในครับ สงสัยจริงๆว่าใส่อะไรมา [smi_ley] แต่ก็จะสัญญาว่าจะฟังก่อนเปิดครับ
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับ
เรื่อง C ที่ใส่เพิ่ม ผมก็เคยเมล์ไปถามคนผลิตเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้ลองสักทีครับ
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับ
เรื่อง C ที่ใส่เพิ่ม ผมก็เคยเมล์ไปถามคนผลิตเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้ลองสักทีครับ
พี่แล้วเขาจะบอกความลับเราหรือครับ [roll]
-
ได้รับ dac แล้ว กำลังเปิดทดสอบตามทีคุณแว่นบอกว่า เปิดสัก 2 ชั่วโมงก่อนแล้วค่อยเปิดผอบดูภายใน ทั้งๆที่อยากจะเปิดแต่ก็ต้องทำตามสัญญาสักหน่อย [smi_ley] เสียงดีขึ้นกว่าเดิมจนฟังออกได้ชัดเจน เสียงจากที่เคยเครียด เกร็ง และปลายเสียงขาดไปเป็นบางจังหวะและเสียงที่ไปได้ไม่สุด ไม่เนียน
แต่ตอนนี้มันกล้ายเป็นคนละตัวเลย รายละเอียดชัดเจนกว่าเดิมเยอะ ปลายเสียงไปได้จนสุด เสียงร้องของนักร้องชัดเจนมากได้ยินเสียงเล็กๆน้อยหมด ที่คุณแว่นบอกว่าเสียงจะเบาลง ผมฟังดูก็ปกติครับ เร่งโวลุ่มเท่าเดิม แต่เสียงกลับให้รายละเอียด
ที่ชัดเจนทุกย่านเสียง ไม่มีอาการพร่าๆเพี้ยนๆเลยสักนิดเดียว เสียงมันถูกยกระดับขึ้นไป จนสามารถกล่าวได้ว่าเป็น dac คนละตัวเลยครับ
แต่มวลเสียงทั้งหมดไม่ได้ออกไปทางนุ่มนวลนะครับ จะออกไปทางให้รายละเอียดได้ดีที่สุด ปลายเสียงส่งได้จนสุด
ผมก็ยังไม่รู้ว่าเปิดมาจะเจออะไรข้างใน และปรับตรงไหนไปบ้าง รอครบ 2 ชั่วโมง ผมก็จะเปิดเครื่องถ่ายรูป มาลงให้พี่ track ดูเผื่อจะนำไปต่อยกับ dac ของพี่บ้าง เดิมๆเวลาผมเปรียบกับ DVD จะไม่ต่างเลยสักนิด แต่ครั้งนี้ลองเปรียบแล้ว ปลายเสียง ความละเอียดของเนื้อเสียงต่างจนสามารถจับประเด็นได้เลย ว่าต่าง เนื้อเสียงความละเมียดละไมปลายเสียงความต่อเนื่องฯลฯ ต่างกันจริงๆแต่ก็ไม่ถึงกลับหน้ามือหลังมือนะครับ แค่รับรู้ว่าต่างจากเดิมก็ พอใจมากแล้วครับ
ก็ต้องขอขอบคุณมากครับ คุณแว่นที่ชุปชีวิต และแถมเพิ่มพลังชีวิตให้ dac ตัวเก่งของเสมา
เสียงเริ่มจะนุ่มขึ้นอีกนิดแล้วครับ คงต้องรอให้ใช้งานไปเต็มที่ก่อนครับ
-
(http://upic.me/i/ua/img_6261.jpg) (http://upic.me/show/37006503)
(http://upic.me/i/dc/img_6263.jpg) (http://upic.me/show/37006509)
(http://upic.me/i/ox/img_6265.jpg) (http://upic.me/show/37006514)
(http://upic.me/i/rh/img_6267.jpg) (http://upic.me/show/37006519)
(http://upic.me/i/6g/0img_6269.jpg) (http://upic.me/show/37006526)
(http://upic.me/i/vs/img_6260.jpg) (http://upic.me/show/37006604)
(http://upic.me/i/06/img_6262.jpg) (http://upic.me/show/37006607)
(http://upic.me/i/33/img_6264.jpg) (http://upic.me/show/37006614)
(http://upic.me/i/cn/img_6266.jpg) (http://upic.me/show/37006648)
(http://upic.me/i/zw/img_6268.jpg) (http://upic.me/show/37006676)
(http://upic.me/i/dy/img_6271.jpg) (http://upic.me/show/37006719)
-
เดิมๆก่อนทำการซ่อม
(http://upic.me/i/er/vfq81.jpg) (http://upic.me/show/37006737)
-
เคล็ดลับมันอยู่ตรงไหนหว่า
หรือว่าตรงห่อ C ไว้ [smi_ley] C หลักตัวสีน้ำเงิน ตัวนี้ผมเองชอบเสียงเป็นทุนเดิมเลย ไม่นึกจะได้เห็นใน dac ผม ผมเคยใช้กับ 3886 ผมว่าเสียงดีครับ
ฟิวส์ ที่คุณแว่นใส่มาไม่รู้ว่าฟิวส์อะไร ครับ ผมลองเอาฟิวส์ตัวละ300 ที่ยืมมาลองเปลี่ยนก็ยังจับความแตกต่างไม่ได้คงต้องลองฟังไปสักพักครับ เรื่องฟิวส์
-
สงสัย C กลัวร้อนมังครับ เดาเอา [phok]
ส่วนฟิวส์ น่าจะเป็น Slow blow ปะครับ กันน้าคลีน เล่นซน จะได้ไม่ขาดง่าย 3-2-1-raccoon
-
C สีน้ำเงินใช่ Nippon LXZ 2200uf หรือไม่ครับ
-
ยินดีด้วยกับเสมา
[yes-raccoon]
-
ให้เดา เคล็บลับน้าแว่น
ที่ห่อซีไว้ ผมเดาว่า น้าแว่นกลัวไปซ็อตกลับไอซีเรคกูเรต เคล็ดลับผมเห็นน้าแว่นพูดว่า ซอกเกตออปแอมป์ ต่อกันไม่ดี เลยขอเดาว่า น้าแว่นเอาเนยหรือคัสตาส (ตอนทำไปกินไป ) ไปทาคือเคล็ดลับอันแรก อย่างที่สอง เปลี่ยนสายที่ขั้วrca
-
ให้เดา เคล็บลับน้าแว่น
ที่ห่อซีไว้ ผมเดาว่า น้าแว่นกลัวไปซ็อตกลับไอซีเรคกูเรต เคล็ดลับผมเห็นน้าแว่นพูดว่า ซอกเกตออปแอมป์ ต่อกันไม่ดี เลยขอเดาว่า น้าแว่นเอาเนยหรือคัสตาส (ตอนทำไปกินไป ) ไปทาคือเคล็ดลับอันแรก อย่างที่สอง เปลี่ยนสายที่ขั้วrca
C ที่ห่่อปกติมันก็ไม่ติดนะครับ และไม่ได้เปลี่ยนด้วยครับเดิมๆเลยครับ แต่คาดว่า dac ตัวนี้ร้อนมากครับ แต่ก็ต้องรอคุณแว่นมาเฉลยก่อนครับว่าห่อไว้ทำไมกัน C ร้อนจนสุกหรือครับ
สาย RCA นั้นผมเองเป็นคนเปลี่ยนไปครับ เรียกว่าคุณแว่นไม่ยอมตัดสายให้สั้นเลยครับ ผมไปอย่างไรก็กลับมาอย่างนั้นเลยครับ สายเป็นสายเงิน
ตอนแรกคุณแว่นไม่ยอมบอกว่าเปลี่ยน C จ่ายไฟ 3 ตัวสีน้ำเงินครับ บอกว่าใช้ตัวเดิม เปิดมาไม่ใช่ครับ และค่าเดิม 1800 เปลี่ยนเป็น 2200 C สีน้ำเงินตัวนี้ผมว่าเสียงมันเนียนดีครับ
ส่วนด้านใต้ pcb ที่คุณแว่นบอกว่าใช้ R ขนาน C อันนั้นผมไม่ได้เปิดดูครับ ไม่อยากไปยุ่งแล้วครับเดียวงานจะเข้าอีกครับ ก็คงจะเปลี่ยนแค่ฟิวส์เพื่อทดสอบว่าฟิวส์มีผลจนผมฟังออกหรือไม่ครับ
สุดท้ายต้องรอคุณแว่นมาเฉลยเคล็ดลับอีกที่ครับ ภาพรวมเสียงมันเนียนดีจริงๆครับ ไม่มีอาการพร่าเพี้ยนแหบแห้งบางจังหวะเลยสักนิดครับ
-
ถ้า บอกว่ามีพร่า มีเพี้ยน โดนโห่ แน่ครับ ฮ่าๆ อันนี้กระซิบ น่ะ(ลองบอกน้าแว่นว่า มีจี่กับฮัมซิครับ) ดูแกจะว่ายังไง
-
เท่าที่ผมมองดูแล้ว ผมว่าอยู่ที่การจัดวาง ของทางเดินของสายไฟมากกว่า น้าแว่นทำงานใว้อย่างสวยไม่ทับกันซ้อนกันเลย ผมว่าเคล็ดลับน่าจะอยู่ตรงนี้
[roll-eyes] [roll-eyes] [roll-eyes]
-
กลับมาถึงกรุงเทพแล้วครับ... [roll]
ว่าแล้วต้องสงสัยท่อร้อน แต่อันนี้ไม่ใช่สูตรลับครับ แค่ลองใส่ไว้ลดการแผ่ความร้อนจากเรกูเลตลงนิดนึง ไม่ให้โดนจังๆ (แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี)
เรื่องสายก็ไม่เปลี่ยนเพราะเห็นว่าดีอยู่แล้ว และไม่อยากเบิร์นใหม่ครับ
ที่เปลี่ยนเพิ่มจากที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือเรื่องแท่นรับฟิวส์ที่หนาแน่นขึ้น และฟิวส์ slow Fast แบบเส้นเดี่ยวยี่ห้อ conqour ธรรมดา ตัวละ 5 บาท เพื่อการนำกระแสได้เต็มเหนี่ยวมากกว่าขาบางๆ และฟิวส์เปลือกขาวจากผู้ผลิตครับ
อีกอย่างคือ C หลัก ปรับเป็น LXZ ตัวอ้วน เพราะเห็นว่าน่าจะให้โทนเสียงที่ต้องการได้มากขึ้น (ของเดิมเป็น Pana FC) อันนี้ถือว่าโชคดีครับ เพราะผมดันมีเก็บอยู่ในกล่องพอดี ใส่ลงช่องได้พอดีเป๊ะเลย clapping-1-2
-
เข็มขัดสั้นเลย ผมไม่นึกว่ามากันรังสีความร้อน แต่ปกติ ซีมันไม่ร้อนอยู่แล้วใช่ไหมครับ มีแต่บรึมเลย
เรื่องความร้อน ขอถามน้าแว่นหน่อยน่ะครับ ที่คลาสเอ หรือที่ตัว3875 บอกว่ายิ่งร้อนยิ่งดีจริงหรือเปล่าครับ ผมว่ามันขัดๆกับความคิดผมอยู่หน่ะครับ เห็นพูดกันเยอะว่าร้อนแล้วดีเลยไม่กล้าถาม ปกติยิ่งร้อน ยิ่งไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ ทั้งต้องสูญเสียพลังงาน แลัวยังแปลงความร้อนเป็นพลังอย่างอื่นอีก อีเลคตรอนถ้าเจอความร้อนก็จะวิ่งชนกันเร็วขึ้น ยิ่งเย็นยิ่งดี เหมือนตัวนำยิ่งยวด ที่อุณภูมิสัมบูรณ์หรือสัมพัท(ใช่ป่าวอ่านนาน ลืมแระ) ไม่สูญเสียพลังงาน
อย่างอุปกรณ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์เนี้ย แทบทุกชิ้น ถ้าร้อนจัดๆ ช้าลงเห็นๆ มีแต่เป็นโทษ เพราะเหตุใด ร้อนจึงดีในทางเครื่องเสียงครับ [res]
-
ร้อนพอดีถึงจะดี ถ้าร้อนมากๆพังครับ
-
เข็มขัดสั้นเลย ผมไม่นึกว่ามากันรังสีความร้อน แต่ปกติ ซีมันไม่ร้อนอยู่แล้วใช่ไหมครับ มีแต่บรึมเลย
เรื่องความร้อน ขอถามน้าแว่นหน่อยน่ะครับ ที่คลาสเอ หรือที่ตัว3875 บอกว่ายิ่งร้อนยิ่งดีจริงหรือเปล่าครับ ผมว่ามันขัดๆกับความคิดผมอยู่หน่ะครับ เห็นพูดกันเยอะว่าร้อนแล้วดีเลยไม่กล้าถาม ปกติยิ่งร้อน ยิ่งไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ ทั้งต้องสูญเสียพลังงาน แลัวยังแปลงความร้อนเป็นพลังอย่างอื่นอีก อีเลคตรอนถ้าเจอความร้อนก็จะวิ่งชนกันเร็วขึ้น ยิ่งเย็นยิ่งดี เหมือนตัวนำยิ่งยวด ที่อุณภูมิสัมบูรณ์หรือสัมพัท(ใช่ป่าวอ่านนาน ลืมแระ) ไม่สูญเสียพลังงาน
อย่างอุปกรณ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์เนี้ย แทบทุกชิ้น ถ้าร้อนจัดๆ ช้าลงเห็นๆ มีแต่เป็นโทษ เพราะเหตุใด ร้อนจึงดีในทางเครื่องเสียงครับ [res]
DAC ตัวนี้เป็นกล่องปิด อากาศภายในกล่องจะค่อนข้างอุ่นและร้อนทีเดียวครับ ยังดีที่ตัวกล่องเป็นอะลูมิเนียมอะโนไดซ์ สามารถระบายความร้อนออกทางกล่องได้อยู่ เลยยังคุมความร้อนสูงสุดได้ ไม่อมความร้อนสะสมไปมากนักน่ะครับ
ส่วนเรื่องยิ่งร้อนยิ่งดี จะบอกว่ามันเป็นสูตรสำเร็จก็ไม่เชิงครับ เพียงแต่จุดสมดุลย์ของการทำงานวงจรที่ได้การขยายเป็นเชิงเส้นมักจะอยู่ที่การไบอัสกระแสสูงๆ แต่นั่นก็หมายถึงพลังงานที่ไม่ได้ใช้ถูกขจัดออกไปในรูปความร้อนน่ะครับ มันเลยร้อน
แต่การทำให้วงจรทำงานที่อุณหภูมิสูงเกินไปนานๆ จะไปทำให้อุปกรณ์เกิดการเสื่อมในระยะยาว อายุสั้นและพังไวขึ้นครับ
ส่วน superconductor อันนั้นเพื่อลดการเคลื่อนตัวของอิเล็กตรอนตัวอิสระ ให้อยู่ใน pattern สงบนิ่งและพร้อมถูกเหนี่ยวด้วยศักย์ไฟฟ้าและนำพากระแสไฟฟ้าให้เคลื่อนที่ไปได้สมบูรณ์ เพื่อประโยชน์เพื่อทำการผ่านรูปพลังงานจากไฟฟ้าไปเป็นแรงลอยตัวแม่เหล็ก โดยเกิดการสูญเสียในตัวนำน้อยที่สุดครับ
-
ผมยังคิดว่า ประเทศที่ฟังเพลงเพราะสุด อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ
อย่างงี้แอสกิโม เอา 1875 ไปฟัง ก็เขวี้ยงทิ้งอ่ะดิครับ
-
ผมยังคิดว่า ประเทศที่ฟังเพลงเพราะสุด อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ
อย่างงี้แอสกิโม เอา 1875 ไปฟัง ก็เขวี้ยงทิ้งอ่ะดิครับ
ก็เป็นได้ครับ เพราะวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลายๆตัว ใช้ในพื้นที่ๆอุณหภูมิต่ำกว่า -10 ไม่รอด โดยเฉพาะพวกจอแสดงผล เครื่องมือวัด และส่วนกำเนิดความถี่ที่ไม่มีระบบชดเชยอุณหภูมิ (TCXO) ครับ
อย่างพวกเครื่องมือวิจัย ที่อยู่ในถานีขั้วโลก ต้องมี heater อุ่นเพื่อคุมสภาวะทำงานให้อยู่ในช่วงได้ด้วยครับ และพวกกล่องห่อหุ้มต้องมีพวกฉนวนความร้อนเก็บความร้อนแทนที่ระบายความร้อนแบบที่เมืองร้อนใช้น่ะครับ [smi_ley]
-
กลับมาถึงกรุงเทพแล้วครับ... [roll]
ว่าแล้วต้องสงสัยท่อร้อน แต่อันนี้ไม่ใช่สูตรลับครับ แค่ลองใส่ไว้ลดการแผ่ความร้อนจากเรกูเลตลงนิดนึง ไม่ให้โดนจังๆ (แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี)
เรื่องสายก็ไม่เปลี่ยนเพราะเห็นว่าดีอยู่แล้ว และไม่อยากเบิร์นใหม่ครับ
ที่เปลี่ยนเพิ่มจากที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือเรื่องแท่นรับฟิวส์ที่หนาแน่นขึ้น และฟิวส์ slow Fast แบบเส้นเดี่ยวยี่ห้อ conqour ธรรมดา ตัวละ 5 บาท เพื่อการนำกระแสได้เต็มเหนี่ยวมากกว่าขาบางๆ และฟิวส์เปลือกขาวจากผู้ผลิตครับ
อีกอย่างคือ C หลัก ปรับเป็น LXZ ตัวอ้วน เพราะเห็นว่าน่าจะให้โทนเสียงที่ต้องการได้มากขึ้น (ของเดิมเป็น Pana FC) อันนี้ถือว่าโชคดีครับ เพราะผมดันมีเก็บอยู่ในกล่องพอดี ใส่ลงช่องได้พอดีเป๊ะเลย clapping-1-2
ฟิวส์เสียงใช้ได้เลยครับ [smi_ley] แล้วฟิวส์ที่ใส่มาใช่มีขายตามร้านทั่วๆไปหรือไม่ครับหมายถึงร้านขายวัสดุก่อสร้างครับ
C LXZ ผมชอบจังครับ ตัวแบบนนี้ผมเคยใช้กับ3886 ผมว่าเสียงดีเลยครับออกแนวนุ่มนวลเลย ที่คุณไทยโซล่าเอามาขายแต่เป็น 1200uf 50V เห็นบอกว่าเริ่มหายากแล้วใช่ไหมครับ
C ที่ใส่มาเป็น Pana Fc ผมว่าเสียงไม่ได้เรื่องครับในบรรดา C ไม่ค่อยเห็นใครเอามาใช้เลยยี่ห้อนี้
ผมว่าสูตรเด็ดโชดดีก็ตรง LXZ ด้วยครับ แล้วก็ C R ที่่เพิ่มรอบๆอ๊อฟแอม การปรับแต่งวงจร ผมว่าตรง 2 จุดนี้แหละที่ช่วยทำให้เสียงสมดุล มากขึ้น จนฟังแล้วดีกว่าเดิมจนรับฟังได้ชัดเจนครับ
หรือว่าคุณแว่นคิดว่าตรงไหน หรือไม่ครับตรงกับที่ผมคิดหรือไม่ครับ
dac ตัวนี้ร้อนครับ น่าจะเหมือนกับ เกนโคนในกล่องคุณเดวิสเลยครับ ความร้อนพอๆกันเลยครับ จนผมต้องใช้พัดลมตัวเล็กเสียบไฟ usb เข้าช่วยหน่อยครับ
คุณแว่นที่คุยกันเรื่อง จุดกราวด์ marantz ครับ ผมลองเอาสายไปพันน๊อตแล้วครับและไปต่อกับ สายกราวด์บ้านที่ผมต่อไว้กับผนังบ้านโดยไปปลอกสายดินผนังบ้านแล้วพันเข้าไป ปรากฏว่า ฮัม ครับ
แบบนี้ใช่ไหมครับที่เรียกกว่ากราวด์ลูป ผมเห็นในวงจรของ marantz โยงสายกราวด์จากบอรด์ มาลงกล่องจากหลายจุดเลยครับ
HD player ผมจากที่เคยใช้แบตเตอรี่ต่อ หายฮัม แต่ตอนนี้ดันกับมาฮัมอีกแล้ว [smi_ley] จะดูหนังที่ต้องเสียบสายสัญญาน คาไว้ไม่ได้เลย คาไว้ ทำให้ฮัม พอถอด RCA ออกถึงหายฮัม
ตอนนี้ผมใช้ int marantz ดูหนัง แทน AVR ครับ
ถ้าไม่ขาย marantz ออกไป สงสัยต้องทำพัง ซะหน่อยแล้ว [roll] อันนี้ต้องตั้งใจทำพัง laughhahaha
สำหรับผมที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือ
เห็นราคาแล้วตกใจ ไม่ตก 0 ไปตัวนะครับ [roll]
น้ำใจเปี่ยมล้นชโลมใจเสมา มากจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับ
-
เข็มขัดสั้นเลย ผมไม่นึกว่ามากันรังสีความร้อน แต่ปกติ ซีมันไม่ร้อนอยู่แล้วใช่ไหมครับ มีแต่บรึมเลย
เรื่องความร้อน ขอถามน้าแว่นหน่อยน่ะครับ ที่คลาสเอ หรือที่ตัว3875 บอกว่ายิ่งร้อนยิ่งดีจริงหรือเปล่าครับ ผมว่ามันขัดๆกับความคิดผมอยู่หน่ะครับ เห็นพูดกันเยอะว่าร้อนแล้วดีเลยไม่กล้าถาม ปกติยิ่งร้อน ยิ่งไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ ทั้งต้องสูญเสียพลังงาน แลัวยังแปลงความร้อนเป็นพลังอย่างอื่นอีก อีเลคตรอนถ้าเจอความร้อนก็จะวิ่งชนกันเร็วขึ้น ยิ่งเย็นยิ่งดี เหมือนตัวนำยิ่งยวด ที่อุณภูมิสัมบูรณ์หรือสัมพัท(ใช่ป่าวอ่านนาน ลืมแระ) ไม่สูญเสียพลังงาน
อย่างอุปกรณ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์เนี้ย แทบทุกชิ้น ถ้าร้อนจัดๆ ช้าลงเห็นๆ มีแต่เป็นโทษ เพราะเหตุใด ร้อนจึงดีในทางเครื่องเสียงครับ [res]
ความร้อนผมว่าต้องพอดีและควบคุมได้ ไม่งั้นผมก็ว่าต้องพังครับ ถ้าควบคุมความร้อนไม่ได้ อย่าง dac ผมว่าความร้อนมันถ้าถึงจุดมันจะหยุดร้อนและร้อนคงที่ไม่ร้อนทวีขึ้น แต่กับคอมจะร้อนทวีขึ้นไป
แต่ผมว่าถ้า C R ระบุมาว่ารับความร้อนได้เท่าไร ถ้าไม่เกินผมว่าไม่น่ามีปัญหา ถ้าเกินที่กำหนดก็คงมี บรึม เหมือนกันครับ
ผมเองไม่ได้ใช้ในห้องแอร์ ผมก็จะหาพัดลมคอมตัวเล็กๆมาช่วยเป่าครับ เพราะผมเล่นกับคอม ก็เสียบไฟช่อง usb เลย ผมเป่าช่วย ทั้ง dac ทั้ง marantz ครับ สงสารมันครับ [roll]
มีเรื่องเสียวอีก ผมเปิดเพลงจากคอม นอนเคลิ้ม ลูกสาวเรียก ว่าพ่อๆทำไมเสียงเพลงมันถึง เพี้ยนไปเสียงเหมือนข้าวตอกแตก ในลำโพง เสียงดังชัดเจน ผมคิดว่างานเข้าอีกแล้ว พอผมเปลี่ยนช่องไปใช้ coax ดันหายไม่เป็น ผมก็นึกว่างานเข้าข่อง usb ซะแล้ว
ตายเลยเดือดร้อนส่งกลับไปหาคุณแว่นอีกแล้ว ก็หาสาเหตุ ที่แท้ลูกสาวผมเล่นเกมส์ เคาเตอร์ ที่คอม ส่วนผมเล่นเพลงจากคอม โดยใช้ wasapi เป็นตัวผ่านสัญญาน หาตั้งนานกว่าจะเจอเพราะลูกผมดันเล่นเกมส์สลับกับเล่น facebook
สุดท้ายพอลองรันเกมส์ ก็มีเสียงแทรก ที่แท้เป็นที่เกมส์ laughhahaha รอดตัวไปครับ
-
ยินดีที่ได้เสียงถูกใจครับ clapping-1-2
-
พวกพัดลม หรือมอเตอร์ พวกนี้หล่ะครับ เป็นตัวการให้เกิดnoise รบกวนสัญญาณด้วย เสมาขอบเที่ยงตรง ไม่มีจี่มีฮัม ไม่ใช่เหรอครับ คิดว่าน่ะ
-
พวกพัดลม หรือมอเตอร์ พวกนี้หล่ะครับ เป็นตัวการให้เกิดnoise รบกวนสัญญาณด้วย เสมาขอบเที่ยงตรง ไม่มีจี่มีฮัม ไม่ใช่เหรอครับ คิดว่าน่ะ
ไม่น่าจะนะครับคงไม่ถึงขนาดนั้นพัดลมตัวเล็กๆใช้ไฟจากช่อง usb 5V ไม่น่าจะมีคลื่นรบกวนทะลุกล่องอลูมิเนียมได้นะครับ
ถ้าจะเล่นเพลงจากคอม ยังคิดอยู่เลยว่าจะเล่นจาก โน๊ตบุค หรือ ตั้งโต๊ะ ดี พอดีโน๊ตบุคตัวเก่าของลูกสาวพัง เอาไปซ่อมมาหมดไป 2800 บาท ประกัน3 เดือน เอามาใช้ได้ 1 เดือน พังอีกแล้ว
สงสัยจะอาการหนักเพราะว่าช่างบอกไม่เคยเจอแบบนี้ ซ่อมครึ่งเดือนกว่าจะได้ แต่ใช้ได้แค่เดือนเดียวไปซะแล้ว
ผมกับจี่ฮัม รับไม่ได้เลยครับ ไม่ชอบเลยจริงๆครับ ถ้ามีจี่ฮัมเสียงเพลงมันจะเพี้ยนๆไปครับ สำหรับการฟังของผมนะครับ ผมจะฟังแล้วรู้สึกครับว่าเสียงมันไม่ลื่นฯลฯ คือฟังออกครับถ้าชุดที่เราฟังทุกวันแล้วผิดสังเกตุไปครับ
ผมชอบเอาหูไปแนบลำโพงครับ เพื่อตรวจสอบว่ามีจี่ฮัมไหมครับ [smi_ley]
-
คุณแว่นครับตอนนี้พอผมเปิดเครื่อง dac ก่อนหน้านั้นจะมีเสียงตุ๊ปออกลำโพงทุกครั้งที่เปิดเครื่อง dac ครับ เพราะดันไปเปิดแอมป์ไว้ก่อนเพราะลืม แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงออกอีกแล้วครับเป็นเพราะอะไรครับ
คือไม่มีเสียงตุ๊ปออกลำโพงอีกเลยครับ แจ่มเลยครับ
พี่ track ของพี่เป็นหรือไม่ครับเวลาเปิดเครื่องจะมีเสียงดังไปออกที่ลำโพงถ้าเปิด dac ที่หลังแอมป์ครับเป็นหรือไม่ครับ
โมแบบของผมเลยครับ แจ่มกว่าเดิมเยอะครับ
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับคุณ Audiomania พอดีผมพึ่งได้ C มาจากพี่เล็ก อาทิตย์นี้น่าจะมีเวลาทำแน่ๆ
แต่ คงต้องลำบากคุณ Cleaning อ่านที่ปริ้นซ์ ว่าค่าไหนลงที่ C เบอร์อะไรที่ปริ้นซ์ DAC จะได้ไม่ผิดครับ
ส่วนที่ว่าเปิด DAC แล้วดังหรือเปล่า รู้สึกจะดังน้อยๆนะครับไม่ถึงกับตุ๊บ
-
คุณแว่นครับตอนนี้พอผมเปิดเครื่อง dac ก่อนหน้านั้นจะมีเสียงตุ๊ปออกลำโพงทุกครั้งที่เปิดเครื่อง dac ครับ เพราะดันไปเปิดแอมป์ไว้ก่อนเพราะลืม แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงออกอีกแล้วครับเป็นเพราะอะไรครับ
คือไม่มีเสียงตุ๊ปออกลำโพงอีกเลยครับ แจ่มเลยครับ
พี่ track ของพี่เป็นหรือไม่ครับเวลาเปิดเครื่องจะมีเสียงดังไปออกที่ลำโพงถ้าเปิด dac ที่หลังแอมป์ครับเป็นหรือไม่ครับ
โมแบบของผมเลยครับ แจ่มกว่าเดิมเยอะครับ
เรื่องตุ๊บมันเป็น offset ครับ ซึ่งถ้าจูน + - ให้ช่วงเท่ากัน เวลาวัดที่เอาต์พุต วัดแล้วจะเหลือไม่กี่ mV ครับ เสียงตุ้บก็จะเบามากจนอาจจะไม่ได้ยินเลยครับ [yes-raccoon]
-
คุณแว่นครับตอนนี้พอผมเปิดเครื่อง dac ก่อนหน้านั้นจะมีเสียงตุ๊ปออกลำโพงทุกครั้งที่เปิดเครื่อง dac ครับ เพราะดันไปเปิดแอมป์ไว้ก่อนเพราะลืม แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงออกอีกแล้วครับเป็นเพราะอะไรครับ
คือไม่มีเสียงตุ๊ปออกลำโพงอีกเลยครับ แจ่มเลยครับ
พี่ track ของพี่เป็นหรือไม่ครับเวลาเปิดเครื่องจะมีเสียงดังไปออกที่ลำโพงถ้าเปิด dac ที่หลังแอมป์ครับเป็นหรือไม่ครับ
โมแบบของผมเลยครับ แจ่มกว่าเดิมเยอะครับ
เรื่องตุ๊บมันเป็น offset ครับ ซึ่งถ้าจูน + - ให้ช่วงเท่ากัน เวลาวัดที่เอาต์พุต วัดแล้วจะเหลือไม่กี่ mV ครับ เสียงตุ้บก็จะเบามากจนอาจจะไม่ได้ยินเลยครับ [yes-raccoon]
ไม่ได้ยินเลยครับ ก่อนส่งไปดังแรงมากจนผมสงสารลำโพงเลยครับ เพราะลืมบ่อยๆครับ ชอบเปิดแอมป์ก่อนdac ครับ
ตอนนี้เงียบสนิทจริงๆครับ
อืมผมไม่ได้แตะต้องอะไรเลย ตกลงไฟเลี้ยงอ๊อฟแอมป์ตั้งมาเท่าไรครับ ผมคงไม่เปิดอีกแล้วครับ เพราะคงไม่เปลี่ยนแล้วอ๊อฟแอมป์ในเมื่อเบอร์ที่ใส่อยู่ก็ถือว่าดีแล้ว ก็คงจะเหลือแต่เปลี่ยนฟิวส์สลับลองเท่านั้นครับ
ขอบคุณครับ
-
อยากได้รูปกับรายละะเอียดการปรับปรุง DAC ตัวนี้ครับคุณAudiomania แต่ถ้าส่งคืนคุณ Cleaning แล้วก็คงรบกวนคุณ Cleaning ถ่ายรูปมาลงให้ดูด้วยนะครับ จะได้ทำตามบ้างครับ
หลักๆ ที่ผมทำคือ
- ใส่ R 680 ohm 4 ตัว ใต้ปริ้นท์ โดยขนาน C ที่อยู่รอบออปแอมป์ 5532 ครับ (ซึ่งจะขนาน R 820 ohm ตัวจิ๋วด้านบนด้วยเช่นกัน แต่จากจี้ที่ R SMD ทำได้ยากและไม่สะดวก เลยทำใต้ปริ้นท์ที่ C แทนน่ะครับ)
- ใส่ C 0.1uF 4 ตัว ตรงจุดที่ว่างอยู่ใกล้ๆ เรกูเลเตอร์ไฟหลัก มักจะข้างๆ C กระป๋องน่ะครับ
- ใส่ C 0.01uF 4 ตัว คุมไฟเลี้ยงออปแอมป์ที่อยู่หัวและท้ายของซ็อกเก็ต จำนวนสองชุดครับ ระวังอย่าใส่ผิด ไปใส่ตรง C differential ที่ว่างอยู่นะครับ ไม่งั๊นแหลมหดหมดเลย [c--c]
ส่วนรูป คงต้องรอคุณ cleaning ถ่ายให้ดูล่ะครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับคุณ Audiomania พอดีผมพึ่งได้ C มาจากพี่เล็ก อาทิตย์นี้น่าจะมีเวลาทำแน่ๆ
แต่ คงต้องลำบากคุณ Cleaning อ่านที่ปริ้นซ์ ว่าค่าไหนลงที่ C เบอร์อะไรที่ปริ้นซ์ DAC จะได้ไม่ผิดครับ
ส่วนที่ว่าเปิด DAC แล้วดังหรือเปล่า รู้สึกจะดังน้อยๆนะครับไม่ถึงกับตุ๊บ
คงต้องให้คุณแว่นเป็นผู้ที่ชีเป้าแล้วครับ ตามภาพครับ มันเล็กผมมองไม่ค่อยจะเห็นครับ และอ่านค่าย่อยเล็กๆไม่ค่อยเป็นครับ
คงต้องรบกวนคุณแว่นเอาภาพไปทำตัวหนังสือมาชีเป้าครับ
ส่วนด้านใต้ pcb ผมไม่อยากจะรื้อแล้วครับพี่ เดียวงานจะเข้าผมครับ
พี่ดูจากในภาพผมเลยครับผมว่าชัดเจนแล้วนะครับว่าใส่ตัวไหน คุณแว่นก็บอกไว้ที่หน้า 3 ว่า C 0.1 ครับ
-
คุณแว่นครับ ผมกลับไปย้อนอ่าน ที่ว่าขนาน R680 ที่ C ที่รอบๆ buffer ไม่ได้ขนาดที่ตัว R smd แบบนี้เท่ากับว่าค่า R 820 ก็ไม่ได้ถูกลดใช่ไหมครับ
การที่ R ไปคร่อม C จะลดค่า R820 smd ด้วยหรือครับ
ขอบคุณครับ
-
คุณแว่นครับ ผมกลับไปย้อนอ่าน ที่ว่าขนาน R680 ที่ C ที่รอบๆ buffer ไม่ได้ขนาดที่ตัว R smd แบบนี้เท่ากับว่าค่า R 820 ก็ไม่ได้ถูกลดใช่ไหมครับ
การที่ R ไปคร่อม C จะลดค่า R820 smd ด้วยหรือครับ
ขอบคุณครับ
เป็นจุดเดียวกันครับ เพราะ R 820 มันขนานกับ C อยู่แล้วน่ะครับ
พอขนาน R 680 เข้าไป ค่า R รวมก็ลดลงครับ [yes-raccoon]
-
คุณแว่นครับ ผมกลับไปย้อนอ่าน ที่ว่าขนาน R680 ที่ C ที่รอบๆ buffer ไม่ได้ขนาดที่ตัว R smd แบบนี้เท่ากับว่าค่า R 820 ก็ไม่ได้ถูกลดใช่ไหมครับ
การที่ R ไปคร่อม C จะลดค่า R820 smd ด้วยหรือครับ
ขอบคุณครับ
เป็นจุดเดียวกันครับ เพราะ R 820 มันขนานกับ C อยู่แล้วน่ะครับ
พอขนาน R 680 เข้าไป ค่า R รวมก็ลดลงครับ [yes-raccoon]
ขอบคุณครับ พอดีผมไม่ได้ถอดดูเลยไม่เห็นครับ และคงไม่ถอดแล้วครับ งานจะเข้าครับ laughhahaha เผื่อคุณแว่นใส่ความลับไว้ข้างใต้อีกพอผมถอดความลับล่วงออกมางานจะเข้า
ซนจนได้ดีไปแล้ว ไม่อยากจะซนอีกเดี่ยวจะเกินดี
-
ใส่ C เกือบหมดแล้วครับ อยู่ๆหัวแร้งไม่ร้อนซะงั้น เลยต้องหยุด
ส่วนที่เจ้าของ DAC เขาบอกให้ลองใส่ C0.1 ในตำแหน่งที่คุณ Audiomania ใส่C 0.1ให้คุณ Cleaning บอกนั่นละ แต่ของเขาจะให้ใส่ที่ C filter ตัวใหญ่ด้วยอีก 3 ตัวที่ว่างใว้ เขาบอกว่าใส่แล้วคนร้องกับเวทีเสียงจะมาข้างหน้ามากขึ้นครับ เขาบอกให้ใส่ ที่C C-100, 106, 101, 102, 103 &105
ส่วน C0.01เขาไม่ได้บอกใว้ แต่ผมก็ใส่ตามคุณ Audiomania บอกใว้แล้วครับ ว่าแต่ตรงนี้Cที่ใส่เพิ่มจะช่วยเรืองอะไรครับ
อ้อแล้ว R 680 ก็ยังไม่ได้ใส่เข้าไป คงรอหัวแร้งก่อน อันนี้ก็รู้ตำแหน่งแล้ว คงต้องบัดกรีติดที่ใต้บอร์ดคร่อมใว้กับ C ครับคุณ Cleaning
ขอบคุณครับ
-
เรียบร้อยใส่ C ไปแล้วครับ 8 ตัว 0.1u และ0.01 อย่างละ 4
R 680 ยังไม่ได้ใส่ขอลองแต่ C ก่อนเพราะของผมน่าจะยังไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณคลิป
เสียงที่ได้ก็เหมือนจะชัดเจดมีรายละเอียดเด่นชัดขึ้น ก็คือเหมือนเสียงตัวคนร้อง เวทีเดินหน้ามามากขึ้น เลยเหมือนมันชัดเจนขึ้นรายละเอียดมากขึ้นครับ
ส่วนฟิวส์เดี๋ยวลองหาฟิวส์ใสๆธรรมดาลองใส่ดูครับว่าเป็นไง
-
เรียบร้อยใส่ C ไปแล้วครับ 8 ตัว 0.1u และ0.01 อย่างละ 4
R 680 ยังไม่ได้ใส่ขอลองแต่ C ก่อนเพราะของผมน่าจะยังไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณคลิป
เสียงที่ได้ก็เหมือนจะชัดเจดมีรายละเอียดเด่นชัดขึ้น ก็คือเหมือนเสียงตัวคนร้อง เวทีเดินหน้ามามากขึ้น เลยเหมือนมันชัดเจนขึ้นรายละเอียดมากขึ้นครับ
ส่วนฟิวส์เดี๋ยวลองหาฟิวส์ใสๆธรรมดาลองใส่ดูครับว่าเป็นไง
ฟิวส์แบบคุณแว่นเสียงใสชัดเจนดีครับ
-
กลับมาถึงกรุงเทพแล้วครับ... [roll]
ว่าแล้วต้องสงสัยท่อร้อน แต่อันนี้ไม่ใช่สูตรลับครับ แค่ลองใส่ไว้ลดการแผ่ความร้อนจากเรกูเลตลงนิดนึง ไม่ให้โดนจังๆ (แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี)
เรื่องสายก็ไม่เปลี่ยนเพราะเห็นว่าดีอยู่แล้ว และไม่อยากเบิร์นใหม่ครับ
ที่เปลี่ยนเพิ่มจากที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือเรื่องแท่นรับฟิวส์ที่หนาแน่นขึ้น และฟิวส์ slow Fast แบบเส้นเดี่ยวยี่ห้อ conqour ธรรมดา ตัวละ 5 บาท เพื่อการนำกระแสได้เต็มเหนี่ยวมากกว่าขาบางๆ และฟิวส์เปลือกขาวจากผู้ผลิตครับ
อีกอย่างคือ C หลัก ปรับเป็น LXZ ตัวอ้วน เพราะเห็นว่าน่าจะให้โทนเสียงที่ต้องการได้มากขึ้น (ของเดิมเป็น Pana FC) อันนี้ถือว่าโชคดีครับ เพราะผมดันมีเก็บอยู่ในกล่องพอดี ใส่ลงช่องได้พอดีเป๊ะเลย clapping-1-2
Fuse ยี่ห้อนี้หาซื้อได้ทั่วไปหรือเปล่าครับ .............
-
เรียบร้อยใส่ C ไปแล้วครับ 8 ตัว 0.1u และ0.01 อย่างละ 4
R 680 ยังไม่ได้ใส่ขอลองแต่ C ก่อนเพราะของผมน่าจะยังไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณคลิป
เสียงที่ได้ก็เหมือนจะชัดเจดมีรายละเอียดเด่นชัดขึ้น ก็คือเหมือนเสียงตัวคนร้อง เวทีเดินหน้ามามากขึ้น เลยเหมือนมันชัดเจนขึ้นรายละเอียดมากขึ้นครับ
ส่วนฟิวส์เดี๋ยวลองหาฟิวส์ใสๆธรรมดาลองใส่ดูครับว่าเป็นไง
ลองหาใส่มาก่อนครับ แล้วตอนกลับบ้านยกมาเทียบเสียงกับ fuse nano create audio ดูครับ
-
Fuse nano Create Audio อีก ............ ว้าว ....... [roll] [roll] [roll]
-
อันนี้ไม่ใช่ของผมหรอกครับ ชื่อเหมือนกันเฉยๆ เป็นแบรนด์ดังในฮ่องกง เค้าทำหลอดด้วย แต่ผลิตในจีนครับ ของผมอีกสักพักคงมีครับกำลังทดสอบอยู่ เป็น silver fuse kevlar
(http://www.md-create.hk/UploadFile/2008_5_5_99786_4724.jpg)
-
ว้าว ............ clapping-1-2
-
(http://image.free.in.th/z/iw/20120620113908.jpg) (http://pic.free.in.th/id/331566004b64821f41c5533c341f49e4)
80 บาทไปเจอในเว็ปครับ ใช่ตัวเดียวกับรูปพี่เล็กหรือเปล่า
-
เรียบร้อยใส่ C ไปแล้วครับ 8 ตัว 0.1u และ0.01 อย่างละ 4
R 680 ยังไม่ได้ใส่ขอลองแต่ C ก่อนเพราะของผมน่าจะยังไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณคลิป
เสียงที่ได้ก็เหมือนจะชัดเจดมีรายละเอียดเด่นชัดขึ้น ก็คือเหมือนเสียงตัวคนร้อง เวทีเดินหน้ามามากขึ้น เลยเหมือนมันชัดเจนขึ้นรายละเอียดมากขึ้นครับ
ส่วนฟิวส์เดี๋ยวลองหาฟิวส์ใสๆธรรมดาลองใส่ดูครับว่าเป็นไง
ลองหาใส่มาก่อนครับ แล้วตอนกลับบ้านยกมาเทียบเสียงกับ fuse nano create audio ดูครับ
ครับผม เดี๋ยวต้องเผื่อเวลาใว้หน่อยครับ [yes-raccoon]
-
คุณแว่นครับผมปรับไฟลงมาเหลือ 12v ครับ ปรากฏว่าที่ว่าร้อนจัดเบาลงเยอะเลยครับ เปิดนานๆเอามือจับก็แค่อุ่นๆครับ เดิมไฟ 15v จับร้อนมากครับ จนต้องเอาพัดลมเป่าช่วยครับ พอปรับไฟเหลือ 12v ไม่ต้องใช้พัดลมช่วยเลยครับ
ปรับง่ายดีครับ VR พอหมุนแล้วปรับง่ายครับ