ผู้เขียน หัวข้อ: มาเรียนลัดเรื่องวงจรขยาย Operational Amplifier หรือ OPAMP กันหน่อย  (อ่าน 77265 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ถ้าจะเป็นนักปรุงแต่งเสียงที่ดี จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้างครับ? นอกจากทฤษฎีที่อาจารย์ได้บอกไว้
ป๊าดคำถาม [no-raccoon]
อ่า.. คำตอบหลังจากนี้ไม่ได้กวนนะครับ เป็นความเห็นส่วนตัวผมเอง
ทฤษฎีมีไว้เป็นแนวทางจะได้ไม่หลง และเครื่องมือมีไว้พิสูจน์แนวทาง

แต่เครื่องมือที่ดีสุดคือควรมีคือ สุขภาพหูที่ดี ไม่มีขี้หู  laughhahaha
กับสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ นอนเพียงพอครับ จะได้มีสมาธิ ไม่โอนเอียงเวลาทดสอบ  [yes-raccoon]

ส่วนระบบอื่นๆ คือลำโพงที่เชื่อถือได้ ฟังบ่อยๆจนขึ้นใจ

แหล่งกำเนิดเสียงที่ดีพอ และรู้จักตัวตนของมันดีในระดับนึง เช่นของผมใช้ CD Player ของ Audiolab เพราะมัน Flat ปลายแหลมยังไม่สุดนัก และเบสล่างยังไม่เต็ม แต่มันเป็นบุคลิกที่เราจำได้

รวมถึงเพลงอัลบั้มที่คุ้นหู หลายๆแนว หลายๆค่าย ฟังบ่อยจนเรียกได้ว่าฮัมเพลงตามได้และชี้นิ้วได้เลยว่าอะไรจะมา อะไรจะไป ลำดับเรียงตัวหน้าเวที และยืนเรียงถอดหลังไปยังไง

เวลาเอาปรีหรือแอมป์ DUT : Device Under Tested มาขึ้นเขียงจะได้รู้กันจะๆไปเลยว่าเป็นยังไง

เริ่มจากเปิดเครื่องฟังแบบไม่ตั้งใจก่อน จากนั้นเปิดทิ้งไว้ซักชั่วโมง แล้วกลับมาฟังจริงจังใหม่
ถ้าเป็นเครื่องที่เพิ่งทำมาใหม่ๆ ให้วนทำสองขั้นตอนนี้ทุกวัน สะสมไปเรื่อยๆ จะได้ยินพัฒนาการตลอดช่วงการฟัง
จนกว่าจะการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเริ่มเข้าที่ตลอด ซึ่งมักจะนับชั่วโมงบินได้อย่างน้อย 100 ชั่วโมง เราจะเรียกช่วงเวลาที่คงหลังจากนี้ ว่าพ้นช่วง Burn-in แล้วน่ะครับ

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ปกติค่า  R และ C Zobel ที่ต่อขั้วลำโพงลงกราวด์ ที่ทำหน้าที่ Low pass filter นิยมใส่ค่าเท่าไหร่ครับ [confused-raccoon]

กรณีพาวเวอร์แอมป์ ของโหลดลำโพง 8 Ohm มักจะใส่ค่ายอดฮิตที่ R 10 Ohm และ C 0.1uF ครับ เดี๋ยวจะเอาเข้า Simulation ให้ดูอีกทีว่ามันไปตัดช่วงความถี่ไหน

แต่ถ้าเป็นของลำโพงโฮมเธียเตอร์ 6 Ohm จะคงค่าเดิมก็ได้ หรือบางเจ้า ก็ปรับ Zobel ใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้นก็มีให้เห็นครับ
แล้ว R+C Zobel มีผลต่อเสียงมากไหมครับ

ถ้าเราลดทอนมันเยอะเกินไปมากๆ ก็มีผลครับ เฟสของปลายแหลมจะบิดตัวครับ
มาแล้วครับ ผลจากการ Simulation เปรียบเทียบ Zobel 3 กรณี ที่โหลดลำโพง 8 โอห์ม



สีฟ้าคือ R 10 Ohm + C 0.1uF
สีบานเย็นคือ R 4.7 Ohm + C 0.047uF
สีเขียวคือต่อทั้งสองชุดขนานกัน
กราฟบนคือเกนขยายครับ อัตราลดทอนความถี่จะต่างกันไป ที่การตอบสนองลดลง 3dB ช่วงเสียงที่รับฟังผ่านได้สบายๆ เกิน 200kHz ทุกตัว
ส่วนกราฟล่างคือการบิดตัวของเฟสสัญญาณครับ  เราดูที่ตำแหน่ง 20kHz สีเขียวบิดเฟสไป 10 องศา, สีฟ้า 6.2องศา และ สีบานเย็น 3 องศา
ถามว่าความเหมาะสมอยู่ที่ตำแหน่งไหน อันนี้ตอบยาก เพราะขึ้นกับการใช้งาน
ถ้าเน้นทน เสี่ยงน้อย ก็ใส่ทั้งคู่
ถ้าเน้นประนีประนอมยอมรับได้ ก็ใส่ค่า R2 C2 ปกติ
แต่ถ้าอยากได้ปลายแหลมดีเกินสเปค เผื่อพวกซุปเปอร์ทวีตเตอร์ ก็ต้องแบบ R1 C1 ซึ่งต้องมั่นใจว่าภาคแอมป์มีการจัดการเสถียรภาพก่อนหน้ามาดีแล้ว เพราะถ้าไม่อย่างนั้น สิ่งที่ทำไปจะไม่ได้ช่วยป้องกันทวีตเตอร์ไหม้เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มกราคม 2012, 12:27:09 AM โดย audiomania »

ออฟไลน์ R&R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 875
  • ถูกใจกด Like+ 44
ผมหมายถึงเราจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการทดสอบเช่น สโคป หรือ เครื่องกำเนิดสัญญาณด้วยใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ผมหมายถึงเราจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการทดสอบเช่น สโคป หรือ เครื่องกำเนิดสัญญาณด้วยใช่ไหมครับ
[roll] คือมีก็ดีครับ เพราะอย่างน้อยก็วัดออกมาให้เราเห็นได้ จะใช้เป็นจุดอ้างอิงสำหรับปรับแต่งก็จะตรงจุดดีครับ
เพียงแค่ว่า บางครั้งถึงเราจะรู้ แต่จะหาวิธีแก้ยังไงนี่สิปัญหาคลาสสิกครับ เพราะบ่อยครั้งที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว  [unde_cided]

แต่ถ้าระดับที่ทำขายจริงจัง จำเป็นต้องมีพวก Audio Precision: System One เป็นตัวอ้างอิง จะแจงสเปคอ้างอิงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้ทั่วโลกครับ

ออฟไลน์ R&R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 875
  • ถูกใจกด Like+ 44
ไม่ได้ทำขายหรอกครับ แค่ทำฟังเองยังดองเป็นเดือนๆ เลยครับ ผมถามเพื่อประดับความรู้เฉยๆ ครับว่านักออกแบบเครื่องเสียงเก่งๆ นั้นเค้าใช้เครื่องมืออะไรบ้างนอกจากหูตัวเองน่ะครับ

ตัวผมนั้นเอามาตรฐานไม่ได้เพราะแต่ก่อนอยู่กับเสียงดังๆของเครืองดนตรีมานาน (ให้เช่าเครื่องดนตรีเล็กๆ) จนตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเริ่มฟังเสียงแหลมแบบปลายๆ ไม่ค่อยดีแล้ว

ขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาตอบนะครับ

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ไม่ได้ทำขายหรอกครับ แค่ทำฟังเองยังดองเป็นเดือนๆ เลยครับ ผมถามเพื่อประดับความรู้เฉยๆ ครับว่านักออกแบบเครื่องเสียงเก่งๆ นั้นเค้าใช้เครื่องมืออะไรบ้างนอกจากหูตัวเองน่ะครับ

ตัวผมนั้นเอามาตรฐานไม่ได้เพราะแต่ก่อนอยู่กับเสียงดังๆของเครืองดนตรีมานาน (ให้เช่าเครื่องดนตรีเล็กๆ) จนตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเริ่มฟังเสียงแหลมแบบปลายๆ ไม่ค่อยดีแล้ว

ขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาตอบนะครับ
ถ้าการทำเป็นการทำแอมป์หรือปรีเป็นหลัก แล้วอยากได้สเปคเบื้องต้นด้วย ต้องมี Function Generator กับ Oscilloscope ครับ

เวลาทำการวัดให้วัดทีละข้างนะครับ ซ้ายทีนึง ขวาทีนึง (เว้นแต่จะมีสโคป 3 channel ขึ้นไป และตัว split สัญญาณจาก Function Gen. ไปเข้าทั้งสองข้างพร้อมกัน อย่างนี้จะวัดเทียบซ้ายขวาได้ด้วย)
วัดปรี-โทน จะง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นแอมป์ต้องหาดัมมีโหลด เป็น R 8 โอห์มตัวจัมโบ้มากๆ หรือลำโพง 8 โอห์มแบบหน่วยกล้าตายมาร่วมด้วย (อย่าถึงกับเอาลำโพงดีๆ มาลองด้วยเลยครับ มันเสียว..  [tremor-raccoon])

หลักๆ ก็ทำการป้อนสัญญาณ sine เข้าไป เริ่มจากความถี่กลาง 1kHz 100mV แล้วใช้สโคป จับสัญญาณ 2 สายทั้ง input และเอาต์พุต แล้วดูผลเทียบกับ ที่จะได้ออกมาคือ
- อัตราขยายสัญญาณเบื้องต้น
- ทดลองปรับสัญญาณที่โวลุ่ม ดูช่วงการทำงานราบรื่นหรือมีสะดุดหรือเห็นสัญญาณเพี้ยนไปอย่างไรบ้าง

จากนั้น ทำตารางทดสอบความถี่แบบ sweep ครับ เริ่มตั้งแต่ 1Hz -> 2Hz -> 5Hz -> 10Hz -> 20Hz -> 50Hz -> 100Hz -> 200Hz -> 500Hz -> 1kHz -> 2kHz -> 5kHz -> 10kHz -> 20kHz -> 50kHz -> 100kHz -> 200kHz  โดยให้ความแรงสัญญาณป้อนเข้าไปแรงเท่าเดิมตลอดช่วง จากนั้นดูผลที่ได้ อ่านความสูงอขงสัญญาณที่ขยายได้ แล้วค่อยๆ พล็อตจุดบนกราฟ สเกล Log ที่ X เป็นความถี่ ส่วนแกน Y เป็น Linear ตามมาตรฐานก็คำนวนค่าเกน เป็น dB ครับ วัดทีละจุดตามลำดับ เสน็จแล้วลากเส้นเชื่อมถึงกันก็จะได้กราฟอัตราขยายของเครื่องที่ทดสอบแล้ว  clapping-1-2

เสร็จแล้วพอเราดูกราฟเบื้องต้น อย่างน้อยก็พอจะมองออกได้ว่าเครื่องที่ทดสอบไปนั้น น่าจะเด่นหรือด้อยตรงช่วงไหนบ้าง จากนั้น ก็ต่อเครื่องฟังเพลงจริงจัง เอาเครื่องมือออกให้หมด แล้วทดสอบกับอัลบั้มที่คุ้ยเคยและทดสอบหลายๆแนว ดูว่าน้ำหนักเสียงในแต่ละโทนเสียงนั้นมาทางเดียวกับกราฟที่เห็นหรือไม่

ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างเรื่องเฟสเหลื่อมก็เช็ตเครื่องมือคล้ายกัน แต่การวัดจะวุ่นกว่า ตอนดูเส้นบนสโคปเปรียบเทียบเฟสกันน่ะครับ
แต่ถ้าอยากดูเรื่องความเพี้ยนอย่างง่าย ให้ทดสอบโดยปรับโหมดรูปคลื่นของ Function Gen. จากคลื่น sine เป็น triangle ดูเพื่อพอรู้ว่าการขยายนั้นยังเป็นเชิงเส้นตรงหรือมีแอบโค้งแอบเบี้ยวนิดๆ

แต่ถ้าจะวัดว่ากลับเฟสหรือไม่ ให้ตั้งโหมดสัญญาณไปรูป sawtooth ฟันเลื่อยครับ เพราะจะได้เห็นว่าช่วงสโลปลาดไปในทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าเอียงไปคนละทาง แสดงว่ากลับเฟส แต่ถ้าเอียงทางเดียวกันแสดงว่าเฟสตรงครับ อาจจะเหลื่อมเวลาไปบ้างเป็นเรื่องปกติครับ

แต่ถ้าวัดจริงจัง ต้องมีพวก Spectrum Analyzer ด้วย จะได้อย่างที่ว่ามาครบเลยครับ (สโคปดิจิตอลจีนสมัยใหม่หลายๆตัว มีฟังก์ชั่น FFT ในตัวอยู่แล้ว แค่หา Function Gen. ที่ sweep อัตโนมัติก็ได้กราฟตอบสนองสวยๆแล้วครับ)

แต่ถ้าเอาสเปคละเอียดทางเครื่องเสียง อย่างพวก THD IMD Gain/Phase ละเอียดๆ แบบที่หลังโบร์ชัวเครื่องระบุเอาไว้ ก็ต้อง Audio Precision : System One ครับ บริษัทที่ทำเครื่องเสียงขายดังๆ เกือบทุกเจ้าต้องมีเครื่องนี้ไว้ใช้ทำรายงานครับ ส่วนราคาถ้าจำไม่ผิดน่าจะ อยู่ช่วงหกหลักขึ้นไปน่ะครับ  [roll-eyes]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2014, 06:55:59 PM โดย audiomania »

ออฟไลน์ R&R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 875
  • ถูกใจกด Like+ 44
อาจารย์อธิบายละเอียดจนไม่รู้จะถามอะไรแล้วครับ

ไม่รบกวนอาจารย์แล้วครับ อาจารย์จะได้ไปทำหวานใจต่อ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ออฟไลน์ YoungOne

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1049
  • ถูกใจกด Like+ 19

ถ้าเราลดทอนมันเยอะเกินไปมากๆ ก็มีผลครับ เฟสของปลายแหลมจะบิดตัวครับ
มาแล้วครับ ผลจากการ Simulation เปรียบเทียบ Zobel 3 กรณี ที่โหลดลำโพง 8 โอห์ม



สีฟ้าคือ R 10 Ohm + C 0.1uF
สีบานเย็นคือ R 4.7 Ohm + C 0.047uF
สีเขียวคือต่อทั้งสองชุดขนานกัน
LM1875 เท่าที่ดูวงจรนิยมใส่ค่า R 1Ohm C 0.1uF  [confused-raccoon]

ออฟไลน์ psang

  • หูกระทะอมมือ
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 670
  • ถูกใจกด Like+ 33
  • เพศ: ชาย
ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นวิชาการครับ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ต่อไปการตั้งคำถามของผมคงต้องทบทวนแหล่งข้อมูลทางวิชาการทำนองนี้ก่อน ไม่งั้นมีถามเปิ่น ๆ เชย ๆ หรือตั้งคำถามไม่ถูกออกไปแน่เลย [checks-raccoon]
 [res]

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นวิชาการครับ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ต่อไปการตั้งคำถามของผมคงต้องทบทวนแหล่งข้อมูลทางวิชาการทำนองนี้ก่อน ไม่งั้นมีถามเปิ่น ๆ เชย ๆ หรือตั้งคำถามไม่ถูกออกไปแน่เลย [checks-raccoon]
 [res]
อย่าถึงกระนั้นเลยครับ ซีเรียสอย่างเดียวไม่สนุก ต้องมีหลายๆ อารมณ์บ้าง ทำแล้วสนุกถึงจะน่าทำ และเล่นได้นานด้วย  clapping-1-2

ออฟไลน์ R&R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 875
  • ถูกใจกด Like+ 44
ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นวิชาการครับ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ต่อไปการตั้งคำถามของผมคงต้องทบทวนแหล่งข้อมูลทางวิชาการทำนองนี้ก่อน ไม่งั้นมีถามเปิ่น ๆ เชย ๆ หรือตั้งคำถามไม่ถูกออกไปแน่เลย [checks-raccoon]
 [res]

ไม่มีใครเก่งโดยไม่ได้เริ่มต้นหรอกครับพี่ ทุกคนก็ต้องผ่านประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน

ออฟไลน์ psang

  • หูกระทะอมมือ
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 670
  • ถูกใจกด Like+ 33
  • เพศ: ชาย
ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นวิชาการครับ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ต่อไปการตั้งคำถามของผมคงต้องทบทวนแหล่งข้อมูลทางวิชาการทำนองนี้ก่อน ไม่งั้นมีถามเปิ่น ๆ เชย ๆ หรือตั้งคำถามไม่ถูกออกไปแน่เลย [checks-raccoon]
 [res]

ไม่มีใครเก่งโดยไม่ได้เริ่มต้นหรอกครับพี่ ทุกคนก็ต้องผ่านประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน

[heart_shell]

ออฟไลน์ YoungOne

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1049
  • ถูกใจกด Like+ 19
ไปอ่านเจอในกระทู้นี้http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=8095.420
เพราะอะไรสัญญาณที่ขยายแบบนี้ถึงกลับเฟทครับ [confused-raccoon]


ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ไปอ่านเจอในกระทู้นี้http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=8095.420
เพราะอะไรสัญญาณที่ขยายแบบนี้ถึงกลับเฟทครับ [confused-raccoon]



อ่า.. น้า YoungOne แวะดูข้อมูลที่ท้ายคำตอบแรก หน้าแรกได้เลยครับ ตรงเป๊ะ  clapping-1-2

ออฟไลน์ CreÃte_Lek ♫

  • BuRaPha_TeAm
  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 57603
  • ถูกใจกด Like+ 1370
  • เพศ: ชาย
  • DHT Crazy Club
ตรงเป๊ะเลย 3-2-1-raccoon
Define Me Radiant Charm  เชื่อในสิ่งที่เราเลือก และ ภูมิใจในความเป็นเราในแบบที่เราเป็น    

Define Me Radiant Bright ไม่ต้องปรับตัวเองให้เป็นใคร แต่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

>>> ข้อมูลส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ YoungOne

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1049
  • ถูกใจกด Like+ 19
ไปอ่านเจอในกระทู้นี้http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=8095.420
เพราะอะไรสัญญาณที่ขยายแบบนี้ถึงกลับเฟทครับ [confused-raccoon]



อ่า.. น้า YoungOne แวะดูข้อมูลที่ท้ายคำตอบแรก หน้าแรกได้เลยครับ ตรงเป๊ะ  clapping-1-2
ใส่แว่นสายตาอ่านแล้วครับ  ตรงเป๊ะเลยครับ [phok]
ขอบคุณมากครับ [res]

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
วันนี้มาอีกหน่อยนึง กรณีศึกษาปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับบางท่าน ตอนทำปรี seeeeeeddd...d
เวลาต่อสัญญาณจาก DAC หรืออุปกรณ์ที่แรงๆ มา แล้วเสียงแตก...  [confused-raccoon]

ถ้าจำลองเหตุการณ์คร่าวๆ วงจรดังรูปนะครับ ส่วนใหญ่วงจรเอาต์พุตของเครื่องเหล่านี้มักจะมี C output อยู่ และน่าจะออกแบบเพื่อให้ต่อสายได้ไกลนิดนึง และเผื่อโหลดด้วย
ทำให้เปิดช่วงแบนด์วิทธ์ไว้กว้าง จนปริ่มๆ จะเกิด Overshoot แล้ว พอผ่านเข้ามาที่ปรีของเรา ซึ่งออปแอมป์เทพ และ R IN2 มีค่าโอห์มสูงมากๆ เพราะเรารู้ว่าถ้าค่าน้อยมันจะกดแบนด์วิทธ์ พอดีเราอยากได้ปลายแหลมแหล่มๆ เลยจัดเต็ม  [roll]

แต่เต็มมากไปหน่อย กอร์ปกับต้นทางก็ปล่อยเต็มเหมือนกัน เลยล้นครับ.. (ระหว่างทางที่อาจจะมีสิ่งแปลกปลอมมาแวะเวียนได้อีก) ทำให้สัญญาณเกิด Critical dampling หรือแย่กว่าก็ออสซิลเลตย่อมๆไปเลย สัญญาณเน่า เสียงก็เลยเน่าครับ แถมเน่าดังซะด้วย





ดังนั้น จากเรื่อง R-C ก่อนหน้านี้ เลยเป็นพระเอกขี่ม้าขาวทันที หลังจากทดลองใส่ R 47k คร่อมอินพุตตรงแจค RCA ของปรีขาเข้าแล้ว หายสนิท...
ก็เพราะมันไปกดแบนด์วิทธ์ของเอาต์พุตแหล่งกำเนิดในช่วงที่ไม่ต้องการนั่นเอง ทำให้วงจรโดยรวมทั้งสองส่วนจะมีเสถียรภาพมากขึ้นโดยอัตโนมัติ




เพราะบางครั้ง พวก DAC หรือสัญญาณจากเครื่องเล่น มันออกแบบเผื่อเอาไว้สำหรับใช้กับโหลดค่าต่ำๆ อย่างหูฟังได้เลย ดังนั้นเมื่อเราเอาปรีมาต่อซึ่งอิมพิแดนซ์สูงกว่ามากๆ ที่เค้าเผื่อเอาไว้มันเลยมากเกินความจำเป็นน่ะครับ
ก็ต้องมาโหลดช่วยมันอีกที ที่ปรีของเราครั
บ  clapping-1-2


  น้าแว่นครับ  ที่บอกว่าให้นำอาร์ 47 เค ต่อคร่อมอินพุท ตรงแจคrca ของปรีขาเข้า เพื่อกดแบนวิธ

แต่ถ้าเรา นำR 47k มาต่อค่อม ตรงแจคrca แต่เป็น ขาออก ของdac    มันจะมีค่าเท่ากันไหมครับ กับต่อขาเข้า ของปรี 

แล้วR 47k ที่ต่อขาออกของdac เขาเรียกว่า R zobel ใช่หรือป่าวครับ

ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
 น้าแว่นครับ  ที่บอกว่าให้นำอาร์ 47 เค ต่อคร่อมอินพุท ตรงแจคrca ของปรีขาเข้า เพื่อกดแบนวิธ

แต่ถ้าเรา นำR 47k มาต่อค่อม ตรงแจคrca แต่เป็น ขาออก ของdac    มันจะมีค่าเท่ากันไหมครับ กับต่อขาเข้า ของปรี  

แล้วR 47k ที่ต่อขาออกของdac เขาเรียกว่า R zobel ใช่หรือป่าวครับ
กรณีเอา R ไว้ตรงเอาต์พุต DAC ต่อสายสัญญาณ แล้วเข้าปรี
กับ เอาต์พุต DAC ต่อสายสัญญาณแล้วเข้าปรี โดยมี R อยู่ที่แจ๊ค RCA อินพุตแอมป์

ถ้าผมบอกว่าไม่เหมือนกัน น้าจะเชื่อผมไหม... [gr_in]

ถ้าไม่เชื่อ ให้ย้อนลำดับการต่อ แล้วมองสายสัญญาณเป็นเน็ตเวิร์ค R+L+C และมีสัญญาณรบกวนแวะเวียนมาระหว่างทาง

เห็นว่ามันแตกต่างรึยังครับ  [roll]

ส่วน Zobel ใช้เรียกกรณีที่ต่อเป็นเน็ตเวิร์ค RLC เพื่อประโยชน์ในการจัดการอิมพิแดนซ์ตามช่วงความถี่ด้วยครับ แต่ชื่อเป็นแค่ชื่อน่ะครับ ถ้ามองพฤติกรรม R L C และเข้าใจมัน ก็จะมองผลที่เกิดได้ง่ายขึ้นครับ

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
 ขอบคุณครับ  น้าแว่น    [res] [res]

      พอจะเข้าใจแล้วครับ   มันต่างกัน ตรงมีสายสัญญาณมาคั่นนี่เอง  เพราะสายสัญญาณ มีค่า r l c แฝง เราก็เลยต่อสัญญาณปลายทาง  เอาสัญญาณรบกวนลงกราวน์ ที่ปลายทาง  ถูกต้องไหมครับเนี้ย
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
ขอบคุณครับ  น้าแว่น    [res] [res]

      พอจะเข้าใจแล้วครับ   มันต่างกัน ตรงมีสายสัญญาณมาคั่นนี่เอง  เพราะสายสัญญาณ มีค่า r l c แฝง เราก็เลยต่อสัญญาณปลายทาง  เอาสัญญาณรบกวนลงกราวน์ ที่ปลายทาง  ถูกต้องไหมครับเนี้ย
คือสัญญาณรบกวนเป็นโมเดลของแถมให้เห็นผลต่างครับ

ประเด็นหลักที่ต้องการสื่อคือ R โหลดเสริมอยู่ต่างที่ ผลสุดท้ายที่ได้ก็ย่อมต่างกัน เพราะอยู่ก่อนเน็ตเวิร์ค RLC
แบบต่อตรงอินพุตปรีคือเอา R โหลดไว้หลัง RLC ก็จะได้ผลที่ต่างไปเล็กน้อย แต่ก็มีความต่าง

ผมบอกไม่ได้ ถ้ารวมทั้งระบบแล้วแบบไหนเสียงดีกว่า

แต่ถ้าเปิดเครื่องเดี่ยวๆ ไม่ได้ต่อสายแล้วล่ะก็ การลอยเอาต์พุตแล้วอาจเกิดปัญหาออสซิลเลตของเครื่องได้ แบบนี้ก็ควรต่อไว้ "บ้าง" เพื่อป้องกัน
ส่วนอินพุตปรี ถ้าเน้นทางสายกลาง ต่อเครื่องอื่นๆได้ครอบจักรวาล ไม่เกี่ยงยี่ห้อ ไม่มีปัญหา ก็คงต้องต่อ R ทั้งคู่เลย แบบที่เครื่องคอมเมเชี่ยลปกติทำกัน

นั่นล่ะครับ การทำให้เอนกประสงค์ไร้ปัญหาในทุกกรณี ก็ต้องทำเผื่อไว้ และคงต้องยอมรับว่ามันอาจจะ"ลดทอน"ความพิสุทธิ์ลงไปบ้าง ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

แต่ถ้าเป็นการจัดสรรแบบเฉพาะให้ดีที่สุด คำว่าที่สุดคือก็ต้องรีดประสิทธิภาพ รีดเลือดจากปูให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าไม่เข้าใจดีพอ แล้วหลับหูหลับตาทำต่อ แม้อาจต้องแลกกับการเผาเครื่องก็ตาม ก็เหมือนกับบี้ปูจนแหลก จนไม่เหลืออะไรให้กิน แบบนี้ก็ลำบาก

จะว่าไปเหมือนพวกขับมอไซค์แว๊นซ์แข่งกัน ไปคว้านกระบอกสูบเครื่องตัวน้อย โดยหวังจะเอาแรงม้าชั่วขณะให้ได้มากที่สุด
แต่พอหลังจากแข่งเสร็จ ชัยชนะที่เกิดขึ้น สก๊อยนั่งหลังสะใจ ก็ต้องแลกกับเครื่องยนต์พัง ยกเครื่องใหม่หมด สำหรับพวกเค้าคงคุ้มกับการแลกตอบสนองกิเลส โดยไม่สนใจว่าคนภายนอกมองว่าบ้า และสิ้นเปลืองทรัพยากรโลก

แต่เรื่องแบบนี้ นานาจิตตัง เพราะความบ้าแบบนี้มีอยู่จริง เพียงแต่เราจะเลือกทำมันหรือเปล่า
ถ้าถามผม ผมไม่บอกว่าเป็นเรื่องผิดหรือถูก สิ่งที่ทำเพียงแค่ส่ายหัวแล้วบอกอย่างเดียวว่า "เสียดาย" ครับ  [pig90118]

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
น้าแว่นครับ  ผมมีไอซีบัฟเฟอร์ เบอร์ lt1010ct   เป็นรุ่น 5 ขาอ่ะครับ 

http://pdf1.alldatasheet.com/datasheet-pdf/view/191641/LINER/LT1010CT.html

ขา 1 เป็น input
ขา 2 เป็นไฟ+
ขา3  เป็นไฟ -
ขา 4 เป็นไบแอส
ขา 5 เป็น output

ผมจะทำเป็นบัฟเฟอร์  โดยใช้ไฟ  +18 0 -18    ผมใช้R 50 โอมห์ คล่อม ขา 2 และขา 4     ไบแอสแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ขา 1 ผม เอาสัญญาณ มาจากแดคเลย  เข้าตรงๆเลย   แล้วขา 5  ผมเอาสัญญาณ ออกตรงๆเลย   แต่ทำไมมันไม่ดังอ่ะครับ  (วาดรูปไม่เป็นซะด้วยซิ) ไม่รู้น้าแว่นอ่านแล้วจะนึกภาพออกไหมครับ 
   มันผิดตรงไหนอ่ะครับ  ขา 5 ที่เป็นขาสัญญาณออก ผมต้องใส่ค่าอาร์ เพื่อป้อนกลับไปขา 1 ไหมอ่ะครับ  หรือต่ออาร์ลงกราวน์ไหมอ่ะครับ
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ audiomania

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2455
  • ถูกใจกด Like+ 402
  • เพศ: ชาย
น้าแว่นครับ  ผมมีไอซีบัฟเฟอร์ เบอร์ lt1010ct   เป็นรุ่น 5 ขาอ่ะครับ 

http://pdf1.alldatasheet.com/datasheet-pdf/view/191641/LINER/LT1010CT.html

ขา 1 เป็น input
ขา 2 เป็นไฟ+
ขา3  เป็นไฟ -
ขา 4 เป็นไบแอส
ขา 5 เป็น output

ผมจะทำเป็นบัฟเฟอร์  โดยใช้ไฟ  +18 0 -18    ผมใช้R 50 โอมห์ คล่อม ขา 2 และขา 4     ไบแอสแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ขา 1 ผม เอาสัญญาณ มาจากแดคเลย  เข้าตรงๆเลย   แล้วขา 5  ผมเอาสัญญาณ ออกตรงๆเลย   แต่ทำไมมันไม่ดังอ่ะครับ  (วาดรูปไม่เป็นซะด้วยซิ) ไม่รู้น้าแว่นอ่านแล้วจะนึกภาพออกไหมครับ 
   มันผิดตรงไหนอ่ะครับ  ขา 5 ที่เป็นขาสัญญาณออก ผมต้องใส่ค่าอาร์ เพื่อป้อนกลับไปขา 1 ไหมอ่ะครับ  หรือต่ออาร์ลงกราวน์ไหมอ่ะครับ

เพิ่งแวะมาดูครับ ตอบช้าไปหน่อย
เรื่องนี้คงมีสองสามเรื่อง ตัวนี้เป็นบัฟเฟอร์ เข้า 1 ออก 1 ไม่ขยายแรงดันเพิ่ม
อันดับแรกคือเอาต์พุต DAC ออกมาเป็นแรงดันหรือไม่ และมีออฟเซ็ตปนมาด้วยหรือเปล่า รวมถึงขนาดสัญญาณถ้ามันเล็กมากๆ ก็จะไม่ดัง ทดลองโดยการบิดโวลุ่มสุดก็ควรจะได้ยินอะไรบ้างครับ
อันดับถัดไป ไอซีตัวนี้น้าได้แต่ใดมาครับ เพราะ LT หาในบ้านเรายาก ถ้าสั่งจากจากจีนมีโอกาสโดนฯเยอะ
สุดท้ายการต่อไอซีบัฟเฟอร์ต่อทำงานแบบไหน ฮาร์ดไวร์หรือลง PCB เอนกประสงค์และควต้องมี C คัปปลิ้งภาคจ่ายไฟด้วยครับ

อื่นๆ ถ้ามีรูปประกอบถึงจะพอหาสาเหตุต่อได้ครับ

ออฟไลน์ jam_kung

  • ยุยง...ส่งเสริมชาวบ้าน...คืองานของเรา คริๆๆๆ
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1578
  • ถูกใจกด Like+ 75
น้าแว่นครับ  ผมมีไอซีบัฟเฟอร์ เบอร์ lt1010ct   เป็นรุ่น 5 ขาอ่ะครับ  

http://pdf1.alldatasheet.com/datasheet-pdf/view/191641/LINER/LT1010CT.html

ขา 1 เป็น input
ขา 2 เป็นไฟ+
ขา3  เป็นไฟ -
ขา 4 เป็นไบแอส
ขา 5 เป็น output

ผมจะทำเป็นบัฟเฟอร์  โดยใช้ไฟ  +18 0 -18    ผมใช้R 50 โอมห์ คล่อม ขา 2 และขา 4     ไบแอสแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ขา 1 ผม เอาสัญญาณ มาจากแดคเลย  เข้าตรงๆเลย   แล้วขา 5  ผมเอาสัญญาณ ออกตรงๆเลย   แต่ทำไมมันไม่ดังอ่ะครับ  (วาดรูปไม่เป็นซะด้วยซิ) ไม่รู้น้าแว่นอ่านแล้วจะนึกภาพออกไหมครับ  
   มันผิดตรงไหนอ่ะครับ  ขา 5 ที่เป็นขาสัญญาณออก ผมต้องใส่ค่าอาร์ เพื่อป้อนกลับไปขา 1 ไหมอ่ะครับ  หรือต่ออาร์ลงกราวน์ไหมอ่ะครับ


ลอง เพิ่ม ตัวต้านทาน อีกสัก 2 ตัวได้มั๊ยครับ
 ตัวแรก ค่า 100 โอห์ม  ต่อ "คั่น ระหว่าง input กับ ขา 1 "
 
 ตัวที่สอง ค่า 100 โอห์ม ต่อ "แทรก ระหว่าง ขา 5 กับ out put"

 แล้วลองดูว่า มันทำงานได้มั๊ย

 อย่าลืมต่อ  c fillter  10 uf ขึ้นไปที่ขา ไฟเลี้ยงทั้งไฟบวก และไฟลบ (ควรต่อให้ใกล้ ic มากที่สุด)ด้วยนะครับ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2013, 09:39:28 AM โดย jam_kung »
http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=10913.0

อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
   ตอบเท่าที่รู้น่ะครับ
       เอาต์พุตdac ออกมาเป็นแรงดันครับ  ออฟเซ้ตปนมา อันนี้ไม่รู้เลยครับ  เขาวัดกันอย่างไรครับ  [roll]

       ทดลองบิดโวลุ่ม ก็ได้ยินประมาณเท่าเสียงมด ตด อ่ะครับ ค่อยมาก
       ไอซีตัวนี้ได้มา จาก element 14 ครับ  ของเดิมมันขาหัก ผมเลยสั่งตัวนี้มาแทน  ก็ใช้แทนได้อยู่น่ะครับ  ผมสั่งมาเผื่อไว้ เห็นท่าทางมันจะเทพ  เลยว่าอยากจะเอามาทำบัพเฟอร์แยกต่างหาก เหมือนb1

       ส่วนวิธึการต่อ ผมมั่นใจว่าผิดชัวร์  คือ ผมก็ต่อตามขา ตรงๆเลย  ไม่มีซี ไม่มีมีอาร์อะไร  ยกเว้น อาร์ไบแอสที่ขา 2 กับ 4 ใช้อาร์ 50 โอมห์ในการไบแอส   ไฟ 18 โวลลท์ก็เข้าไปตรงๆเลย (แต่ผ่านภาคแปลงไฟเป็นdc แล้วน่ะครับ) เด๊่ยวว่างผมจะถ่ายรูปให้ดูน่ะครับ  


ปล  lt ตัวนี้ ผมสั่งมาเผื่อไว้เป็นอะไหล่ 2 ชุด ( 4 ตัว) เพราะสั่งซื้อแต่ละครั้งมันลำบาก  กะเอาไว้เวลามันเสียจะได้มีเปลี่ยน แต่ดูแวว แล้ว มันไม่เสียสักกะที  จะทิ้งเอาไว้ก็กลัวมันจะเน่าจะบูด  เลยเอามาลองเล่นดูอ่ะครับว่ามันทำอะไรได้บ้าง   ถ้าอย่างงั้น พรุ่งนี้ผมส่งให้น้าแว่น ไปชุดหนึงน่ะครับ เพราะอยู่กะผม  มันก็ไร้ค่า   น้าแว่นจะเอาไปทำอะไรก็ตามแต่สะดวกเลยครับ  เห็นน้องข้าวฟ่างเอาjp74ไปทำตุ้มหู  ผมก็กะว่าเอาltมา ห้อยคอ เหมียนกัล

        
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
น้าแว่นครับ  ผมมีไอซีบัฟเฟอร์ เบอร์ lt1010ct   เป็นรุ่น 5 ขาอ่ะครับ  

http://pdf1.alldatasheet.com/datasheet-pdf/view/191641/LINER/LT1010CT.html

ขา 1 เป็น input
ขา 2 เป็นไฟ+
ขา3  เป็นไฟ -
ขา 4 เป็นไบแอส
ขา 5 เป็น output

ผมจะทำเป็นบัฟเฟอร์  โดยใช้ไฟ  +18 0 -18    ผมใช้R 50 โอมห์ คล่อม ขา 2 และขา 4     ไบแอสแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ขา 1 ผม เอาสัญญาณ มาจากแดคเลย  เข้าตรงๆเลย   แล้วขา 5  ผมเอาสัญญาณ ออกตรงๆเลย   แต่ทำไมมันไม่ดังอ่ะครับ  (วาดรูปไม่เป็นซะด้วยซิ) ไม่รู้น้าแว่นอ่านแล้วจะนึกภาพออกไหมครับ  
   มันผิดตรงไหนอ่ะครับ  ขา 5 ที่เป็นขาสัญญาณออก ผมต้องใส่ค่าอาร์ เพื่อป้อนกลับไปขา 1 ไหมอ่ะครับ  หรือต่ออาร์ลงกราวน์ไหมอ่ะครับ


ลอง เพิ่ม ตัวต้านทาน อีกสัก 2 ตัวได้มั๊ยครับ
 ตัวแรก ค่า 100 โอห์ม  ต่อ "คั่น ระหว่าง input กับ ขา 1 "
 
 ตัวที่สอง ค่า 100 โอห์ม ต่อ "แทรก ระหว่าง ขา 5 กับ out put"

 แล้วลองดูว่า มันทำงานได้มั๊ย

 อย่าลืมต่อ  c fillter  10 uf ขึ้นไปที่ขา ไฟเลี้ยงทั้งไฟบวก และไฟลบ (ควรต่อให้ใกล้ ic มากที่สุด)ด้วยนะครับ

 


      ขอบคุณมากครับ   จังหวะกดส่ง พอดีคุณ แจมคุง ส่งมาก่อน  พิมพ์ไปแล้วเลยต้องส่ง   มาถูกจังหวะพอดีเลยครับ  ผมก็ว่ามันทะแม่งๆน่ะที่ผมต่อ   
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ jam_kung

  • ยุยง...ส่งเสริมชาวบ้าน...คืองานของเรา คริๆๆๆ
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1578
  • ถูกใจกด Like+ 75
  ตอบเท่าที่รู้น่ะครับ
       เอาต์พุตdac ออกมาเป็นแรงดันครับ  ออฟเซ้ตปนมา อันนี้ไม่รู้เลยครับ  เขาวัดกันอย่างไรครับ  [roll]

       ทดลองบิดโวลุ่ม ก็ได้ยินประมาณเท่าเสียงมด ตด อ่ะครับ ค่อยมาก
       ไอซีตัวนี้ได้มา จาก element 14 ครับ  ของเดิมมันขาหัก ผมเลยสั่งตัวนี้มาแทน  ก็ใช้แทนได้อยู่น่ะครับ  ผมสั่งมาเผื่อไว้ เห็นท่าทางมันจะเทพ  เลยว่าอยากจะเอามาทำบัพเฟอร์แยกต่างหาก เหมือนb1

       ส่วนวิธึการต่อ ผมมั่นใจว่าผิดชัวร์  คือ ผมก็ต่อตามขา ตรงๆเลย  ไม่มีซี ไม่มีมีอาร์อะไร  ยกเว้น อาร์ไบแอสที่ขา 2 กับ 4 ใช้อาร์ 50 โอมห์ในการไบแอส   ไฟ 18 โวลลท์ก็เข้าไปตรงๆเลย (แต่ผ่านภาคแปลงไฟเป็นdc แล้วน่ะครับ) เด๊่ยวว่างผมจะถ่ายรูปให้ดูน่ะครับ  


ปล  lt ตัวนี้ ผมสั่งมาเผื่อไว้เป็นอะไหล่ 2 ชุด ( 4 ตัว) เพราะสั่งซื้อแต่ละครั้งมันลำบาก  กะเอาไว้เวลามันเสียจะได้มีเปลี่ยน แต่ดูแวว แล้ว มันไม่เสียสักกะที  จะทิ้งเอาไว้ก็กลัวมันจะเน่าจะบูด  เลยเอามาลองเล่นดูอ่ะครับว่ามันทำอะไรได้บ้าง   ถ้าอย่างงั้น พรุ่งนี้ผมส่งให้น้าแว่น ไปชุดหนึงน่ะครับ เพราะอยู่กะผม  มันก็ไร้ค่า   น้าแว่นจะเอาไปทำอะไรก็ตามแต่สะดวกเลยครับ  เห็นน้องข้าวฟ่างเอาjp74ไปทำตุ้มหู  ผมก็กะว่าเอาltมา ห้อยคอ เหมียนกัล

        


output เป็นแรงดัน หรือมี offset ปนมา  ต้องใช้ C คั่นตรง input ก่อนครับ  ไม่งั้น buffer จะกลายเป็น วงจรตามแรงดัน ไป
ที่ให้ลองเพิ่ม R  ผมอ่านคร่าวๆจาก datasheet รู้สึกว่า เจ้า lt1010 เนี่ยะ ถึงตัวมันจะเป็น buffer แต่การที่จะให้มันทำงานเต็มประสิทธิภาพ มันมีตัวแปรเรื่อง R load อยู่
http://cds.linear.com/docs/en/datasheet/1010fe.pdf
มีสูตรการคำนวนเมื่อต่อกับโหลด ที่หน้า 7 ของ datasheet อ่ะครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2013, 10:17:43 AM โดย jam_kung »
http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=10913.0

อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
  ตอบเท่าที่รู้น่ะครับ
       เอาต์พุตdac ออกมาเป็นแรงดันครับ  ออฟเซ้ตปนมา อันนี้ไม่รู้เลยครับ  เขาวัดกันอย่างไรครับ  [roll]

       ทดลองบิดโวลุ่ม ก็ได้ยินประมาณเท่าเสียงมด ตด อ่ะครับ ค่อยมาก
       ไอซีตัวนี้ได้มา จาก element 14 ครับ  ของเดิมมันขาหัก ผมเลยสั่งตัวนี้มาแทน  ก็ใช้แทนได้อยู่น่ะครับ  ผมสั่งมาเผื่อไว้ เห็นท่าทางมันจะเทพ  เลยว่าอยากจะเอามาทำบัพเฟอร์แยกต่างหาก เหมือนb1

       ส่วนวิธึการต่อ ผมมั่นใจว่าผิดชัวร์  คือ ผมก็ต่อตามขา ตรงๆเลย  ไม่มีซี ไม่มีมีอาร์อะไร  ยกเว้น อาร์ไบแอสที่ขา 2 กับ 4 ใช้อาร์ 50 โอมห์ในการไบแอส   ไฟ 18 โวลลท์ก็เข้าไปตรงๆเลย (แต่ผ่านภาคแปลงไฟเป็นdc แล้วน่ะครับ) เด๊่ยวว่างผมจะถ่ายรูปให้ดูน่ะครับ  


ปล  lt ตัวนี้ ผมสั่งมาเผื่อไว้เป็นอะไหล่ 2 ชุด ( 4 ตัว) เพราะสั่งซื้อแต่ละครั้งมันลำบาก  กะเอาไว้เวลามันเสียจะได้มีเปลี่ยน แต่ดูแวว แล้ว มันไม่เสียสักกะที  จะทิ้งเอาไว้ก็กลัวมันจะเน่าจะบูด  เลยเอามาลองเล่นดูอ่ะครับว่ามันทำอะไรได้บ้าง   ถ้าอย่างงั้น พรุ่งนี้ผมส่งให้น้าแว่น ไปชุดหนึงน่ะครับ เพราะอยู่กะผม  มันก็ไร้ค่า   น้าแว่นจะเอาไปทำอะไรก็ตามแต่สะดวกเลยครับ  เห็นน้องข้าวฟ่างเอาjp74ไปทำตุ้มหู  ผมก็กะว่าเอาltมา ห้อยคอ เหมียนกัล

        

output เป็นแรงดัน หรือมี offset ปนมา  ต้องใช้ C คั่นตรง input ก่อนครับ  ไม่งั้น buffer จะกลายเป็น วงจรตามแรงดัน ไปครับ

 [res] [res]
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
น้าแว่นครับ  ผมมีไอซีบัฟเฟอร์ เบอร์ lt1010ct   เป็นรุ่น 5 ขาอ่ะครับ  

http://pdf1.alldatasheet.com/datasheet-pdf/view/191641/LINER/LT1010CT.html

ขา 1 เป็น input
ขา 2 เป็นไฟ+
ขา3  เป็นไฟ -
ขา 4 เป็นไบแอส
ขา 5 เป็น output

ผมจะทำเป็นบัฟเฟอร์  โดยใช้ไฟ  +18 0 -18    ผมใช้R 50 โอมห์ คล่อม ขา 2 และขา 4     ไบแอสแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ขา 1 ผม เอาสัญญาณ มาจากแดคเลย  เข้าตรงๆเลย   แล้วขา 5  ผมเอาสัญญาณ ออกตรงๆเลย   แต่ทำไมมันไม่ดังอ่ะครับ  (วาดรูปไม่เป็นซะด้วยซิ) ไม่รู้น้าแว่นอ่านแล้วจะนึกภาพออกไหมครับ  
   มันผิดตรงไหนอ่ะครับ  ขา 5 ที่เป็นขาสัญญาณออก ผมต้องใส่ค่าอาร์ เพื่อป้อนกลับไปขา 1 ไหมอ่ะครับ  หรือต่ออาร์ลงกราวน์ไหมอ่ะครับ


ลอง เพิ่ม ตัวต้านทาน อีกสัก 2 ตัวได้มั๊ยครับ
 ตัวแรก ค่า 100 โอห์ม  ต่อ "คั่น ระหว่าง input กับ ขา 1 "
 
 ตัวที่สอง ค่า 100 โอห์ม ต่อ "แทรก ระหว่าง ขา 5 กับ out put"

 แล้วลองดูว่า มันทำงานได้มั๊ย

 อย่าลืมต่อ  c fillter  10 uf ขึ้นไปที่ขา ไฟเลี้ยงทั้งไฟบวก และไฟลบ (ควรต่อให้ใกล้ ic มากที่สุด)ด้วยนะครับ

 


มารายงายผลครับ  ลองแล้วครับ ดังค่อยมากครับ 



ถ้าต่อแบบนี้จะได้ไหมครับ

Thanks: เกมส์
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ civicdotcom

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1737
  • ถูกใจกด Like+ 68
  • เพศ: ชาย
   คิดว่า น่าจะเป็นแบบนี้มากกว่าไหมครับ   

Thanks: เกมส์
ข้อมูลส่วนตัว http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=540.0

ออฟไลน์ mybestboss

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1480
  • ถูกใจกด Like+ 117
  • เพศ: ชาย
กำลังจะเริ่มทำ Gainclone มาอ่านเจอพอดี ขอบคุณ อ แว่น ครับ เข้าใจมากขึ้นจริงๆ