ผู้เขียน หัวข้อ: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร  (อ่าน 6225 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ P1649

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 148
  • ถูกใจกด Like+ 7
มีบทความหลายท่านเขียนถึง output impedance ของ ปรีหลอด ไม่แมตกับ input impedance ของ SS เช่น LM3886 แต่ไม่ได้แนะนำว่า มีวิธีการตรวจสอบและแก้ไขวงจรอย่างไร จึงขอคำแนะนำด้วยครับ
ปล. ผมคำนวณงานในด้านนี้ไมเป็น ทำได้แค่ดมควันตะกั่ว

ออฟไลน์ sansirn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1434
  • ถูกใจกด Like+ 11
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 07:45:17 PM »
วงจรปรีหลอดที่จัดวงจรแบบ Plate load ส่วนใหญ่มักจะมีค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่สูง ส่วนวงจรแอมป์ทรานซิสเตอร์มักจะออกแบบให้มีค่าอินพุตอิมพีแดนซ์ต่ำ หากเอา 2 วงจรนี้มาต่อเข้าด้วยกัน วงจรแอมป์จะโหลดสัญญาณของปรีจนสัญญาณขาออกตก (เร่งเสียงไม่ขึ้น รายละเอียดเสียงจม) วิธีการแก้ที่ง่ายที่สุดคือใส่ Buffer ที่เอาต์พุตของปรีหลอด อาจใช้วงจร Cathode follower ธรรมดาก็ได้ ซึ่งวงจรนี้จะให้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่ต่ำพอที่จะขับแอมป์ทรานซิสเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหา (แต่ทั้งนี้ต้องเลือกเบอร์หลอดให้ดีด้วยนะครับ เพราะหลอดบางเบอร์มี Plate resistance สูงมากไม่เหมาะที่จะเอามาทำหน้าที่ Buffer)

หลักการง่ายที่สุดในการเลือกแมทชิ่งในงานเครื่องเสียงคือ อินพุตอิมพีแดนซ์ของโหลดควรสูงกว่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของซอร์สสัก 10 เท่าขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนงานที่มีสัญญาณระดับต่ำมากๆ และถูกรบกวนง่ายก็ต้องใช้การ Matching impedance ที่เท่ากันมาช่วยเพื่อการถ่ายทอดสัญญาณได้ดีที่สุด (Power maximum transfer) เช่น งานสายอากาศเครื่องรับวิทยุ-โทรทัศน์

ออฟไลน์ n.cm

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 186
  • ถูกใจกด Like+ 6
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 08:38:52 PM »
วงจรปรีหลอดที่จัดวงจรแบบ Plate load ส่วนใหญ่มักจะมีค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่สูง ส่วนวงจรแอมป์ทรานซิสเตอร์มักจะออกแบบให้มีค่าอินพุตอิมพีแดนซ์ต่ำ หากเอา 2 วงจรนี้มาต่อเข้าด้วยกัน วงจรแอมป์จะโหลดสัญญาณของปรีจนสัญญาณขาออกตก (เร่งเสียงไม่ขึ้น รายละเอียดเสียงจม) วิธีการแก้ที่ง่ายที่สุดคือใส่ Buffer ที่เอาต์พุตของปรีหลอด อาจใช้วงจร Cathode follower ธรรมดาก็ได้ ซึ่งวงจรนี้จะให้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่ต่ำพอที่จะขับแอมป์ทรานซิสเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหา (แต่ทั้งนี้ต้องเลือกเบอร์หลอดให้ดีด้วยนะครับ เพราะหลอดบางเบอร์มี Plate resistance สูงมากไม่เหมาะที่จะเอามาทำหน้าที่ Buffer)

หลักการง่ายที่สุดในการเลือกแมทชิ่งในงานเครื่องเสียงคือ อินพุตอิมพีแดนซ์ของโหลดควรสูงกว่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของซอร์สสัก 10 เท่าขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนงานที่มีสัญญาณระดับต่ำมากๆ และถูกรบกวนง่ายก็ต้องใช้การ Matching impedance ที่เท่ากันมาช่วยเพื่อการถ่ายทอดสัญญาณได้ดีที่สุด (Power maximum transfer) เช่น งานสายอากาศเครื่องรับวิทยุ-โทรทัศน์
อาจารย์มาแล้วๆๆ [we're number 1] ตามมาเก็บข้อมูลๆๆ @~~@

ออฟไลน์ P1649

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 148
  • ถูกใจกด Like+ 7
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 08:46:48 PM »
ขอบพระคุณมากครับกับข้อมูล ที่มีให้มือใหม่ได้ศึกษา และขอถามต่อครับว่า
Conrad Johnson วงจรนี้มีค่า output impedance เป็นเท่าไรเหมาะกับการต่อกับ LM3886 หรือจะต้องปรับปรุงอะไรบ้างครับ

ออฟไลน์ tnosomch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1363
  • ถูกใจกด Like+ 60
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 08:58:50 PM »
วงจรปรีหลอดที่จัดวงจรแบบ Plate load ส่วนใหญ่มักจะมีค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่สูง ส่วนวงจรแอมป์ทรานซิสเตอร์มักจะออกแบบให้มีค่าอินพุตอิมพีแดนซ์ต่ำ หากเอา 2 วงจรนี้มาต่อเข้าด้วยกัน วงจรแอมป์จะโหลดสัญญาณของปรีจนสัญญาณขาออกตก (เร่งเสียงไม่ขึ้น รายละเอียดเสียงจม) วิธีการแก้ที่ง่ายที่สุดคือใส่ Buffer ที่เอาต์พุตของปรีหลอด อาจใช้วงจร Cathode follower ธรรมดาก็ได้ ซึ่งวงจรนี้จะให้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ที่ต่ำพอที่จะขับแอมป์ทรานซิสเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหา (แต่ทั้งนี้ต้องเลือกเบอร์หลอดให้ดีด้วยนะครับ เพราะหลอดบางเบอร์มี Plate resistance สูงมากไม่เหมาะที่จะเอามาทำหน้าที่ Buffer)

หลักการง่ายที่สุดในการเลือกแมทชิ่งในงานเครื่องเสียงคือ อินพุตอิมพีแดนซ์ของโหลดควรสูงกว่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของซอร์สสัก 10 เท่าขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนงานที่มีสัญญาณระดับต่ำมากๆ และถูกรบกวนง่ายก็ต้องใช้การ Matching impedance ที่เท่ากันมาช่วยเพื่อการถ่ายทอดสัญญาณได้ดีที่สุด (Power maximum transfer) เช่น งานสายอากาศเครื่องรับวิทยุ-โทรทัศน์

แล้วปรีที่น้า sansirn แจกผมมาเอามาต่อกับแอมป์หลอด แล้วอินพุตอิมพีแดนซ์กับเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ มันแม็ตกันไหมครับ  [unde_cided]

ออฟไลน์ kla2000

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 409
  • ถูกใจกด Like+ 23
  • เพศ: ชาย
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 09:22:10 PM »
แล้วหลอด 12au7 12ax7 พอที่จะทำ Buffer ได้หรือไม่ครับ

ออฟไลน์ tfender

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5074
  • ถูกใจกด Like+ 100
  • เพศ: ชาย
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2011, 11:22:58 PM »
แล้วหลอด 12au7 12ax7 พอที่จะทำ Buffer ได้หรือไม่ครับ

12au7  [))]

ออฟไลน์ sansirn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1434
  • ถูกใจกด Like+ 11
Re: แมตอิมพีเดนต์ ปรีหลอดและSS ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2011, 09:27:50 AM »
ขอบพระคุณมากครับกับข้อมูล ที่มีให้มือใหม่ได้ศึกษา และขอถามต่อครับว่า
Conrad Johnson วงจรนี้มีค่า output impedance เป็นเท่าไรเหมาะกับการต่อกับ LM3886 หรือจะต้องปรับปรุงอะไรบ้างครับ

ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องหลอดสักเท่าไร หากต้องการรู้วิธีคำนวณจริงๆ ลองเข้าไปถามที่ห้องหลอดดูครับ ....
จากการประเมิณด้วยสายตาวงจรนี้มี Open loop gain ค่อนข้างสูงเนื่องจากใช้วงจรขยาย 2 ชั้น จากนั้นจึงใช้วงจร NFB ลดเกนลงมา ทำให้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ต่ำลงมาก คิดว่าสามารถขับ LM3886 ได้อย่างไม่ปัญหาครับ

แล้วปรีที่น้า sansirn แจกผมมาเอามาต่อกับแอมป์หลอด แล้วอินพุตอิมพีแดนซ์กับเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ มันแม็ตกันไหมครับ  [unde_cided]
วงจรนี้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ต่ำประมาณ 1k สามารถต่อกับแอมป์หลอดได้สบายมากครับ เนื่องจากวงจรหลอดโดยทั่วไปมีอินพุตอิมพีแดนซ์ 100k ขึ้นไป ...แทบไม่เป็นภาระให้ปรีเลยครับ

แล้วหลอด 12au7 12ax7 พอที่จะทำ Buffer ได้หรือไม่ครับ
12AU7 ได้เลยครับ ..... แต่ 12AX7 คงไม่เหมาะเนื่องจาก Plate resistance สูง หากจะเอามาใช้ต้องทำวงจรหลายสเตทแล้วใช้ NFB ช่วยทำให้เอาต์พุตอิมพีแดนซ์ต่ำลงครับ