www.diyaudiovillage.net

DIY มือใหม่ , TIPS & TRICKS , R&D SECTION => DIY มือใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: tosa2k ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 02:11:01 PM

หัวข้อ: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: tosa2k ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 02:11:01 PM
คืองงๆครับ หาข้อมูลในgoogle ก็ยังไม่ชัดเจน อยากถามว่า

การไบแคป คืออะไรครับ ทำไปเพื่ออะไรครับ  มีหลักการทำอย่างไรครับ  [unde_cided]

ขอบพระคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: civicdotcom ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 02:58:54 PM
   ตอบแบบเท่าที่ผมรู้น่ะครับ  ถ้าไม่ถูก ท่านผู้รู้แก้ให้ด้วย
 คือ ไบแคป  ไบ แปลว่า สองครับ   แคป ย่อมาจาก capacitor
 ไบแคป แปลว่า การเอาซี 2 ตัวมาต่อขนานกัน เพื่อให้ได้ความจุตามต้องการครับ

  สมมุติว่าต้องการได้ค่าซี 10000uf  เราสามารถเอาซี ค่า 5000 uf  2ตัวมาต่อขนานกันแทนตัวเดียวได้ หรือจะเอา 8000 Uf ขนานกับ 2000 Ufก็ได้


ส่วนฟาร์มไบแคป (ไม่รู้มีหรือเปล่าน่ะครับ ) คือการนำซีหลายๆตัวมาขนานกัน เพื่อให้ได้ค่าตามต้องการ   

   ปกติซี จะเป็นตัวเก็บประจุครับ เมื่อถึงค่าที่ระบุมันก็จะคายประจุ  สมมุติซี 10000 uf  กว่ามันจะเก็บได้ครบหนึ่งหมื่นแล้วคลายประจุมันก็ช้า เลยเอาซีหลายตัวมาขนานกัน  โดยมีวัตถุประสงค์ให้เก็บประจุ คลายประจุเร็วขึ้น   ให้จิตนาการลูกโป่งใส่น้ำ  ลูกโป่งใหญ่ 1 ลูก จุน้ำได้ 1 ลิตร เทียบกับลูกโป่งเล็กจุน้ำได้ 100 ซีซี 10 ลูก    พอครบ 1 ลิตร ลูกโป่งใหญ่ค่อยแตก   ลูกโปร่งเล็ก 100 ซีซีก็แตกแล้ว   ลูกโป่งแตกก็เท่ากับการคลายประจุ

    ประโยชน์ทางเสียงก็คือ ความจุเยอะเวลาคลายประจุมันช้า เสียงมันก็เอื่ยๆ  ความจุน้อยก็คลายประจุเร็ว เสียงมันก็กระชับขึ้น


   ประมาณอย่างนี้หล่ะครับ ผมก็ไม่ค่อยเก่ง ตอบตามที่เข้าใจ  ไม่ถูกเดี๋ยวมีคนมาตอบแทนอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: civicdotcom ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:26:21 PM
 ผิดแล้วครับ ลูกโป่ง พอครบ 1 ลิตร
ลูกโปร่งใหญ่จะแตกแบบแรง ลูกโปร่งเล็กจะแตกแบบค่อยๆ  ไม่ใช่ลูกโปร่งเล็กแตกก่อน
ขอโทษครับให้ข้อมูลผิด  คิดไปคิดมา มันไม่ใช่
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:29:44 PM
ผิดแล้วครับ ลูกโป่ง พอครบ 1 ลิตร
ลูกโปร่งใหญ่จะแตกแบบแรง ลูกโปร่งเล็กจะแตกแบบค่อยๆ  ไม่ใช่ลูกโปร่งเล็กแตกก่อน
ขอโทษครับให้ข้อมูลผิด  คิดไปคิดมา มันไม่ใช่

มันจะเหมือน 1 ลิตรแตกน้ำก็ออกมาหมด 1 ลิตรละครับ .......

แต่ถ้าเอาลูกโป่ง 100 ซีซี 10 ลูก (=1 ลิตร)  พอมันแตกพร้อมๆๆกัน  น้ำก็ออมา 1 ลิตรเท่ากัน  แต่มันจะไหลออกมาหมดเร็วกว่าลูกใหญ่ 1 ลิตร 1 ลูก

ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ........

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: civicdotcom ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:32:54 PM
ผิดแล้วครับ ลูกโป่ง พอครบ 1 ลิตร
ลูกโปร่งใหญ่จะแตกแบบแรง ลูกโปร่งเล็กจะแตกแบบค่อยๆ  ไม่ใช่ลูกโปร่งเล็กแตกก่อน
ขอโทษครับให้ข้อมูลผิด  คิดไปคิดมา มันไม่ใช่

มันจะเหมือน 1 ลิตรแตกน้ำก็ออกมาหมด 1 ลิตรละครับ .......

แต่ถ้าเอาลูกโป่ง 100 ซีซี 10 ลูก (=1 ลิตร)  พอมันแตกพร้อมๆๆกัน  น้ำก็ออมา 1 ลิตรเท่ากัน  แต่มันจะไหลออกมาหมดเร็วกว่าลูกใหญ่ 1 ลิตร 1 ลูก

ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ........




    [clap hand2]  ใช่กว่าของผมอีก  ประมาณนี้หล่ะครับ 
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: ต่อภูเขียว ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:46:23 PM
ผมนึกว่าการไบแคปเป็นการเอาซีค่าเล็กๆต่อคร่อมกับซีตัวใหญ่เสียอีก ที่แท้คือการเอาซีมาขนานกันเพื่อให้ได้ค่าตามที่ต้องการนี่เอง
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:48:48 PM
ผมนึกว่าการไบแคปเป็นการเอาซีค่าเล็กๆต่อคร่อมกับซีตัวใหญ่เสียอีก ที่แท้คือการเอาซีมาขนานกันเพื่อให้ได้ค่าตามที่ต้องการนี่เอง

ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ  มันจะเรียก Bi-cap  กับ De-coupling ..........

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: civicdotcom ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:52:18 PM
ผมนึกว่าการไบแคปเป็นการเอาซีค่าเล็กๆต่อคร่อมกับซีตัวใหญ่เสียอีก ที่แท้คือการเอาซีมาขนานกันเพื่อให้ได้ค่าตามที่ต้องการนี่เอง

ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ  มันจะเรียก Bi-cap  กับ De-coupling ..........




เออ .. ชักไม่มั่นใจแล้วครับ  รอผู้รู้ดีกว่าน่ะครับ ของผมฟังผ่านๆก็พอ ลบความรู้ในหัวออกก่อนครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: jam_kung ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:55:30 PM
ไบแคป คือการ ขนานตัวเก็บประจุ ที่เป็นทางผ่านของสัญญาณ
จุดประสงค์หลัก ไม่ใช่เพื่อการเพิ่มค่านะครับ
ถึงแม้ว่า การขนาน จะทำค่าความจุโดยรวม สูงขึ้น
แต่จุดประสงค์หลัก คือเพื่อชดเชยหรือ หักล้าง คุณลักษณะทางไฟฟ้า ที่ขาด และ เกิน ของตัวเก็บประจุที่ใช้อยู่ต่างหาก

เนื่องจาก ในอุดมคติแล้ว ตัวเก็บประจุ มันควรจะให้สัญญาณผ่านตัวมันได้ตลอดทุกย่านความถี่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่
ตัวหนึ่ง ย่านสูงอาจจะขาดไปนิด เกินไปหน่อย
การเอา ตัวเก็บประจุ อีกตัว  มันจะช่วยชดเชย หรือ หักล้าง ส่วนที่ขาดๆ เกินๆไปได้

ลองคิดง่ายๆว่า  คนเรานั้นจะหา ทั้งสวย และเก่ง ในคนๆเดียวกันยาก
ทางออกคือ เราต้องมี สองบ้าน....เจ๊ยยยย   ไม่ใช่ล่ะ

เราจึงต้อง ขนาน ตัวเก็บประจุ ช่วย เข้าไปน่ะครับ

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: squid™ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:56:25 PM
ผมว่าน้าเค้าคงถามในตำแหน่ง ซีคับปลิ้งหรือเปล่าครับ  

อย่างในวงจรระบุมา 2.0uf เราก็ใส่ 2.0uf แล้ว แต่ยังนำ 0.005uf หรือ 0.1uf มาคร่อมเข้าไปเพิ่มน่ะครับ [unde_cided]


อ้า น้าแจมคุงตอบละเอียดไปซะล่ะ ผมตั้งไม่ให้มันเตือนเวลามีคนตอบกระทู้ เลยไม่เห็นข้อความของน้าแจม  laughhahaha
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 03:58:58 PM
ไบแคป คือการ ขนานตัวเก็บประจุ ที่เป็นทางผ่านของสัญญาณ
จุดประสงค์หลัก ไม่ใช่เพื่อการเพิ่มค่านะครับ
ถึงแม้ว่า การขนาน จะทำค่าความจุโดยรวม สูงขึ้น
แต่จุดประสงค์หลัก คือเพื่อชดเชยหรือ หักล้าง คุณลักษณะทางไฟฟ้า ที่ขาด และ เกิน ของตัวเก็บประจุที่ใช้อยู่ต่างหาก

เนื่องจาก ในอุดมคติแล้ว ตัวเก็บประจุ มันควรจะให้สัญญาณผ่านตัวมันได้ตลอดทุกย่านความถี่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่
ตัวหนึ่ง ย่านสูงอาจจะขาดไปนิด เกินไปหน่อย
การเอา ตัวเก็บประจุ อีกตัว  มันจะช่วยชดเชย หรือ หักล้าง ส่วนที่ขาดๆ เกินๆไปได้

ลองคิดง่ายๆว่า  คนเรานั้นจะหา ทั้งสวย และเก่ง ในคนๆเดียวกันยาก
ทางออกคือ เราต้องมี สองบ้าน....เจ๊ยยยย   ไม่ใช่ล่ะ

เราจึงต้อง ขนาน ตัวเก็บประจุ ช่วย เข้าไปน่ะครับ


ผมว่าน้าเค้าคงถามในตำแหน่ง ซีคับปลิ้งหรือเปล่าครับ 

อย่างในวงจรระบุมา 2.0uf เราก็ใส่ 2.0uf แล้ว แต่ยังนำ 0.005uf หรือ 0.1uf มาคร่อมเข้าไปเพิ่มน่ะครับ [unde_cided]

ครับ  อย่างผมจะเรียกว่าผมเสียง หรือปรุง เสียงด้วย C ด้วยการทำ Bi-cap ..........

เพราะเอา C ค่ามาก ค่าน้อย ที่มีมารวมกันให้ได้เสียงตามที่เราพอจะขอบนะครับ ...............


หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: civicdotcom ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 04:01:54 PM
ผมว่าน้าเค้าคงถามในตำแหน่ง ซีคับปลิ้งหรือเปล่าครับ  

อย่างในวงจรระบุมา 2.0uf เราก็ใส่ 2.0uf แล้ว แต่ยังนำ 0.005uf หรือ 0.1uf มาคร่อมเข้าไปเพิ่มน่ะครับ [unde_cided]


อ้า น้าแจมคุงตอบละเอียดไปซะล่ะ ผมตั้งไม่ให้มันเตือนเวลามีคนตอบกระทู้ เลยไม่เห็นข้อความของน้าแจม  laughhahaha


  ตอบละเอียดดีแล้วครับ  ผมจะได้ศึกษาไปด้วยครับ 

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: CreÃte_Lek ♫ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 04:06:59 PM
  ตอบแบบเท่าที่ผมรู้น่ะครับ  ถ้าไม่ถูก ท่านผู้รู้แก้ให้ด้วย
 คือ ไบแคป  ไบ แปลว่า สองครับ   แคป ย่อมาจาก capacitor
 ไบแคป แปลว่า การเอาซี 2 ตัวมาต่อขนานกัน เพื่อให้ได้ความจุตามต้องการครับ

  สมมุติว่าต้องการได้ค่าซี 10000uf  เราสามารถเอาซี ค่า 5000 uf  2ตัวมาต่อขนานกันแทนตัวเดียวได้ หรือจะเอา 8000 Uf ขนานกับ 2000 Ufก็ได้


ส่วนฟาร์มไบแคป (ไม่รู้มีหรือเปล่าน่ะครับ ) คือการนำซีหลายๆตัวมาขนานกัน เพื่อให้ได้ค่าตามต้องการ  

   ปกติซี จะเป็นตัวเก็บประจุครับ เมื่อถึงค่าที่ระบุมันก็จะคายประจุ  สมมุติซี 10000 uf  กว่ามันจะเก็บได้ครบหนึ่งหมื่นแล้วคลายประจุมันก็ช้า เลยเอาซีหลายตัวมาขนานกัน  โดยมีวัตถุประสงค์ให้เก็บประจุ คลายประจุเร็วขึ้น   ให้จิตนาการลูกโป่งใส่น้ำ  ลูกโป่งใหญ่ 1 ลูก จุน้ำได้ 1 ลิตร เทียบกับลูกโป่งเล็กจุน้ำได้ 100 ซีซี 10 ลูก    พอครบ 1 ลิตร ลูกโป่งใหญ่ค่อยแตก   ลูกโปร่งเล็ก 100 ซีซีก็แตกแล้ว   ลูกโป่งแตกก็เท่ากับการคลายประจุ

    ประโยชน์ทางเสียงก็คือ ความจุเยอะเวลาคลายประจุมันช้า เสียงมันก็เอื่ยๆ  ความจุน้อยก็คลายประจุเร็ว เสียงมันก็กระชับขึ้น


   ประมาณอย่างนี้หล่ะครับ ผมก็ไม่ค่อยเก่ง ตอบตามที่เข้าใจ  ไม่ถูกเดี๋ยวมีคนมาตอบแทนอ่ะครับ
         [clap hand2] [clap hand2] [clap hand2] ข้อดีอีกอย่างของการขนานแคป คือ ช่วยลด ESR รวมในระบบครับ ข้อเสียคือต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น  และ ตามที่น้าแจมว่ามาคือช่วย ชดเชยในส่วนที่ขาด และ ลดทอนในส่วนที่เกินครับ [yes-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: jam_kung ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 04:09:57 PM
อย่างเช่น ค่าที่ใช้เป้นหลักคือ 10 uf  เราฟังแล้ว  มันขาดแหลมไปหน่อย
ครั้นจะลดค่าลง เหลือ 4.7  มันก็ได้แหลม มานิดๆ  แต่ขาดทุ้ม อย่างที่ 10 uf มันให้ได้
ลองใส่  0.01 uf มันก็แหลมปรี๊ด จนไม่เหลือ กลาง+ทุ้ม
พอเอา สองตัวนี้มาขนากัน  แล้วมันได้เสียง ตามที่เราชอบ น่ะครับ


คือ ๆม่มีกฏ ตายตัว ว่า ถ้าใช้ 10 uf แล้ว ต้อง ไบแคป อีกเท่าไหร่
อาจจมีสูตรคำนวน  แต่ส่วนใหญ่ การคำนวน กับ การฟังจริง มันไปด้วยกันไม่ได้

ไบแคป มันอยู่ที่ สูตรใครก็สูตรคนนั้น
บางคน ชอบเสียง 10 uf  บางคนก็ไม่ชอบ

เหมือนกินก๋วยเ้ตี๋ยว ที่คนทุกคน ก็เติมเครื่องปรุง ไม่เท่ากัน
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: squid™ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 04:12:19 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 05:19:44 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]

ผมก็ยังหลงอยู่กับการจัดการผสมเสียง C อยู่ครับ และ จัดการกับภาคไฟสูงด้วย ...........ครับ ............

 laughhahaha laughhahaha laughhahaha [ninja-raccoon] [ninja-raccoon] [ninja-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: jinn ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 05:51:23 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]

+1 ( ผม...ถ้าจะคร่อม...ก็คร่อมให้ไฟเรียบ... หรือจำเป็น...จริง....จริง....ที่ต้องใข้เสริมจุดด้อย...มิใช่เปลี่ยนบุคลิก...ไปเลย..)
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: tosa2k ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 05:57:27 PM
ขอบพระคุณทุกๆท่านมากครับ  [res]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: alfa@ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 08:04:20 PM
เข้ามาจดครับกระทู้ดีๆ

 แล้วการอนุกรม C ที่เขาไม่ทำกันนั้นผลที่ได้ทางปฏิบัติเป็นอย่างไรมีใครเคยลองไหมครับ

 [confused-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: jam_kung ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:38:06 PM
เข้ามาจดครับกระทู้ดีๆ

 แล้วการอนุกรม C ที่เขาไม่ทำกันนั้นผลที่ได้ทางปฏิบัติเป็นอย่างไรมีใครเคยลองไหมครับ

 [confused-raccoon]


นี่สิ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่า ทำไม การไบแคป เราจึงเห็นแต่ เอาซีมา ขนาน กัน
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:43:52 PM
อนุกรมก็ทำนะครับ  เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนกระแสครับ แต่ค่า C ลดลงตามสูตรคำนวณครับ  และต้องใช้ R ค่ามากๆๆคร่อมไว้ครับ

เท่าที่เคยเห็นนะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: CreÃte_Lek ♫ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:47:03 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]
แล้วเคยลองเอาซีชนิดที่ลองแล้วชอบซอยค่าให้เท่ากับค่าในวงจรเทียบกัน ตัวเดียวโดดหรือเปล่าหล่ะ  การใส่ก็ใช่ว่ามีอะไรก็จะใส่เข้าไปได้ทั้งหมดไม่ว่าจะค่าเท่าไหร่นะครับ  ตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้การเลือกชนิดของซีที่จะใช้ เพราะบางจุดในวงจรคือ freq cut off ( R C filter circuit ) ตัดกว้างมากมาครบแบบทะเลาะกันมาก็จะหาดีไม่ได้เลย แคบมากก็โดดเด่นอยู่ย่านใดย่านหนึ่ง  ของอย่างนี้มันต้องลอง ครับคุณน้อง  [in-love-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: CreÃte_Lek ♫ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:47:50 PM
อนุกรมก็ทำนะครับ  เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนกระแสครับ แต่ค่า C ลดลงตามสูตรคำนวณครับ  และต้องใช้ R ค่ามากๆๆคร่อมไว้ครับ

เท่าที่เคยเห็นนะครับ
แล้วอนุกรม + ขนานล่ะ  ถ้ายังก็ลองซะครับพี่ท่าน tom  ไปทำงานละ  sadddddddddd...... [smi_ley]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:57:25 PM
อนุกรมก็ทำนะครับ  เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนกระแสครับ แต่ค่า C ลดลงตามสูตรคำนวณครับ  และต้องใช้ R ค่ามากๆๆคร่อมไว้ครับ

เท่าที่เคยเห็นนะครับ
แล้วอนุกรม + ขนานล่ะ  ถ้ายังก็ลองซะครับพี่ท่าน tom  ไปทำงานละ  sadddddddddd...... [smi_ley]



ยังไม่เคยลองเลย ...............5555
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 09:59:28 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]
แล้วเคยลองเอาซีชนิดที่ลองแล้วชอบซอยค่าให้เท่ากับค่าในวงจรเทียบกัน ตัวเดียวโดดหรือเปล่าหล่ะ  การใส่ก็ใช่ว่ามีอะไรก็จะใส่เข้าไปได้ทั้งหมดไม่ว่าจะค่าเท่าไหร่นะครับ  ตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้การเลือกชนิดของซีที่จะใช้ เพราะบางจุดในวงจรคือ freq cut off ( R C filter circuit ) ตัดกว้างมากมาครบแบบทะเลาะกันมาก็จะหาดีไม่ได้เลย แคบมากก็โดดเด่นอยู่ย่านใดย่านหนึ่ง  ของอย่างนี้มันต้องลอง ครับคุณน้อง  [in-love-raccoon]

ก็ลองคำนวณก่อนใส่เล่นๆๆ มั่ว ๆๆ .... แต่บางตัวใส่เพื่อลดเสียงกร้านใน C แบบ Electrolyte

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: cammer ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 10:10:02 PM
อนุกรมก็ทำนะครับ  เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนกระแสครับ แต่ค่า C ลดลงตามสูตรคำนวณครับ  และต้องใช้ R ค่ามากๆๆคร่อมไว้ครับ

เท่าที่เคยเห็นนะครับ
แล้วอนุกรม + ขนานล่ะ  ถ้ายังก็ลองซะครับพี่ท่าน tom  ไปทำงานละ  sadddddddddd...... [smi_ley]

เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมามีวารสารเครื่องเสียงดังๆในบ้านเราจับเครื่องเสียง..มาโมกัน..ขนาดว่าอินทิเกรตแอมป์แบนด์เนมทั้งเครื่องลงทุนถอด..R...และ..C..ที่มากับเครื่องออกทั้งหมดจนเกือบจะเหลือแผ่นปริ้นเปล่าๆแล้วเปลี่ยนของใหม่เข้าไป..ใส่..C.ตัวแพงๆแทน..และทำการไบแคปด้วย..C..ค่าน้อยๆขนานเข้าไป..ยุคนั้นจะพูดถึงเรื่องไบแคปกันมาก..แบบว่าฮิตสุดเลยก็ว่าได้.. [tremor-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: CreÃte_Lek ♫ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 10:12:52 PM
 เข้ามาสะกิดน้องเค้าครับ  ก่อนจะเข้าใจผิดวัตถุประสงค์ของการใช้งานไป (บางคนอาจดูงานผม แล้วทำตาม ผมบอกเลยว่ามันไม่มีสูตรสำเร็จของการปรุงแต่งเสียง เราทำ และ ทดสอบในสภาพที่แตกต่างย่อมส่งผลต่างกันครับ และ ทุกอย่างมีที่มา ที่ไปชัดเจน ไม่งั้นทุกคนคงก็อปเครื่องกันขายสนุกแน่)   หัวใจจริงๆของเสียงจะอยู่ที่วงจรเป็นหลัก แต่วิธีการเหล่านี้ไม่สามารถที่จะไปแก้ หรือ เปลี่ยนฐานเสียงเดิมได้  ผมขอเรียกว่าเกลาเสียงก็แล้วกัน เพื่อลดช่องว่าง หรือ ตัดทอนส่วนเกินออกไป เล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่บางครั้งของการทำสิ่งเล็กๆน้อยๆนั้นกลับทำให้ได้เสียงโดยรวมฟังดูสมบูรณ์ขึ้น หรือเปล่า    [yes-raccoon]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: squid™ ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 10:34:08 PM
ผมขอเสนอแนวคิดส่วนตัวนิดนึงนะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบนะ ไบแคปนี่ คิดอย่างน้าแจมเลย บางทีเป็นพวงเลยครับ ซ้อนๆกันเข้าไป (ในตำแหน่งคัปปลิ้งสัญญาณ) หลังจากลองจนพอใจแล้วว่านี่ล่ะ จุดที่พอดีล่ะ ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง ก็รู้สึกว่า เอ ทำไม เมื่อก่อนแผ่นนี้ฟัง มันไม่เคยมีอาการล้ำหน้า ในช่วงเสียงนี้หว่า ล่ะมันก็เป็นอยู่กับไม่กี่แผ่น แต่ก่อนหน้านี้ก็ฟังได้ปกติดี (อันนี้ฟังเองคิดเองน่ะครับ) ก็เลยสงสัยหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีกูรู กล่าวไว้ว่า (เว็บนอก ผมหาลิงค์มะเจอล่ะ) เค้าว่าบางครั้ง การทำแบบนี้ทำให้มันมีผลต่อการเลื่อนของเฟส คล้ายๆเวลาปรับ Treble Bass ที่ปรีแอมป์(ปรีผมไม่มี tone control)  มันก็สนับสนุนกับปัญหาที่กำลังพบเจอพอดี สุดท้ายเลยรื้อชุดซีออกหมด เริ่มใหม่ [phok]

วิธีของผมก็คือ ไม่ไบแคปมันล่ะ เอาซีตามค่าวงจรที่เราออกแบบไว้ตามเดิม แต่หาซีมาหลายๆยี้ห้อ ค่อยๆใส่ไปทีล่ะยี้ห้อ ไล่ฟังไปจนมันพ้นเบิน แล้วก็บันทึกรายระเอียดไว้ ไล่จนครบ แล้วก็เลือกตัวที่โอเคสำหรับเราที่สุด ซีที่ซื้อมาก็ต่างยี้ห้อไปบ้าง ยี้ห้อเดียวกันบ้าง ก็เอาเท่าที่ซื้อมาแล้วไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่าย แพงสุดที่ลองก็ jensen ถูกสุดก็ตัวล่ะ 5 บาท แต่ทุกตัวไม่มีอาการเหมือนที่กล่าวมาช่วงย่อหน้าแรกอีกสุดท้าย ซีเหลือบาน แต่สิ่งที่ได้มาคือ เลือกใช้คราวหน้าไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาอีกแล้วครับ [gr_in]

แต่หันไปจัดการกับภาคจ่ายไฟเพื่อแก้เสียงแทนคับ  [yes-raccoon]
แล้วเคยลองเอาซีชนิดที่ลองแล้วชอบซอยค่าให้เท่ากับค่าในวงจรเทียบกัน ตัวเดียวโดดหรือเปล่าหล่ะ  การใส่ก็ใช่ว่ามีอะไรก็จะใส่เข้าไปได้ทั้งหมดไม่ว่าจะค่าเท่าไหร่นะครับ  ตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้การเลือกชนิดของซีที่จะใช้ เพราะบางจุดในวงจรคือ freq cut off ( R C filter circuit ) ตัดกว้างมากมาครบแบบทะเลาะกันมาก็จะหาดีไม่ได้เลย แคบมากก็โดดเด่นอยู่ย่านใดย่านหนึ่ง  ของอย่างนี้มันต้องลอง ครับคุณน้อง  [in-love-raccoon]

เคยลองเหมือนกันครับพี่ เคยในตำแหน่ง 0.22uf ผมเอา 0.1uf มาสองตัวแทน แล้วก็ 0.01uf มาอีกสองตัว ปรากฎว่า มันเจี๋ยวจ๊าวไปหมด เลยลดเหลือ 0.1uf 2 ตัวแทน สุดท้ายลดเหลือตัวเดียว แต่เปลี่ยนเป็นยี้ห้ออื่นแทน ผมว่ามันแล้วแต่สถานการณ์ตามที่พี่เล็กว่าเลยครับ แต่สนุกดีครับ พลิกคว่ำพลิกงานหลายตลบเลย  [smi_ley]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: jinn ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 10:34:20 PM
ไปเจอ...มา น่าจะได้อะไรบ้าง

..........................

C Bicap  ถ้าเรามาดูค่า Capacitor Impedance  = XC = 2xPi(22/7) x F(Frequency)c (Capacitance in Farad)จะพบว่าที่ความถี่สูง นั้น การเอา Capacitor ค่าน้อยๆ
เช่น 0.01uF มาต่อขนานกับ Coupling Capacitor เช่น 0.2uF ค่า XC ของ C ตัวที่สองที่มาขนานกับตัวแรก จะมีค่าXc Impedance ที่ความถี่สูงต่ำ ทำให้ในบางครั้งสามารถช่วยให้เสียงความถี่สูงมีมากชึ้น หรือในบางครั้งดูเหมือนเปิดมากขึ้น  ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยูกับชนิดของ Capacitor ที่มา Bicap ด้วย โดยปกติ Polyester Capacitor , Poly Styrene Capacitor เหมาะมากในย่านความถี่สูงไม่มากนักเช่นความถี่เสียง  Ceramic Capacitor ก็เหมาะกับความถี่สูงแต่เนื่องจากคุณสมบัติขิงเซรามิค ไม่สามารถสร้าง
Capacitance ได้สูงมากนัก  ที่สูงสุดอาจมี Ceramic Capacitor ค่าสูงได้ถึง 0.01, 0.1uF แต่มักสู้การใช้ Polyester , Poly Styren Capacitor ไม่ได้  บางคนอาจะถามว่าแล้วเอา  Poly Propylene Foil 0.01 uF มา Bicap ตอบว่าก็ดีครับ เพียงแต่ราคาของมันแพงเกินไปและใช้ของไม่เหมาะกับ งาน

Noise Reduction Capacitor แบ่งได้คร่าวๆเป็นสองอย่าง  อย่างแรก เป็น X Capacitor , Y Capacitor โดยส่วนใหญ่ต่อด้าน Vac เช่น Transformer Primary
โดยส่วนใหญ่ชวยในกรณีย ของ AC Noise เนื่องจาก โดยส่วนใหญ่ = Propypropyrene Capacitor (ค่ามักจะไม่มาก) การทำงานก็ช่วย Varister ในการลด Vac Surge.
มี Poly Propylene Capacitor อีกชนิดที่เราใช้ด้าน Vdc โดยส่วนใหญ่ค่า 0.1uF เช่น Wima MKP Type ดังที่เห็นในรูปสีแดงที่ต้นกระทู้นี้ โดยส่วนใหญ่ Design Engineer
ใช้ poly Propylene Bicap Rectifier Capacitor(Electrolytic Capacitor) เพื่อช่วยในการ smoothing Vdc  ในกรณีย์ในการใช้ Polyester เช่น Wima MKS จะไม่ได้ประโยชน์เท่าไร (ถ้าสังเกตในรูป ซี ในรูปที่โพสlส่วนใหญ่เป็น MKP)  ถ้าน้องอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้หาอ่านได้ใน "NS" Audio Handbook volume 1 หนังสือเขียนมาสามสิบกว่าปีแล้ว มีตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ และยังเห็นที่ร้าน นัฐพงษ์ และร้าน Electronics Source ที่กรุงเทพ พอขออ่านได้

ส่วน C ค่าน้อยๆต่อคร่อม Rectifier Diode เพื่อลด Rectification switch Noise ได้มีคนตอบไปแล้ว  แต่ขอเพิ่มว่าการต่ออย่างนี้ ส่วนใหญ่ใช้ในภาคจ่ายไฟสูงๆเป็นหลายร้อยโวลต์ หรือหลายพันโวลต์ เนื่องจาก เมื่อไฟสูงขึ้น Switch Noise ก็สูงขึ้นมากจนขาดจะทำลาย ไดโอดตัวนั้น ในภาคไฟสูง

เครดิต : คุณ Tube Collector

http://www.htg2.net/index.php?topic=68395.0
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 11:54:12 PM
ไปเจอ...มา น่าจะได้อะไรบ้าง

..........................

C Bicap  ถ้าเรามาดูค่า Capacitor Impedance  = XC = 2xPi(22/7) x F(Frequency)c (Capacitance in Farad)จะพบว่าที่ความถี่สูง นั้น การเอา Capacitor ค่าน้อยๆ
เช่น 0.01uF มาต่อขนานกับ Coupling Capacitor เช่น 0.2uF ค่า XC ของ C ตัวที่สองที่มาขนานกับตัวแรก จะมีค่าXc Impedance ที่ความถี่สูงต่ำ ทำให้ในบางครั้งสามารถช่วยให้เสียงความถี่สูงมีมากชึ้น หรือในบางครั้งดูเหมือนเปิดมากขึ้น  ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยูกับชนิดของ Capacitor ที่มา Bicap ด้วย โดยปกติ Polyester Capacitor , Poly Styrene Capacitor เหมาะมากในย่านความถี่สูงไม่มากนักเช่นความถี่เสียง  Ceramic Capacitor ก็เหมาะกับความถี่สูงแต่เนื่องจากคุณสมบัติขิงเซรามิค ไม่สามารถสร้าง
Capacitance ได้สูงมากนัก  ที่สูงสุดอาจมี Ceramic Capacitor ค่าสูงได้ถึง 0.01, 0.1uF แต่มักสู้การใช้ Polyester , Poly Styren Capacitor ไม่ได้  บางคนอาจะถามว่าแล้วเอา  Poly Propylene Foil 0.01 uF มา Bicap ตอบว่าก็ดีครับ เพียงแต่ราคาของมันแพงเกินไปและใช้ของไม่เหมาะกับ งาน

Noise Reduction Capacitor แบ่งได้คร่าวๆเป็นสองอย่าง  อย่างแรก เป็น X Capacitor , Y Capacitor โดยส่วนใหญ่ต่อด้าน Vac เช่น Transformer Primary
โดยส่วนใหญ่ชวยในกรณีย ของ AC Noise เนื่องจาก โดยส่วนใหญ่ = Propypropyrene Capacitor (ค่ามักจะไม่มาก) การทำงานก็ช่วย Varister ในการลด Vac Surge.
มี Poly Propylene Capacitor อีกชนิดที่เราใช้ด้าน Vdc โดยส่วนใหญ่ค่า 0.1uF เช่น Wima MKP Type ดังที่เห็นในรูปสีแดงที่ต้นกระทู้นี้ โดยส่วนใหญ่ Design Engineer
ใช้ poly Propylene Bicap Rectifier Capacitor(Electrolytic Capacitor) เพื่อช่วยในการ smoothing Vdc  ในกรณีย์ในการใช้ Polyester เช่น Wima MKS จะไม่ได้ประโยชน์เท่าไร (ถ้าสังเกตในรูป ซี ในรูปที่โพสlส่วนใหญ่เป็น MKP)  ถ้าน้องอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้หาอ่านได้ใน "NS" Audio Handbook volume 1 หนังสือเขียนมาสามสิบกว่าปีแล้ว มีตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ และยังเห็นที่ร้าน นัฐพงษ์ และร้าน Electronics Source ที่กรุงเทพ พอขออ่านได้

ส่วน C ค่าน้อยๆต่อคร่อม Rectifier Diode เพื่อลด Rectification switch Noise ได้มีคนตอบไปแล้ว  แต่ขอเพิ่มว่าการต่ออย่างนี้ ส่วนใหญ่ใช้ในภาคจ่ายไฟสูงๆเป็นหลายร้อยโวลต์ หรือหลายพันโวลต์ เนื่องจาก เมื่อไฟสูงขึ้น Switch Noise ก็สูงขึ้นมากจนขาดจะทำลาย ไดโอดตัวนั้น ในภาคไฟสูง

เครดิต : คุณ Tube Collector

[url]http://www.htg2.net/index.php?topic=68395.0[/url]


ขอบพระคุณนะครับ  ที่ให้เครดิต คุณอา TC ............Tube Collector .......... [res] [res] [clap hand2] [clap hand2] [clap hand2] [g-o-o-d] [g-o-o-d] [g-o-o-d] [g-o-o-d]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: audiomania ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 10:21:36 AM
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมามีวารสารเครื่องเสียงดังๆในบ้านเราจับเครื่องเสียง..มาโมกัน..ขนาดว่าอินทิเกรตแอมป์แบนด์เนมทั้งเครื่องลงทุนถอด..R...และ..C..ที่มากับเครื่องออกทั้งหมดจนเกือบจะเหลือแผ่นปริ้นเปล่าๆแล้วเปลี่ยนของใหม่เข้าไป..ใส่..C.ตัวแพงๆแทน..และทำการไบแคปด้วย..C..ค่าน้อยๆขนานเข้าไป..ยุคนั้นจะพูดถึงเรื่องไบแคปกันมาก..แบบว่าฮิตสุดเลยก็ว่าได้.. [tremor-raccoon]
แบบนั้นคือการลองของ "ตามความเชื่อ เขาเล่าว่า"
แต่การเอาอุปกรณ์เปลี่ยนลงไปรวดเดียวทั้งหมด รับรองว่าหลงทางแน่นอน เพราะอุปกรณ์แต่ละตัวมันให้เสียงที่เป็นบุคลิกที่ต่างกันครับ

บางตัวเถรตรง เรียบๆ ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง
บางตัวแอ๊บ เติมแหลม เติมกลางหน่อย
บางตัวก็เบสเพียบ แต่ทำให้ปลายแหลมลด
บางตัวก็จัดแสบๆ มาให้

ความสำคัญของการจูนและโม คือ "จัดสรรให้พอเหมาะและเลือกผสมให้เข้าที่" ตามความต้องการ ความชอบที่เราต้องการได้ลงตัวที่สุด
แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นการยำรวมของอุปกรณ์ที่คิดว่าดี เท่านั้น
เพราะของดี ที่ดีกว่า คือของดีที่เลือกมาใช้ได้ถูกงาน ถูกตำแหน่ง

อีกอย่าง ตัวเก็บประจุต่างก็มีคุณสมบัติที่วัดได้ทางไฟฟ้าตั้งแต่ Capacitance, Xc , ESL, ESR, DF, DA ฯลฯ ซึ่งค่าเหล่าเองทำให้การตอบสนองความถี่ตลอดย่าน 1-100kHz ใน C แต่ละตัวมีคุณสมบัติต่างกัน
แต่ที่สนุก(งง) กว่านั้นคือ ถ้าเราทดลองป้อนสัญญาณผสมรูปคลื่นหลายๆความถี่ และทดสอบที่ความแรงไม่เท่ากัน การตอบสนองสัญญาณในแต่ละความถี่จะไม่ได้ขยายตามอัตราส่วนสัญญาณแบบเชิงเส้นตรงซะด้วย แต่มันทำให้ C แต่ละตัวค่อนข้างมีลายเซ็นต์เป็นของตนเองครับ  [smi_ley]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: CreÃte_Lek ♫ ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 10:35:05 AM
 น้าแว่น เคยทดสอบการผ่านความถี่ของ ซี ด้วย audio analyzer spectrum หรือไม่ครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: TOM ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 11:42:36 AM
น้าแว่น เคยทดสอบการผ่านความถี่ของ ซี ด้วย audio analyzer spectrum หรือไม่ครับ

การทดสอบด้วยเครื่องพวกนี้มันช่วยบอกลักษณะเสียงได้มากน้อยแค่ไหนครับ .............

หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: audiomania ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 04:10:28 PM
น้าแว่น เคยทดสอบการผ่านความถี่ของ ซี ด้วย audio analyzer spectrum หรือไม่ครับ
เอ่อ.. ยังไม่มีเครื่องนี้ครับ (ถ้ามีนะ ผมทำสเปคเครื่องเสียงละเอียด ส่งมาตรฐาน สมอ. ได้เลย นั่นก็ทำขายจริงจังแว้ว..) [c--c]

แต่เคยลองเอา Signal Gen. เปิด แล้ววัดสโคปดู เก็บเป็นตารางใน Excel พล็อตกราฟความถี่ดูแล้วครับ
ทำไล่ตั้งแต่ 1-100kHz ที่ 1mV.
แล้ววนทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ขยับเป็นที่ความแรง 10mV, 100mV, 1V.
ผลที่ได้ ค่ามันไม่ได้เป็นอัตราส่วนตามความแรง และไม่เท่ากันในทุกความถี่ครับ [gr_in]

และ C แต่ละตัวก็ได้กราฟที่ว่าหน้าตาไม่เหมือนกันด้วย [roll-eyes]
หัวข้อ: Re: สอบถาม การไบแคป
เริ่มหัวข้อโดย: woody ที่ 29 สิงหาคม 2012, 09:38:57 PM
เคยอ่านผ่านตาว่าให้เอา C ตัวเล็กคิดประมาณ 20% ของC ตัวใหญ่เอามาคร่อมเข้าไปครับ ได้ผลเป็นยังไงส่วนตัวยังไม่เคยลอง  [c--c]
แต่เคยลองช๊อต C ที่อยู่ในทางเดินสัญญาณ เสียงที่ได้ต่างกับการต่อช๊อตโดยไม่มี C  [gr_in]