www.diyaudiovillage.net
DIY มือใหม่ , TIPS & TRICKS , R&D SECTION => Loudspeakers => ข้อความที่เริ่มโดย: pnserver ที่ 16 ตุลาคม 2012, 03:40:29 PM
-
[c--c]ได้ดอกลำโพง Wavecor WF138WA01 + TW030WA01 4 ohm + ตู้ มา 1 คู่ รบกวนน้าๆ ช่วยออกแบบ passive ใส่หน่อยครับ เคยทำแต่ 8 ohm ได้ 4 ohm มาเลย งง [roll-eyes]
-
ที่แอมป์มีแทป 4 โอม ไม๊คับ ถ้ามีค่อยเดินหน้าต่อ
แต่เรื่องพาสซีฟนี่ ถามพี่ใหญ่ครีเอเต้ ดีที่สุดคับ สำหรับเวปคอร์ชุดนี้
-
[gr_in]amp เป็น Magnet SA-5 ครับ ขับได้ 4-8 ohm ตอนนี้ ลองใช้ จุดตัดที่ 3K แบบพื้นๆ ก่อน
-
ตัว 4 โอม 2nd order จะโดนกว่าละคับน้า [heyheypig445]
ตัดต่ำ ได้ตรงจายเลยคับ ตัวแหลมกวาดลงมาเก็บได้
-
ตัว 4 โอม 2nd order จะโดนกว่าละคับน้า [heyheypig445]
ตัดต่ำ ได้ตรงจายเลยคับ ตัวแหลมกวาดลงมาเก็บได้
ขอบคุณครับ เดี๋ยวก็เปลี่ยน ครับ เป็น 2nd 12dB 3-2-1-raccoon ลองฟังแบบบ้านๆ ให้เข้าหูซักพัก จะได้เห็นความแตกต่าง
-
1. ห้องที่จะใช้ฟัง
2. ความชอบในเพลงและดนตรีที่จะฟัง เพลงร้อง ดนตรีน้อยชิ้นมากที่สุด เพลงช้าเพลงเร็ว ชอบอิมเมจชัดมากๆ หรือฟังเพลงทั่วไป
3. สเปคดอกลำโพงเอามากางดูกันก่อน
4. จะได้รูปแบบของพาสสีพครอสครับ
-
1. ห้องที่จะใช้ฟัง
2. ความชอบในเพลงและดนตรีที่จะฟัง เพลงร้อง ดนตรีน้อยชิ้นมากที่สุด เพลงช้าเพลงเร็ว ชอบอิมเมจชัดมากๆ หรือฟังเพลงทั่วไป
3. สเปคดอกลำโพงเอามากางดูกันก่อน
4. จะได้รูปแบบของพาสสีพครอสครับ
ตู้ที่ได้มาเป็น ตู้ไม้ MDF 12mm 150x230x280 mm ท่ออยู่ด้านหลัง แนวการฟังทั่วไปครับ ไม่เน้นดนตรีเร็วๆ ครับ
-
อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ
จากสเปค พอจะคลำได้ดังนี้นะครับ
ดูเสียงทุ้มก่อน ค่า Q รวม = .43 ทำตู้เปิดถูกต้องแล้ว
เร็คคอมเมนจุดตัด ไม่เกิน 3500 Hz ถือว่า ออกแบบมาเน้นเรื่องเสียงร้อง ฟังเพลงแนวแจ๊ซ เสียงชัดเจนดีมาก
ค่าอินดักแต๊นซ์วอยซ์คอยล์ 0.16 mH ซึ่งจะเรียกว่ามีอยู่ในลำโพงเกรดดี แทบไม่ต้องใช้ขดลวด (L) มาช่วยทำฟิลเตอร์ ( ถ้าฟังเพลงทั่วๆ ไป )
พรุ่งนี้มาคุยแบบสนุกต่อนะครับ ผมนอนเร็ว บางวันทุ่มก้อหลับแล้วครับ
-
อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ
จากสเปค พอจะคลำได้ดังนี้นะครับ
ดูเสียงทุ้มก่อน ค่า Q รวม = .43 ทำตู้เปิดถูกต้องแล้ว
เร็คคอมเมนจุดตัด ไม่เกิน 3500 Hz ถือว่า ออกแบบมาเน้นเรื่องเสียงร้อง ฟังเพลงแนวแจ๊ซ เสียงชัดเจนดีมาก
ค่าอินดักแต๊นซ์วอยซ์คอยล์ 0.16 mH ซึ่งจะเรียกว่ามีอยู่ในลำโพงเกรดดี แทบไม่ต้องใช้ขดลวด (L) มาช่วยทำฟิลเตอร์ ( ถ้าฟังเพลงทั่วๆ ไป )
พรุ่งนี้มาคุยแบบสนุกต่อนะครับ ผมนอนเร็ว บางวันทุ่มก้อหลับแล้วครับ
ขอบคุณครับ เดี๋ยวคืนนี้ลองดู
-
[gr_in] ตอนนี้ เปลี่ยมาใช้ 2nd order 12dB ด้านเสียงแหลม และ ปรับจุดตัดลงมาที่ 2800 Hz ผลที่ได้เสียงร้องไพเราะขึ้นอีก เกือบถูกใจแล้ว 3-2-1-raccoon พึ่งเคยจับ ลำโพง Wavecor ครั้งแรกจูนเสียงง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย 3-2-1-raccoon
-
คราวนี้มาลูบคลำทางเสียงแหลมบ้าง
ผมจะดูความไวของทวีทเตอร์ก่อน 94 dB ซึ่งมากกว่า ดอกเสียงทุ้ม 89 dB ถึง 4.5 dB
คงต้องพึ่งวงจรเล็กๆ ลดทอนลงมา การคำนวณมีสูตรสำเร็จหาได้ทั่วไปไม่ยากนักครับ แล้วค่อยสรุปอีกที
ตู้ลำโพงจะให้เสียงเพราะหรือไม่นั้น ดอกทวีทเตอร์มีส่วนสำคัญเกินครึ่งเลยไปมากๆ ครับ
เมื่อจุดตัดลดลงมาอยู่ที่ 2800 Hz เสียงกลางจะเด่นชัดขึ้นฟังดูเพราะ แต่จะไปขี่เสียงเบสลง
ความสมดุลเสียงทั้งสามย่านความถี่ ต่ำ กลาง สูง จะไม่เป็นไปตามธรรมชาติครับ
อีกอย่างคือ ณ จุดตัดที่ 2800 Hz ขึ้นไปทางด้านฟิลเตอร์ย่านความถี่สูง
จะเกิดปรากฏการณ์ทำให้ Imedance ของดอกลำโพงจะสูงขึ้นตามความถี่ที่สูงขึ้น
ตรงนี้ต้องใช้ Small Circuit ที่เรียกว่า Notch Filter ( C L R ) มาช่วยบายพาส เพื่อให้อิมพีแด๊นซ์ของทวีทเตอร์ Stable ครับ
ไม่งั้นจุดตัดจะสวิงเนื่องจาก ค่าความต้านทานลำโพงเปลี่ยนไป
ทางด้านดอกเสียงทุ้มก็เหมือนกัน แต่เราเรียกวงจรเล็กนี้ว่า Zobel Filter มาปรับอิมพีแดนซ์ให้คงที่ครับ
ป.ล. วงจรเล็กที่ว่า ( Notch กับ Zobel ) จะมีทั้ง 2 แบบ คือ ต่อแบบขนาน และต่อ แบบอนุกรม กับ วงจรพาสสีพนะครับ
-
ในเรื่องของ "เสียง" มีพื้นฐานอยู่ 10 เรื่องที่ควรรู้ไว้บ้าง ขออนุญาตข้ามไปนะครับ เรียนกันเป็นเทอมเลย
ไว้จะหาโอกาสเรียบเรียงมาให้อ่านกัน
หนึ่งสองสามในสิบนั้นเราสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ครับ
มาว่ากันถึงเรื่อง Octave หรือเสียงคู่ 8
โด เร มี ฟา ซอล ลา ที และ โด
คลื่นความถี่ที่คนเราได้ยิน 20 - 20000 Hz แบ่งออกเป็น 10 Octave
ดูไปก่อนนะครับข้ามความสงสัยไป
20 - 20000 = 10 Octave
20 640 20000
20 200 2000 20000 ขึ้นทีละ 10 เท่า
เสียงคนร้องซึ่งถือว่าเป็นเสียงกลางที่เพราะที่สุด จะได้ยินชัดเจนที่สุดที่ ประมาณ 1000Hz
เสียงผู้ชายจะลงต่ำกว่านิดหน่อย และเสียงผู้หญิงจะขึ้นสูงอีกนิดหน่อย
เสียงดนตรีเกือบทุกชนิด จะเริ่มที่ ประมาณ 250 - 7000 Hz โดยประมาณนะครับ
ต่อไป มีอีกสองตัวคือ ความดัง (Decibel Scale ) เรื่องของเวลา ( Phase )
ทั้งนี้เพราะ หู คนเรามีสองข้าง การรับรู้การได้ยินจากแหล่งกำเนิดเสียง จะได้ทั้งความดัง และ เวลา ไม่เท่ากันครับ
มาถึงจุดนี้ถึงอยากทราบว่าความต้องการลำโพงนั้น เน้นการฟังเสียงแบบไหน
ถ้าการฟังทั่วๆ ไปจะง่ายขึ้นมาก แต่ถ้าต้องการเน้นจริงจังแบบเอาลำโพงไปใช้งานในสตูดิโอ หรือเอาไปใช้ในการทดสอบเสียงเพลง
หรือต้องการฟังเอาเป็นเอาตายแบบออดิโอฟายล์จึงมีหลักในการคิดต่างกันครับ
-
[c--c] กำลังจดตามครับ ต่อได้เลยครับ
-
เสียงที่คนเราได้ยินนั้น ประกอบด้วยดังนี้ครับ
1. เสียงพยัญชนะ เป็นตัวกำหนดทิศทาง
2. เสียงสระ เป็นตัวกำหนดความดัง
3. เสียงวรรณยุกต์ คือเสียงสูงเสียงต่ำ เป็นตัวกำหนดเสียงดนตรี
เสียงร้องเพลงก้อเป็นเสียงดนตรี มีเสียงสูงมีเสียงต่ำ
เสียงดนตรีมี 8 ขั้นคู่คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด
ถ้าเรากำหนดให้ Octave ที่หนึ่งหรือ Octave แรก = 200
Octave ที่สองจะเพิ่มเป็นหนึ่งเท่าเสมอ
200 - 400 - 800 - 1600 - 3200 Hz ดูแล้วไม่เหมาะสมเท่าไรในการเลือกจุดตัด
ทว่า ผมเชื่อของผมอย่างนี้ ว่า
ทีมงานออกแบบ หรือ Sound Engineer ของบริษัท เจบีแอล นั้น
แบ่งออกเป็นหลายทีม เพื่อทำการออกแบบลำโพงแต่ละรุ่นให้ขายได้ตามกระแสความต้องการของตลาด
ในแต่ละทีมย่อมมีนักฟิสิกส์ปะปนอยู่ นักฟิสิกส์นี่ละตัวดีที่ทำให้เทคโนโลยี่เรื่องลำโพงสนุกขึ้น
กรวยดอกลำโพงที่ขยับเข้าออกเมื่อมีกระแสไฟฟ้าสลับไหลผ่าน
เป็นการสั่นหรือการเคลื่อนที่แบบฮาร์โมนิกอย่างง่าย ( Simple Harmonic Motion )
คือการที่วัตถุเคลื่อนที่กลับไปมาซ้ำรอยเดิมโดยผ่านตำแหน่งสมดุล
ให้นึกถึงการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาครับ จากจุดเริ่มต้นกลับมาที่เดิมเรียกว่า
สั่นครบ 1 รอบ
การสั่นที่ว่าในตู้ลำลำโพงไม่ว่าจะเป็นตู้แบบไหน
ก็จะเกิดการสั่นพ้อง ( Resonance ) ขึ้น กฎของนิวตันจะมาช่วยในส่วนนี้ครับ จะไม่ขออธิบายเพิ่มเดี๋ยวยาว
ที่ผมสังเกตุ พาสสีพของ บริษัทเจบีแอล มักจะละม้ายคล้ายเหมือนกันตรงที่
เอา Octave ที่ 1 ที่ 500 Hz
เห็นได้จาก ลำโพง VOTT หรือ Voice Of The Theatre
500 - 1000 - 2000 - 4000 - 8000 Hz
กลับมาที่ โปรเจ็คที่จะทำนะครับ
ทวีทเตอร์ ลงต่ำได้เท่ากับ 2000 Hz เสียงทุ้มขึ้นสูงที่ 3500 Hz
จุดตัดพาสสีพสำหรับตู้ลำโพงโปรเจ็คนี้จึงอยู่ระหว่าง 2000 - 3500 Hz
จะเลือกให้พอเหมาะพอดี เข้าตาเข้าหูกรรมการ มีสองอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ
ห้องที่ใช้ฟัง กับ คนที่ฟังดนตรีฟังเพลง ครับ
ทั้งนี้ตู้ลำโพงที่แท้จริงคือ ห้องที่ใช้ฟัง
เพราะของแท้คือ มวลของอากาศ ภายในห้อง
ที่สั่นนับเนื่องจากต้นกำเนิดคือกรวยดอกลำโพงขยับเข้าออก
และเดินทางมาให้หูรับรู้ ส่งสัญญาณพลังงานผ่านเส้นประสาท ผ่านตัวคอนเวอร์เตอร์ให้สมองเข้าใจ
ผมนั้นเชื่อมานานแล้วครับ ว่า สมองมนุษย์นั้น ทำงานแบบดิจิตัล ไม่ใช่อนาล็อก
แต่เป็นดิจิตัลที่ลำหน้ากว่าดิจิตัลที่เราเข้าใจในปัจจุบันนับเป็นล้านเท่านะครับ
ชักฝอยมันขึ้นแฮะ เอาสนุกนะครับอย่าเพิ่งเชื่อ และอย่าเพิ่งเบื่อ
และผมพอจะอนุมานได้ว่า น่าจะมีหลายคำถามตามมา ยินดีตอบแบบลูกทุ่งครับผม
-
[c--c] อันนี้ วงจรที่ใช้จริงครับ หาของเท่าทีมีอยู่ เสียงตอนนี้เหมือนถูกใจครับ ฟัง Kenny G Live HD , FEEL CLASSIC ,Marantz 14th Edition , Jennifer Warnes - The Hunter 24K Gold Edition , บรรเลงขิม ของไทย
-
คราวนี้มาลูบคลำทางเสียงแหลมบ้าง
ผมจะดูความไวของทวีทเตอร์ก่อน 94 dB ซึ่งมากกว่า ดอกเสียงทุ้ม 89 dB ถึง 4.5 dB
คงต้องพึ่งวงจรเล็กๆ ลดทอนลงมา การคำนวณมีสูตรสำเร็จหาได้ทั่วไปไม่ยากนักครับ แล้วค่อยสรุปอีกที
ตู้ลำโพงจะให้เสียงเพราะหรือไม่นั้น ดอกทวีทเตอร์มีส่วนสำคัญเกินครึ่งเลยไปมากๆ ครับ
เมื่อจุดตัดลดลงมาอยู่ที่ 2800 Hz เสียงกลางจะเด่นชัดขึ้นฟังดูเพราะ แต่จะไปขี่เสียงเบสลง
ความสมดุลเสียงทั้งสามย่านความถี่ ต่ำ กลาง สูง จะไม่เป็นไปตามธรรมชาติครับ
อีกอย่างคือ ณ จุดตัดที่ 2800 Hz ขึ้นไปทางด้านฟิลเตอร์ย่านความถี่สูง
จะเกิดปรากฏการณ์ทำให้ Imedance ของดอกลำโพงจะสูงขึ้นตามความถี่ที่สูงขึ้น
ตรงนี้ต้องใช้ Small Circuit ที่เรียกว่า Notch Filter ( C L R ) มาช่วยบายพาส เพื่อให้อิมพีแด๊นซ์ของทวีทเตอร์ Stable ครับ
ไม่งั้นจุดตัดจะสวิงเนื่องจาก ค่าความต้านทานลำโพงเปลี่ยนไป
ทางด้านดอกเสียงทุ้มก็เหมือนกัน แต่เราเรียกวงจรเล็กนี้ว่า Zobel Filter มาปรับอิมพีแดนซ์ให้คงที่ครับ
ป.ล. วงจรเล็กที่ว่า ( Notch กับ Zobel ) จะมีทั้ง 2 แบบ คือ ต่อแบบขนาน และต่อ แบบอนุกรม กับ วงจรพาสสีพนะครับ
เราจำเป็นต้องใส่ ทุกกรณีเปล่าครับ
-
ขอถามนิดครับ Zobel Filter ต้องใส่ทั้ง TW และ WF หรือเปล่าครับ
-
ขอถามนิดครับ Zobel Filter ต้องใส่ทั้ง TW และ WF หรือเปล่าครับ
ที่เห็นบ่อยๆ จะใส่ WF คัรบเสี่ย
-
ขอถามนิดครับ Zobel Filter ต้องใส่ทั้ง TW และ WF หรือเปล่าครับ
ที่เห็นบ่อยๆ จะใส่ WF คัรบเสี่ย
ถูกต้องครับ Zobel Filter จะใช้กับ LPF ( Low Pass Filter )
ส่วน Notch Filter ใช้กับ HPF
-
[gr_in] เราต้องใส่ R เพื่อปรับ ความต้านทาน ขาเข้า ด้าน WF ด้วยเปล่าครับ เพราะ ลำโพงผม มัน 4ohm
-
ฟามคิดผม ว่าไม่ต้องใส่ R ที่ WF คับน้า
ถ้ากลางมากไป ผมน่าจะว่าลด R ที่ Tweeter ละคับ [pig90102]
-
ฟามคิดผม ว่าไม่ต้องใส่ R ที่ WF คับน้า
ถ้ากลางมากไป ผมน่าจะว่าลด R ที่ Tweeter ละคับ [pig90102]
ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือตอนนี้ power amp มันร้อนๆ กว่าปกติเยอะ แล้วฟังเหมือนปลายเสียง จะแตกๆ ก็เลยสงสัยมันรับโหลดมากไปหรือเปล่า เลยเสียงแตกๆ
-
[roll-eyes]
ฟามคิดผม ว่าไม่ต้องใส่ R ที่ WF คับน้า
ถ้ากลางมากไป ผมน่าจะว่าลด R ที่ Tweeter ละคับ [pig90102]
ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือตอนนี้ power amp มันร้อนๆ กว่าปกติเยอะ แล้วฟังเหมือนปลายเสียง จะแตกๆ ก็เลยสงสัยมันรับโหลดมากไปหรือเปล่า เลยเสียงแตกๆ
เจอตัวปัญหาแล้วครับ คือ power amp ผม ตั้งกระแสไว้ไม่ดีเอง พอมาใช้กับโหลด 4 ohm แล้วเสียงแตก ตอนนี้ตั้งไว้ตาม เสป็ค ของ Magnet SA-5 คือ กระแสสงบ ประมาณ 20mA อาการดังกล่าวหายขาดเลยครับ
-
เผอิญผมความรู้เรื่องอีเล็คโทรนิคผมแต่งูกับปลาเดินสวนทางกัน
พอเจอแอมป์มีอาการไข้ขึ้นสูง พาให้ผมถึงทางตันไปไม่ถูกเลยครับ เลยนอนดีกว่า
เช้า ตื่น มา เจอกระแสสงบ และกระแสพายุ แอมป์สบายดีแล้ว
แต่ผมต้องมาตั้งสติผ่าทางตันต่อไป
-
เผอิญผมความรู้เรื่องอีเล็คโทรนิคผมแต่งูกับปลาเดินสวนทางกัน
พอเจอแอมป์มีอาการไข้ขึ้นสูง พาให้ผมถึงทางตันไปไม่ถูกเลยครับ เลยนอนดีกว่า
เช้า ตื่น มา เจอกระแสสงบ และกระแสพายุ แอมป์สบายดีแล้ว
แต่ผมต้องมาตั้งสติผ่าทางตันต่อไป
ตามนี้เลยครับ http://www.diyaudiovillage.net/index.php?topic=9280.0
-
[c--c] อันนี้ วงจรที่ใช้จริงครับ หาของเท่าทีมีอยู่ เสียงตอนนี้เหมือนถูกใจครับ ฟัง Kenny G Live HD , FEEL CLASSIC ,Marantz 14th Edition , Jennifer Warnes - The Hunter 24K Gold Edition , บรรเลงขิม ของไทย
จบแล้วครับ ตอนนี้ ฟังมา 1 วันเต็ม เปลี่ยน C จาก 10uf เป็น 8.2 uf หายเหนื่อยเลยกับเสียงที่ได้