www.diyaudiovillage.net
Source & Line amp & Amplifier Project ผลงาน DIY => Solid State => ข้อความที่เริ่มโดย: su ที่ 09 กันยายน 2011, 09:31:19 AM
-
ไม่ทราบว่าแนวเสียงแอมป์ทั้งสองผมจะเลือก DIY ตัวไหนช่วยแนะนำหน่อยครับ ผมฟังเพลงทั่วๆ ไป (แนวเก่าๆ ลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ประมาณนั้นครับ) [unde_cided] [unde_cided] [unde_cided] [c--c] [c--c] [c--c]
-
เกนโคลนได้ความสดใส กระฉับกระเฉง ส่วน OTL จะได้รายละเอียดและความเนียนครับ...
-สร้างง่าย งบไม่แรง ใช้กับลำโพงไม่ใหญ่มาก เบสกระชับ กลางแหลมเคลียร์ ฟังเพลงสนุก ....... เลือกเกนโคลน
-สร้างยากขึ้นมาอีกหน่อย ไม่เกี่ยงลำโพง อิมแพคดี หัวเบสหัวโน๊ตโดดเด่น กลางมีรายละเอียด+เนียน แหลมทอดตัวไปได้ไกล ฟังสบายได้รายละเอียด .... เลือก OTL
-
ผมว่านะ ควรทำติดบ้านไว้ทั้ง 2 ตัวนั่นแหละ ไม่ทำ แล้วทีหลังจะมานึกเสียใจนะ ซิบอกไห่ Vo
-
ผมว่านะ ควรทำติดบ้านไว้ทั้ง 2 ตัวนั่นแหละ ไม่ทำ แล้วทีหลังจะมานึกเสียใจนะ ซิบอกไห่ Vo
ของป๋าอะกี่ตัวเเล้วละที่บ้านอะ @~~@ @~~@ น่าจะ10ก่าตัวแล้วมั่งทั้งOTL ทั้งแอมชิป (เฉพาะแอมป์ชิป) ของป๋าน่าจะราวๆ10ตัว10เบอร์ละมั่ง
แซวเล่นๆนะครับป๋า
-
ตอนนี้ผมมี Gainclone ,30W OTL ,50W OTL ครับ ฟังเพลงสุขใจเลยครับ
-
เกนโคลนได้ความสดใส กระฉับกระเฉง ส่วน OTL จะได้รายละเอียดและความเนียนครับ...
-สร้างง่าย งบไม่แรง ใช้กับลำโพงไม่ใหญ่มาก เบสกระชับ กลางแหลมเคลียร์ ฟังเพลงสนุก ....... เลือกเกนโคลน
-สร้างยากขึ้นมาอีกหน่อย ไม่เกี่ยงลำโพง อิมแพคดี หัวเบสหัวโน๊ตโดดเด่น กลางมีรายละเอียด+เนียน แหลมทอดตัวไปได้ไกล ฟังสบายได้รายละเอียด .... เลือก OTL
เห็นด้วยครับ ยิ่งฟังยิ่งเนียน เจ้า OTL เบสมันเนียนลงได้ต่ำมีพลัง กลางแหลมก็มีน้ำหนักใหญ่โตดี แหลมก็ทอดไกลดีขึ้นไปเรื่อยๆ (สัก 35 ชัวโมงได้ละ)
GC ก็ฟังจริงจังกระฉับกระเฉง ดีอีกแบบ
-
ว้า....ผมยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักเครื่อง มีแต่แท่นเทส [cry2]
-
ว้า....ผมยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักเครื่อง มีแต่แท่นเทส [cry2]
ท่านพี่ เทสไปร่วม 10 ได้นะครับนั่น @~~@
-
ถ้าตัวไหน Test แล้วไม่โดนใจ ก็โยนมาแถวๆ ซากค้อ อัสสัมชัญ ได้นะครับท่านพี่ (แบบว่าลองแล้วเสียงไม่โดนอ่ะ [Cheers5])
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
[))] [))] [))] [))]
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
แบบนี้แหละ ชัดเจน [))]
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
คาราวะ 1 จอก
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
คาราวะ 1 จอก
ผมขอ คาราวะ 10 จอก
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
คาราวะ 1 จอก
ผมขอ คาราวะ 10 จอก
[roll]
คารวะมากๆ เมาแย่เลย [drink15]
-
ลำโพงที่ใช้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกแอมป์ [unde_cided]
ลำโพงมักจะเป็นตัวกำหนดบุคลิกเสียงตัวหลักครับ นักเล่นหลายคนจะแสวงหาลำโพงที่ใช่มาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาแอมป์ที่เหมาะสมมาขับมันเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงรวมที่ดีที่สุด .....
การเลือกใช้แอมป์ที่ไม่เหมาะกับลำโพงจะเกิดผลเสียหลายประการ ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ลำโพงใหญ่ความไวต่ำ ขับยาก แถม Back EMF แรงชนิดดุเดือดอย่าง 2.5 Clone แล้วไปเอาแอมป์หลอด SE 3-5W มาขับ มันก็ให้เสียงออกมาดี ที่ระดับความดังต่ำๆ เท่านั้น หากเปิดดังขึ้นมาอีก เสียงจะเริ่มขาดน้ำหนักและออกอาการวูบวาบ หากปล่อยต่อไปหลอดจะออกอาการเพลตแดงและเสียหายในที่สุด .... แต่ถ้าเปลี่ยนแอมป์เป็น SS กล้ามโตสักหน่อย เสียงที่ออกมาจะได้ทั้งเบส ไดนามิค ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก ....
ในทางกลับกันหากใช้ลำโพงเล็กประเภท Fullrange ความไวสูง ทนกำลังวัตต์ได้ต่ำ แล้วเอาแอมป์ SS กล้ามโตไปขับ ... เสียงที่ระดับความดังต่ำๆ จะโอเค แต่ถ้าหากเปิดดังขึ้นเสียงจะเริ่มเครียด หากลำโพงเริ่มออกอาการเครียดแล้วเรายังฝืนเปิดเสียงดังต่อไป แม่เหล็กลำโพงจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นว็อยซ์คอยล์ไหม้ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแอมป์กล้ามโตส่วนมากจะสามารถอัดฉีดกระแสไปที่ลำโพงได้มาก โดยเฉพาะช่วงความถี่ที่ลำโพงมีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุด (อาจต่ำถึง 1 โอห์ม) แล้วแอมป์ยังฉีดกระแสเข้าไปอย่างไม่ลดละ จะเกิดกำลังสูญเสียที่จุดนี้เป็นปริมาณที่สูง และเกิดเป็นความร้อนสะสมจนเกิดความเสียหายในที่สุด
คาราวะ 1 จอก
ผมขอ คาราวะ 10 จอก
[roll]
คารวะมากๆ เมาแย่เลย [drink15]
อ๋ะครับ ผมลืมไปที่บ้านอาจารย์ สรรเสริญ เขาห้ามดื่มสุราอ่ะ [thif]
-
แล้ว AMP ที่ต้าน Back EMF ได้ดี ต้องเป็น Amp แบบไหนครับ [c--c]
-
แล้ว AMP ที่ต้าน Back EMF ได้ดี ต้องเป็น Amp แบบไหนครับ [c--c]
ต้องเป็นแอมป์ที่มีค่า Damping factor สูงๆ ครับ ว่ากันที่ 100 ขึ้นไป
หมายเหตุ...
Damping factor เป็นอัตราส่วนระหว่างค่าอิมพีแดนซ์ของโหลด (ลำโพง) กับค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของแอมป์
-
แล้ว AMP ที่ต้าน Back EMF ได้ดี ต้องเป็น Amp แบบไหนครับ [c--c]
ต้องเป็นแอมป์ที่มีค่า Damping factor สูงๆ ครับ ว่ากันที่ 100 ขึ้นไป
หมายเหตุ...
Damping factor เป็นอัตราส่วนระหว่างค่าอิมพีแดนซ์ของโหลด (ลำโพง) กับค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของแอมป์
มาขอเก็บความรู้ด้วยครับ อาจารย์
-
แล้ว AMP ที่ต้าน Back EMF ได้ดี ต้องเป็น Amp แบบไหนครับ [c--c]
ต้องเป็นแอมป์ที่มีค่า Damping factor สูงๆ ครับ ว่ากันที่ 100 ขึ้นไป
หมายเหตุ...
Damping factor เป็นอัตราส่วนระหว่างค่าอิมพีแดนซ์ของโหลด (ลำโพง) กับค่าเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ของแอมป์
ขอบคุณครับ [res]