www.diyaudiovillage.net
DIY มือใหม่ , TIPS & TRICKS , R&D SECTION => Loudspeakers => ข้อความที่เริ่มโดย: cleaning ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 04:21:09 PM
-
ไปได้ลำโพงเก่ายี้ห้อ Infinity made in usa น่าจะ20ปีมาคู่ครับ ไปบ้านอาเขาไม่ได้ใช้เลยขอมาครับ แต่สภาพดอกลำโพงมันโดนแดดจนพองน้ำข้างดอกลำโพงหายไปครับ ทดลองเสียงแล้วใช้ได้ครับยังร้องเพลงอยู่ แต่ทวิสเตอร์ไม่ดัง
ไม่ทราบว่าพอจะซ่อมได้ไหม มีวิธีไหนบ้าง ซ่อมที่บ้านหม้อได้ไหมครับวันเดียวเสร็จหรือไม่ค่าซ่อมประมาณเท่าไร
ผมขอสอบถามก่อนครับ หรือว่าซ่อมไม่คุ้มครับ สภาพตู้ยังดีครับ น้ำหนักมาก ตู้แข็งแรงมากครับ ใยฟองน้ำเยอะมากๆเต็มตู้เลย แทบไม่เหลือที่ว่างเลย
ลำโพงแบบนี้เป็นลำโพงฟังเพลงใช่ไหมครับตู้มันใหญ่ครับ สูงเกือบเมตร ครับ
(http://image.free.in.th/z/if/0img_5515.jpg) (http://pic.free.in.th/id/975a9edcc7944df35107afe3149c65b5)
(http://image.free.in.th/z/io/img_5511.jpg) (http://pic.free.in.th/id/f14e5e391c71c34a0c04dded41359d1e)
(http://image.free.in.th/z/in/img_5520.jpg) (http://pic.free.in.th/id/21ad7c20a6528cd2e472e75fcbfca3f5)
(http://image.free.in.th/z/ip/0img_5524.jpg) (http://pic.free.in.th/id/4cedba5e3d7d5478b617cf2a80576e89)
(http://image.free.in.th/z/ip/img_5519.jpg) (http://pic.free.in.th/id/65179c440f561dc20c6ff04b5c2cb9e2)
-
อุ้มไปบ้านหม้อเลยเค้าก็รับทำครับ น่าจะวันเดียวเสร็จ [yes-raccoon]
-
อย่างนี้ต้องช่างแขก ลาดพร้าวสะพานสองครับ โทร.029399512 ครับ
ลำโพงมียี่ห้อส่วนมากจะซ่อมที่นี่กันครับ
-
อืม ช่างแขก มีชื่อเรื่องซ่อมลำโพงมาก [yes-raccoon]
-
ถ้าแบบนี้พอจะประเมิณราคาซ่อมได้ไหมครับ ผมจะได้คิดถูกว่าจะซ่อมเลยหรือไม่ครับ ถ้ามันแพงมากผมคงจะยังไม่ซ่อมเพราะไม่รู้ว่าเสียงมันเป็นอย่างไรด้วยครับ ตัวนี้ ถ้าซ่อมประมาณไม่เกิน 2 พันก็จะซ่อมเลยถ้าเกินคงต้องคำนวนก่อนว่าจะคุ้มไหมครับ
เอาไปแต่ดอกใช่ไหมครับถ้าเอาตู้ไปด้วยคงมีปัญหาแน่ครับเพราะว่ามันหนักและใหญ่ครับ
ช่างแขกเห็นเขาว่าคิวจะยาวนานเป็นเดือนงานเขาคงเยอะคนซ่อมฝีมือดีๆ ลองโทรไปไม่มีคนรับสายสงสัยวันหยุด
-
อุ้มไปบ้านหม้อเลยเค้าก็รับทำครับ น่าจะวันเดียวเสร็จ [yes-raccoon]
ตรงรังสิตมีอยู่ร้านครับรับทำตู้ลำโพงด้วย ว่าจะลองไปถามๆราคาครับ ผมเคยไปเดินบ้านหม้อก็เคยเห็นมีคนซ่อมนั่งเปลี่ยนกรวยลำโพงอยู่ครับ ผมไม่รู้เรื่องของลำโพงตัวนี้เลย รู้แต่ว่า อาผมชื้อมาฟังเพลง พอย้ายไปอเมริกาก็ทิ้งไว้มันร้อนเลยโพมขอบลำโพงละลายไปเลย แต่ตัวตู้สภาพยังดีครับ
-
[n_o] ตรงรังสิตมีแล้วใกล้ก็ไปทำที่รังสิตสิครับ แร้วจะถามถึงบ้านหม้อ ทะม๊ายยย [phok] เราเอาลำโพงไปซ่อมคงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลมันมากนัก ซ่อมขอบ ถ้าขอบเดิมมันเสียหายหมดแล้วก็หาข้อมูลแค่ มันเป้นขอบอะไร
ยาง โฟม หรือ กระดาษก็พอแล้ว แต่ถ้ามันจะมีเศษๆเหลืออยู่ ก็บอกเค้าว่า ทำแบบเดิม ก็แค่นั้น ข้อมูล รู้ไปก็เท่านั้นหละครับ [yes-raccoon]
-
ถ้าแบบนี้พอจะประเมิณราคาซ่อมได้ไหมครับ ผมจะได้คิดถูกว่าจะซ่อมเลยหรือไม่ครับ ถ้ามันแพงมากผมคงจะยังไม่ซ่อมเพราะไม่รู้ว่าเสียงมันเป็นอย่างไรด้วยครับ ตัวนี้ ถ้าซ่อมประมาณไม่เกิน 2 พันก็จะซ่อมเลยถ้าเกินคงต้องคำนวนก่อนว่าจะคุ้มไหมครับ
เอาไปแต่ดอกใช่ไหมครับถ้าเอาตู้ไปด้วยคงมีปัญหาแน่ครับเพราะว่ามันหนักและใหญ่ครับ
ช่างแขกเห็นเขาว่าคิวจะยาวนานเป็นเดือนงานเขาคงเยอะคนซ่อมฝีมือดีๆ ลองโทรไปไม่มีคนรับสายสงสัยวันหยุด
วันอาทิตย์หยุดครับ เพื่อนเคยเอาไพโอเนียร์ 10 นิ้วไปซ่อม เปลี่ยนกรวยพลาสติกเป็นแบบเดิมทั้ง 2 ข้าง ราคาประมาณ 2,000 บาท เสียงออกมาใกล้เคียงของเดิมมาก เรื่องคิวไม่น่าจะนานครับ นอกจากบางรุ่นที่หาอะไหล่ยากก็ต้องรอหน่อย
ผมว่าซ่อมเถอะครับ เสียดาย ช่วยลดปริมาณขยะของโลกด้วย เปลี่ยนขอบราคาน่าจะย่อมเยาหน่อย
ถ้าไม่ซ่อมที่บ้านผมมีที่เก็บนะครับ
อ้อ! ลืมบอกไป ถอดไปแต่ดอกครับ ตู้ไม่ต้องเอาไป
-
ถ้าแบบนี้พอจะประเมิณราคาซ่อมได้ไหมครับ ผมจะได้คิดถูกว่าจะซ่อมเลยหรือไม่ครับ ถ้ามันแพงมากผมคงจะยังไม่ซ่อมเพราะไม่รู้ว่าเสียงมันเป็นอย่างไรด้วยครับ ตัวนี้ ถ้าซ่อมประมาณไม่เกิน 2 พันก็จะซ่อมเลยถ้าเกินคงต้องคำนวนก่อนว่าจะคุ้มไหมครับ
เอาไปแต่ดอกใช่ไหมครับถ้าเอาตู้ไปด้วยคงมีปัญหาแน่ครับเพราะว่ามันหนักและใหญ่ครับ
ช่างแขกเห็นเขาว่าคิวจะยาวนานเป็นเดือนงานเขาคงเยอะคนซ่อมฝีมือดีๆ ลองโทรไปไม่มีคนรับสายสงสัยวันหยุด
วันอาทิตย์หยุดครับ เพื่อนเคยเอาไพโอเนียร์ 10 นิ้วไปซ่อม เปลี่ยนกรวยพลาสติกเป็นแบบเดิมทั้ง 2 ข้าง ราคาประมาณ 2,000 บาท เสียงออกมาใกล้เคียงของเดิมมาก เรื่องคิวไม่น่าจะนานครับ นอกจากบางรุ่นที่หาอะไหล่ยากก็ต้องรอหน่อย
ผมว่าซ่อมเถอะครับ เสียดาย ช่วยลดปริมาณขยะของโลกด้วย
ถ้าไม่ซ่อมที่บ้านผมมีที่เก็บนะครับ
อ้อ! ลืมบอกไป ถอดไปแต่ดอกครับ ตู้ไม่ต้องเอาไป
ขอบคุณมากครับผมจะลองติดต่อครับ ยังไม่เคยไปเหมือนกันแถวๆร้านช่างแขกครับ ถ้าราคาประมาณไม่เกิน 2-3 พันผมจะซ่อมครับเพราะคิดว่าเหมือนชื้อลำโพงใหม่ครับ
ไปค้นหารุ่นได้เป็นรุ่น Infinity รุ่น Reference 30 ครับ
RODUCT SPECIFICATIONS
General
Frequency Response 47Hz - 25kHz (+/-2.5dB)
Crossover Frequency(ies) 3kHz
Sensitivity 90dB (2.8V/1 meter)
Nominal Impedance 6 ohms
Power Handling, RMS 15 -100 watts
Woofer 20.3cm IMG
Tweeter 2.5cm polycell
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
8 นิ้วเบสน่าจะดีนะครับ jamo ผม6.5นิ้ว ยังมีเบสเลยครับ แล้วแพงไหมครับชื้อมาทั้งตู้เลยหรือครับ ผมว่าวันหยุดจะไปหาร้านซ่อมครับ คงจะลองโทรไปสอบถามช่างแขกครับ ไม่ไกลเท่าไร
ผมหาข้อมูลดูลำโพงรุ่นของผมจะมีปัญหาเรื่องขอบถึงขนาดมีขอบขายที่ebay เลย ก็ไม่รู้ว่ามันสามารถใช้ขอบ ตัวอื่นใส่ได้ไหม ถ้าใส่ได้ก็ดีเพราะว่าลำโพงระดับนี้คงไม่ต้องถึงกับใช้ของเดิมถ้าหายากและแพง
แต่ดอกทวิสเตอร์ไม่ดังทั้ง 2 ข้าง เลย ลำโพงไม่ดังนี่มันซ่อมได้ไหมครับ หรือว่าต้องเปลี่ยนดอกสถานเดียว สภาพดอกยังดีแต่ไม่ดัง ผมลองเอามาต่อกับแอมป์1875 ไม่ดังครับ
ลองแกะnextwork มาดูใช้ c 3.3/15TWA มันหมายความว่าเท่าไรครับใช่เทียบเท่า uf หรือไม่ครับ
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
โอ๊ะ dynabass เห็นแล้วคิดถึง พ่อผมเคยซื้อมาทำขายไปหลายคู่เลย ทั้งติดในรถ และลงตู้ ส่วนใหญ่ก็ตัวกรวยเคฟล่าห์นี่ล่ะครับ แต่ตอนนี้ร้านที่นำเข้าเค้าเลิกไปแล้วมั้ง เห็นซอยย่อยๆเป็นพื้นที่ให้เช่าไปแล้ว
จำได้ว่าตัวที่พ่อผมเค้าทำไว้ฟังเอง ใช้ TW seas ตัวที่แผงหน้าใหญ่ๆ กับตูดยาวๆ แล้วก็ WF เป็น dynabass ตัวเหลือง 6" ส่วนพาสซีพนี่แกคำนวณเอง
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
8 นิ้วเบสน่าจะดีนะครับ jamo ผม6.5นิ้ว ยังมีเบสเลยครับ แล้วแพงไหมครับชื้อมาทั้งตู้เลยหรือครับ ผมว่าวันหยุดจะไปหาร้านซ่อมครับ คงจะลองโทรไปสอบถามช่างแขกครับ ไม่ไกลเท่าไร
ผมหาข้อมูลดูลำโพงรุ่นของผมจะมีปัญหาเรื่องขอบถึงขนาดมีขอบขายที่ebay เลย ก็ไม่รู้ว่ามันสามารถใช้ขอบ ตัวอื่นใส่ได้ไหม ถ้าใส่ได้ก็ดีเพราะว่าลำโพงระดับนี้คงไม่ต้องถึงกับใช้ของเดิมถ้าหายากและแพง
แต่ดอกทวิสเตอร์ไม่ดังทั้ง 2 ข้าง เลย ลำโพงไม่ดังนี่มันซ่อมได้ไหมครับ หรือว่าต้องเปลี่ยนดอกสถานเดียว สภาพดอกยังดีแต่ไม่ดัง ผมลองเอามาต่อกับแอมป์1875 ไม่ดังครับ
ลองแกะnextwork มาดูใช้ c 3.3/15TWA มันหมายความว่าเท่าไรครับใช่เทียบเท่า uf หรือไม่ครับ
ผมว่าเขาซ่อมได้หมดแหละครับ ลองโทรปรึกษาดูนะครับ เพื่อนผมติดใจยกเอา AR ไปซ่อมอีกคู่แล้ว
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
โอ๊ะ dynabass เห็นแล้วคิดถึง พ่อผมเคยซื้อมาทำขายไปหลายคู่เลย ทั้งติดในรถ และลงตู้ ส่วนใหญ่ก็ตัวกรวยเคฟล่าห์นี่ล่ะครับ แต่ตอนนี้ร้านที่นำเข้าเค้าเลิกไปแล้วมั้ง เห็นซอยย่อยๆเป็นพื้นที่ให้เช่าไปแล้ว
จำได้ว่าตัวที่พ่อผมเค้าทำไว้ฟังเอง ใช้ TW seas ตัวที่แผงหน้าใหญ่ๆ กับตูดยาวๆ แล้วก็ WF เป็น dynabass ตัวเหลือง 6" ส่วนพาสซีพนี่แกคำนวณเอง
คู่นี้ซื้อมาตอนปี 41 ครับ ตอนนี้ข้างที่ถ่ายรูปให้ดูวอยซ์ม้นเบียด ผมใช้ฟิล์มดัดไป 2 รอบแล้ว พอไม่ได้เปิด 2 อาทิตย์มันก็เป็นอีก
-
ลำโพงดีๆ ต้องตกถึงมือช่างที่เป็นงาน และ มีประสพการณ์พอ ถึงจะได้งานที่ออกมาดี แต่ถ้าจะส่งใ้ห้ช่างทั่วไปซ่อมอย่าทำเลยครับ เสียของแน่นอน ที่สำคัญคุณเสียเงินฟรีแน่ๆ ลำโพงดีๆจะเหลือแค่ชื่อ ลำโพง อินฟินิตี้รุ่นเก่าเสียงดีทุกตัว ครับ ลงทุนกับมันหน่อย ยิ่งถ้าได้ของเทียบเคียงของเิดิมด้วยแล้ว แจ่ม
-
ลำโพงดีๆ ต้องตกถึงมือช่างที่เป็นงาน และ มีประสพการณ์พอ ถึงจะได้งานที่ออกมาดี แต่ถ้าจะส่งใ้ห้ช่างทั่วไปซ่อมอย่าทำเลยครับ เสียของแน่นอน ที่สำคัญคุณเสียเงินฟรีแน่ๆ ลำโพงดีๆจะเหลือแค่ชื่อ ลำโพง อินฟินิตี้รุ่นเก่าเสียงดีทุกตัว ครับ ลงทุนกับมันหน่อย ยิ่งถ้าได้ของเทียบเคียงของเิดิมด้วยแล้ว แจ่ม
ถ้าพี่เล็กพูดเช่นนี้ผมก็ต้องซ่อมนะซิครับ [smi_ley] จะเอาไปให้ช่างแขกดู หรือพี่เล็กพอจะมีคนที่แนะนำไหมครับ
ว่าแต่ว่าทวิสเตอร์ที่ไม่ดังนี่ซ่อมได้ใช่ไหมครับ ลองแล้วไม่ดัง แต่วูฟเฟอร์ดังปกติครับ
ถ้าทำดอกได้แล้วต่อไปก็ cross แล้วครับ
-
ตู้ขนาดเท่ากับของผมเลย แต่ของผมเป็นตู้บ้านหม้อ ลำโพง DepthCharge by Dynabass เสียงเบสลึกดีครับ ไม่ต้องใช้ Sub ช่วยเลย
8 นิ้วเบสน่าจะดีนะครับ jamo ผม6.5นิ้ว ยังมีเบสเลยครับ แล้วแพงไหมครับชื้อมาทั้งตู้เลยหรือครับ ผมว่าวันหยุดจะไปหาร้านซ่อมครับ คงจะลองโทรไปสอบถามช่างแขกครับ ไม่ไกลเท่าไร
ผมหาข้อมูลดูลำโพงรุ่นของผมจะมีปัญหาเรื่องขอบถึงขนาดมีขอบขายที่ebay เลย ก็ไม่รู้ว่ามันสามารถใช้ขอบ ตัวอื่นใส่ได้ไหม ถ้าใส่ได้ก็ดีเพราะว่าลำโพงระดับนี้คงไม่ต้องถึงกับใช้ของเดิมถ้าหายากและแพง
แต่ดอกทวิสเตอร์ไม่ดังทั้ง 2 ข้าง เลย ลำโพงไม่ดังนี่มันซ่อมได้ไหมครับ หรือว่าต้องเปลี่ยนดอกสถานเดียว สภาพดอกยังดีแต่ไม่ดัง ผมลองเอามาต่อกับแอมป์1875 ไม่ดังครับ
ลองแกะnextwork มาดูใช้ c 3.3/15TWA มันหมายความว่าเท่าไรครับใช่เทียบเท่า uf หรือไม่ครับ
ผมว่าเขาซ่อมได้หมดแหละครับ ลองโทรปรึกษาดูนะครับ เพื่อนผมติดใจยกเอา AR ไปซ่อมอีกคู่แล้ว
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำจะยกไปให้เขาดูครับ พี่เล็กบอกว่ารุ่นเก่าเสียงดีแบบนี้ค่อยน่าลงทุนหน่อยครับถ้าซ่อมได้เพราะตัวตู้ ยังดีมากๆไม่มีรอยใดๆเลย ยังไปไม่ถูกเหมือนกันครับไม่เคยไปเลยแถวลาดพร้าวสพานสอง
-
ลำโพงดีๆ ต้องตกถึงมือช่างที่เป็นงาน และ มีประสพการณ์พอ ถึงจะได้งานที่ออกมาดี แต่ถ้าจะส่งใ้ห้ช่างทั่วไปซ่อมอย่าทำเลยครับ เสียของแน่นอน ที่สำคัญคุณเสียเงินฟรีแน่ๆ ลำโพงดีๆจะเหลือแค่ชื่อ ลำโพง อินฟินิตี้รุ่นเก่าเสียงดีทุกตัว ครับ ลงทุนกับมันหน่อย ยิ่งถ้าได้ของเทียบเคียงของเิดิมด้วยแล้ว แจ่ม
ถ้าพี่เล็กพูดเช่นนี้ผมก็ต้องซ่อมนะซิครับ [smi_ley] จะเอาไปให้ช่างแขกดู หรือพี่เล็กพอจะมีคนที่แนะนำไหมครับ
ว่าแต่ว่าทวิสเตอร์ที่ไม่ดังนี่ซ่อมได้ใช่ไหมครับ ลองแล้วไม่ดัง แต่วูฟเฟอร์ดังปกติครับ
ทวีตเตอร์ซ่อมได้ครับ แต่บางรุ่นต้องรออะไหล่นานหน่อย
-
อยู่ปากซอยลาดพร้าว 48 ครับ เชิงสะพานพอดี ผมไม่แน่ใจเรื่องที่จอดรถ ยังไงก็โทร.สอบถามอีกทีนะครับ
-
อยู่ปากซอยลาดพร้าว 48 ครับ เชิงสะพานพอดี ผมไม่แน่ใจเรื่องที่จอดรถ ยังไงก็โทร.สอบถามอีกทีนะครับ
ขอบคุณครับรู้ซอยก็พอไปได้แล้วครับ ไปรถเมล์ครับ laughhahaha บ่มีรถส่วนตัวครับ มีแต่มอไซค์ครับ แต่ไปไกลๆไม่ค่อยกล้าขี่ไปเดียวพวกจะเหยียบเอา
จะลองโทรไปสอบถามเรื่องการซ่อม+ราคาก่อนครับ
-
ผมก็มีลำโพงเก่าๆ อีกสองคู่ครับ วัตต์ไม่สูง ขอบมันเป็นกระดาษไม่ใช้นานๆแข็งหมดแล้ว ว่าจะส่งไปซ่อมเหมือนกัน
-
อาการเดียวกันกับผมเลยครับ ขอบรุ่นนี้ ใช้ไปนานๆ จะยุ่ย และย่อยสลายไปเองครับ เคยสอบถามไปที่ตัวแทน Infinity ในไทย พวกบอก ขอบอย่างเดียว 4000 บาทต่อข้าง ผมงี้หนาวไปเลย [tremor-raccoon]
สุดท้ายก็ไปหาขอบโฟมธรรมดามาใส่แทน แต่เสียงก็เพี้ยนไปอย่างที่พี่เล็กว่าแหละครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงกับลำโพงคู่นี้ดี ทิ้งไว้เป็น Surround ยังงั้นแหละครับ
อ้อ ลืมบอกไป ของผมเป็นรุ่น Reference 40 ครับ เป็น 3 ทาง ที่ว่าขอบละลายเนี่ย ละลายทั้ง Woofer และเสียงกลางเลยครับ แต่วอยซ์คอยล์ยังไม่ขาดนะครับ ดังครบทุกตัว ทั้งเบส กลาง แหลม [thumbs-up-raccoon]
-
อาการเดียวกันกับผมเลยครับ ขอบรุ่นนี้ ใช้ไปนานๆ จะยุ่ย และย่อยสลายไปเองครับ เคยสอบถามไปที่ตัวแทน Infinity ในไทย พวกบอก ขอบอย่างเดียว 4000 บาทต่อข้าง ผมงี้หนาวไปเลย [tremor-raccoon]
สุดท้ายก็ไปหาขอบโฟมธรรมดามาใส่แทน แต่เสียงก็เพี้ยนไปอย่างที่พี่เล็กว่าแหละครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงกับลำโพงคู่นี้ดี ทิ้งไว้เป็น Surround ยังงั้นแหละครับ
อ้อ ลืมบอกไป ของผมเป็นรุ่น Reference 40 ครับ เป็น 3 ทาง ที่ว่าขอบละลายเนี่ย ละลายทั้ง Woofer และเสียงกลางเลยครับ แต่วอยซ์คอยล์ยังไม่ขาดนะครับ ดังครบทุกตัว ทั้งเบส กลาง แหลม [thumbs-up-raccoon]
ถ้า4000 บาทต่อข้างคงไม่ซ่อมแล้วครับ ใช้โพมแบบธรรมดาใส่ได้ใช่ไหมครับ ส่วนเสียงจะเพี้ยนไปคงไม่เป็นไรเพราะผมเองก็ไม่เคยฟังเสียงเดิมๆของมันมาก่อนเลยครับ
แล้วแนวเสียงมันเป็นอย่างไรครับ ลำโพง Reference40 จะได้เทียบเคียงกับรุ่น30 น่าจะพอได้
ผมดูที ebay ขอบราคา700ต่อข้าง ครับ
-
มีสองทางเลือกครับ คือสั่งจากเมืองนอกจะถูกกว่าในบ้านเรา แต่ก็ต้องหาช่างดีติดตั้งให้ อย่างที่สอง ก็ที่บ้านหม้อ หาที่ความหนา ความนุ่ม และ ขนาดรู(ช่องอากาศในฟองน้ำ)ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด มีอยู่ร้านนึงที่จะหาเทียบขอบลำโพงดีๆได้ เข้าซอยทิพวารีซอยแรกซ้ายมือ เข้าซอยไปประมาณยี่สิบเมตรมองด้านซ้ายมือจะเห็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับตู้ ขาตั้ง ข้างในร้านจะมีช่างซ่อมลำโพงอยู่ด้วย (ถ้าให้คนตัวอ้วนๆใหญ่ๆทำคนนี้ฝีมือดี แต่หน้าตาไม่รับแขก) ภายในร้านมีอุปกรณ์เกี่ยวกับชุดซ่อมต่างๆมากมายครับ และ อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องเสียงเยอะมาก
-
แนะว่า เก็บเงินไปเรื่อยๆ แล้วซ่อมให้ดีครับ ถ้าทำไปตามมีตามเกิด นอกจากของจะเสียแล้ว จะเสียของด้วยนะครับ ไม่ต้องรีบร้อนนี่ครับ ลำโพงก็ได้มาแล้ว [unde_cided]
ถ้าชอบนุ่มๆ น้าอาจจะชอบมันก็ได้นะ เพราะเคยใช้รุ่นเก่ากว่านี้ ซีรีย์ ES ไม่ต้องรีบร้อนครับของอยู่ในบ้านแล้วเน๊อ [smi_ley]
-
ผมโชคดีที่ได้ฟังเสียงเดิมๆ ด้วยครับ มาพลาดก็ตรงที่ซื้อขอบโฟมแบบที่ไม่ได้พิจารณาก่อนนี่แหละครับ [phok] เสียงเพื้ยนแบบรับไม่ได้เลยครับ
ตอนนี้คงต้องหาแหล่งซ่อมใหม่ เพราะผลงานที่ซ่อมเองเนี่ย [checks-raccoon]
-
เห็น infinity เก่าๆแล้วเป็นแบบนี้ทั้งนั้นเลย เหมือนกันหมด เป็นเพราะบ้านเมืองเราอากาศร้อนรึปล่าว จึงทำให้ลำโพงขอบโฟมทั้งหลายเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ผมเองไม่เคยใช้ครับขอบโฟม เพราะเหตุผลที่ว่ามาและเพราะเห็นดอกลำโพง infinity นี่ละครับเป็นตัวอย่าง เสียงนุ่มดีก็จริงแต่ไม่มีปัญญาเปลี่ยนลำโพงบ่อยๆ จึงใช้แค่ขอบยางอย่างเดียวเท่านั้น ได้อย่างเสียอย่างกระมัง แต่ขอบโฟมก็หาที่เปลี่ยนได้ไม่ยากครับคงต้องดูร้านที่ดีๆ น่าจะพอรับได้ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ... แต่ดอกเสียงแหลมถ้าจะซ่อมโดยการพันลวดใหม่โอกาสดีเหมือนเดิมคงยากมากแทบเป็นไปไม่ได้ ส่วนมากจะไม่มีใครเค้าซ่อมกันครับ ทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น
-
ผมโทรไปสอบถามช่างแขก มีขอบหลายราคาครับ 200 400 600 800 ครับ ต่อข้างครับ
ส่วนทวิสเตอร์ก็ซ่อมได้ครับแต่ไม่ได้ถามราคาครับ ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาด้วยครับ ว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ถ้าไม่ติดขัดประการใดผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปทิ้งไว้ครับ
ใจผมคิดว่าจะเอาแบบราคาสูงสุดครับคือ 800 ต่อข้างครับ
ok นะครับช่างแขก
-
เห็น infinity เก่าๆแล้วเป็นแบบนี้ทั้งนั้นเลย เหมือนกันหมด เป็นเพราะบ้านเมืองเราอากาศร้อนรึปล่าว จึงทำให้ลำโพงขอบโฟมทั้งหลายเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ผมเองไม่เคยใช้ครับขอบโฟม เพราะเหตุผลที่ว่ามาและเพราะเห็นดอกลำโพง infinity นี่ละครับเป็นตัวอย่าง เสียงนุ่มดีก็จริงแต่ไม่มีปัญญาเปลี่ยนลำโพงบ่อยๆ จึงใช้แค่ขอบยางอย่างเดียวเท่านั้น ได้อย่างเสียอย่างกระมัง แต่ขอบโฟมก็หาที่เปลี่ยนได้ไม่ยากครับคงต้องดูร้านที่ดีๆ น่าจะพอรับได้ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ... แต่ดอกเสียงแหลมถ้าจะซ่อมโดยการพันลวดใหม่โอกาสดีเหมือนเดิมคงยากมากแทบเป็นไปไม่ได้ ส่วนมากจะไม่มีใครเค้าซ่อมกันครับ ทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น
พอดีผมไปบ้านอาผมเมื่อวานครับ เห็นลำโพงวางอยู่ก็ไปดู อาผมบอกว่าไม่ได้ฟังแล้ว และบอกว่าดอกเป็นสภาพแบบในภาพครับ ที่ดอกเป็นแบบนี้เพราะเอาวางไว้บนชั้น3 ของบ้าน อากาศร้อน และไม่ได้ใช้งานมานานมากแล้ว อาผมไปอยู่อเมริกากว่า 10 ปี ก็ทิ้งวางไว้เฉยๆมันคงละลายเพราะอากาศร้อน
ผมเห็นตู้สภาพดีก็เลยขอมาครับ
ทวิสเตอร์ ไม่ดังผมลองเอามาต่อกับ 1875 ก็ไม่ดังครับ แต่สภาพดอกยังสมบูรณ์ครับ โพมไม่ละลาย ชื้อใหม่คงจะแพง และหารุ่นที่เข้ากันได้คงยาก ผมว่าจะลองซ่อมดูก่อนครับ คิดว่างานนี้คงไม่เกิน 3 พัน ถ้าได้เสียงออกมา ดีพอใช้ได้ผมก็ดีใจแล้วครับ ลงทุน 3พันได้ลำโพงเพิ่มอีกคู่ครับ จะได้ diy แอมป์ หรือปรีหลอดมาเล่นกับมันสักหน่อยครับ
ดูดอกวูฟเฟอร์มันใหญ่มันน่าจะออกโทนนุ่ม ถ้าใช่ก็โดนเลยผมชอบแนวนี้อยู่แล้วครับ
TWA อยู่บน C ใช่ค่าเทียบเท่า uf ใช่ไหมครับ C โพลีค่า 15uf ตัวเล็กๆพอจะมีหรือไม่ครับ
-
ผมโทรไปสอบถามช่างแขก มีขอบหลายราคาครับ 200 400 600 800 ครับ ต่อข้างครับ
ส่วนทวิสเตอร์ก็ซ่อมได้ครับแต่ไม่ได้ถามราคาครับ ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาด้วยครับ ว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ถ้าไม่ติดขัดประการใดผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปทิ้งไว้ครับ
ใจผมคิดว่าจะเอาแบบราคาสูงสุดครับคือ 800 ต่อข้างครับ
ok นะครับช่างแขก
ถ้าเทียบค่าซ่อมกับมูลค่าลำโพงผมว่าคุ้มครับ
-
ผมโทรไปสอบถามช่างแขก มีขอบหลายราคาครับ 200 400 600 800 ครับ ต่อข้างครับ
ส่วนทวิสเตอร์ก็ซ่อมได้ครับแต่ไม่ได้ถามราคาครับ ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาด้วยครับ ว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ถ้าไม่ติดขัดประการใดผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปทิ้งไว้ครับ
ใจผมคิดว่าจะเอาแบบราคาสูงสุดครับคือ 800 ต่อข้างครับ
ok นะครับช่างแขก
ถ้าเทียบค่าซ่อมกับมูลค่าลำโพงผมว่าคุ้มครับ
ขอบคุณครับผมคิดว่าจะซ่อมครับพรุ่งนี้จะเอาไว้ทิ้งไว้ถ้ามีเวลาไปครับ ดอกลำโพงสมัยก่อนทำไมมันบอบบางจังครับ ตัวแม่เหล็กก็เล็ก เทียบสมัยนี้ตัวใหญ่มากๆเลยแม่เหล็กครับ
-
ผมโทรไปสอบถามช่างแขก มีขอบหลายราคาครับ 200 400 600 800 ครับ ต่อข้างครับ
ส่วนทวิสเตอร์ก็ซ่อมได้ครับแต่ไม่ได้ถามราคาครับ ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาด้วยครับ ว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ถ้าไม่ติดขัดประการใดผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปทิ้งไว้ครับ
ใจผมคิดว่าจะเอาแบบราคาสูงสุดครับคือ 800 ต่อข้างครับ
ok นะครับช่างแขก
ถ้าเทียบค่าซ่อมกับมูลค่าลำโพงผมว่าคุ้มครับ
ขอบคุณครับผมคิดว่าจะซ่อมครับพรุ่งนี้จะเอาไว้ทิ้งไว้ถ้ามีเวลาไปครับ ดอกลำโพงสมัยก่อนทำไมมันบอบบางจังครับ ตัวแม่เหล็กก็เล็ก เทียบสมัยนี้ตัวใหญ่มากๆเลยแม่เหล็กครับ
ได้ลำโพงมาแล้ว ลงทุนค่าซ่อมไม่้ท่าไหร่ก็คุ้มครับ เราไปกัน ทีละก้าวๆ ใจร่มๆ รอผมด้วย [roll]
-
ผมโทรไปสอบถามช่างแขก มีขอบหลายราคาครับ 200 400 600 800 ครับ ต่อข้างครับ
ส่วนทวิสเตอร์ก็ซ่อมได้ครับแต่ไม่ได้ถามราคาครับ ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ
รบกวนทุกท่านช่วยพิจารณาด้วยครับ ว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ถ้าไม่ติดขัดประการใดผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปทิ้งไว้ครับ
ใจผมคิดว่าจะเอาแบบราคาสูงสุดครับคือ 800 ต่อข้างครับ
ok นะครับช่างแขก
ถ้าเทียบค่าซ่อมกับมูลค่าลำโพงผมว่าคุ้มครับ
ขอบคุณครับผมคิดว่าจะซ่อมครับพรุ่งนี้จะเอาไว้ทิ้งไว้ถ้ามีเวลาไปครับ ดอกลำโพงสมัยก่อนทำไมมันบอบบางจังครับ ตัวแม่เหล็กก็เล็ก เทียบสมัยนี้ตัวใหญ่มากๆเลยแม่เหล็กครับ
ได้ลำโพงมาแล้ว ลงทุนค่าซ่อมไม่้ท่าไหร่ก็คุ้มครับ เราไปกัน ทีละก้าวๆ ใจร่มๆ รอผมด้วย [roll]
ครับผมก็คิดว่าคุ้มครับถ้าค่าซ่อมไม่แพงมากจะได้มีลำโพงหลากหลายแนวแบบท่านอื่นครับ ผมเห็นแต่ละท่านมีคนละหลายคู่เลย อย่างเช่นพี่ alcohol มีหลายคู่จนผมไปหลายครั้งก็ยังฟังไม่หมด [smi_ley]ไม่รู้ว่าพี่เขาซ่อนไว้อีกกี่คู่ครับ เห็นว่ามีกรุสมบัติอยู่ด้วยครับ
ผมกะว่าจะซ่อมลำโพง แล้วจะทำแอมป์ 1875 หรือ3886 มาเล่นกับมันครับ ว่าจะทำปรีหลอด12au7 ที่ได้รับ pcb มาจากคุณ iggsungพร้อมหลอด 2 หลอด และก็ได้หลอดจากคุณวีระศักดิ์อีกสองหลอดครับ
ว่าจะทำเลียนแบบดูแบบจากคุณรุ่งแต่ดันเป็นคนละรุ่นกันอีกเสียนี่ครับ เป็นรุ่นที่มีหลอด 6*4อยู่ด้วยครับ http://www.htg2.net/index.php?topic=34063.0 ไม่เหมือนของคุณรุ่งก็เลยเลียนแบบไม่ได้เลยครับ โครงการผมก็จะมีแบบนี้ครับ อยากจะทำหลายอย่างแต่ผมกลัวอย่างเดียว [bomb2] ผมไม่กลัว ผมกลัวจีี่ครับ เจอกันทุกงานเลยครับ ท่าทางมันจะรักผมมากๆครับ
ปรีหลอดตัวที่ผมส่งลิงค์มาให้ดูตัวนี้เสียงออกแนวหวานนุ่มไหมครับตามตัวหลอดและวงจรมันครับ
-
"ดอกลำโพงสมัยก่อนทำไมมันบอบบางจังครับ ตัวแม่เหล็กก็เล็ก เทียบสมัยนี้ตัวใหญ่มากๆเลยแม่เหล็กครับ"
แม่เหล็กสมัยก่อนอาจมีคุณภาพดีกว่าสมัยนี้ก็ได้ครับ
-
ซ่อมเถอะครับ คุ้มแล้ว เพราะปกติถ้าซ่อมที่บ้านหม้อ อย่างต่ำๆ ก็โดนข้างละ 500 ยิ่งลำโพงมียี่ห้อด้วยค่าซ่อมยิ่งแพง ผมเคยเอา Audax 5 นิ้ว ไปเปลี่ยนขอบยางก็ 400 ครับ [gr_in]
-
ถ้าไม่ซ่อม ยกมาให้ผมก็ได้น่ะครับ จะได้เอาดอกที่มีอยู่ใส่เข้าไปคงใช้ได้แล้ว ขอครับ ขอครับ [thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon]
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ท่าทางน้าอัล' ภาระกิจรัดตัว [roll-eyes]
ง่ายๆ ครับ ถ้าซ่อมแล้ว เปิดฟังซัก 100 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถูกใจ ลงขายห้อง Market เลยครับ รับรองเดี๋ยวก็มีคนรับไปดูแลต่อเองครับ [smi_ley]
-
ผมคิดถึงความคุ้มค่าที่ได้มาของเสียงในอดีตที่เป็นแบบฉบับของ infinity
ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นลำโพงฟังเพลงคุณภาพดีอีกด้วย
และคุณ cleaning ก็มีโอกาสแล้วน่าจะซ่อมน๊ะครับ(ลำโพง vintage ที่ขายกันส่วนมากก็เปลี่ยนขอบมาแล้วทั้งนั้นครับหาของเดิมยาก)
และไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าซ่อมโดยช่างแขก ดีแน่นอนครับ clapping-1-2
ถ้าไม่ชอบจริงๆ อย่างคุณ audiomania แนะนำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ถ้ามีปัจจัยเยอะพอก็เอาให้ดีที่สุดเถอะครับ 800 กับ 600 ก็ไม่ต่างกันมาก จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง เพราะมันจะอยู่กับเราอีกหลายปี ผมว่าคู่นี้ตอนที่ซื้อใหม่ๆก็น่าจะหลายต้งค์อยู่ ขนาดของผมที่ถ่ายรูปให้ดูก็คู่ละ 8,000 แล้ว (ซื้อตอนปี 2541)
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ท่าทางน้าอัล' ภาระกิจรัดตัว [roll-eyes]
ง่ายๆ ครับ ถ้าซ่อมแล้ว เปิดฟังซัก 100 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถูกใจ ลงขายห้อง Market เลยครับ รับรองเดี๋ยวก็มีคนรับไปดูแลต่อเองครับ [smi_ley]
ดูสภาพดอกตามขนาดผมว่าน่าจะเข้าทางผมเหมือนกันครับคือนุ่ม ดอกใหญ่เบสเยอะนุ่มก็จะแถมมาด้วย ถ้าซ่อม 2วันเสร็จก็ดีเลยครับ จะได้รู้ผลเร็วดีครับ
คุณแว่น รู้ด้วยว่าเป็นพี่อัล สงสัยจะงานเข้าเยอะเห็นออนพักเดียวหายไปเลย ไม่เข้ามาดูลำโพงผมเลย ผมก็รอฟังเหมือนกันว่าพี่อัลจะว่าจะได
ผมสงสัยอย่างครับว่า
ดอกทวิตเตอร์ มันเสียเพราะสาเหตุใดครับถ้าเราไม่ได้ใช้งานมันจะเสียไปเองเลยหรือครับ เรื่องเปิดจนแตกหรือขาด คงเป็นไปไม่ได้ครับ ไม่ได้ใช้งานนานๆมันจะเสียไปเองเลยหรือครับ แต่ที่เก็บอากาศร้อนแน่นอน
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ถ้ามีปัจจัยเยอะพอก็เอาให้ดีที่สุดเถอะครับ 800 กับ 600 ก็ไม่ต่างกันมาก จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง เพราะมันจะอยู่กับเราอีกหลายปี ผมว่าคู่นี้ตอนที่ซื้อใหม่ๆก็น่าจะหลายต้งค์อยู่ ขนาดของผมที่ถ่ายรูปให้ดูก็คู่ละ 8,000 แล้ว (ซื้อตอนปี 2541)
ป้จจัยมีไม่เยอะครับ แต่ก็พอยักยอกได้บ้าง [smi_ley] มีงบประมาณ 2 พันแต่ก็กัดฟันดันได้ประมาณ 3พัน น่าจะไม่เกินราคานี้
ผมก็คิดว่าจะเอาแบบที่ดีหน่อยครับ เพราะเข็ดแล้วแบบเสียน้อยเสียยากครับ แล้วมาเสียดายที่หลัง เสียที่เดียวเลยดีกว่าครับ คงต้องให้ช่างเขาเช็ดให้ด้วยว่าสภาพดอกเป็นอย่างไรด้วย เท่าที่ผมลองฟังเสียงมันออกปกติเพียงแต่กระพือเพราะไม่มีขอบเท่านั้น
-
ผมคิดถึงความคุ้มค่าที่ได้มาของเสียงในอดีตที่เป็นแบบฉบับของ infinity
ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นลำโพงฟังเพลงคุณภาพดีอีกด้วย
และคุณ cleaning ก็มีโอกาสแล้วน่าจะซ่อมน๊ะครับ(ลำโพง vintage ที่ขายกันส่วนมากก็เปลี่ยนขอบมาแล้วทั้งนั้นครับหาของเดิมยาก)
และไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าซ่อมโดยช่างแขก ดีแน่นอนครับ clapping-1-2
ถ้าไม่ชอบจริงๆ อย่างคุณ audiomania แนะนำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
เป็นแนวแบบไหนครับผมไม่เคยฟังเลยลำโพงยี้ห้อนี้ครับไม่ว่าของเก่าหรือใหม่ครับ
ก็หวังว่าจะได้ของที่ดีพอใช้ได้บ้างครับ ก็จะเอามาฟังเปรียบดูกับ jamo s604 ครับ ว่าตัวไหนเสียงจะเป็นอย่างไร เคยอ่านเจอว่าลำโพงรุ่นเก่าๆเสียงจะดี แต่ก็แปลกใจว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมดอกมันดูบอบบาง จัง แกะมาดูแล้วแทบไม่อยากจะซ่อมเลยครับ psb b1 แม่เหล็กใหญ่และหนักกว่าด้วยครับ
-
ผมคิดถึงความคุ้มค่าที่ได้มาของเสียงในอดีตที่เป็นแบบฉบับของ infinity
ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นลำโพงฟังเพลงคุณภาพดีอีกด้วย
และคุณ cleaning ก็มีโอกาสแล้วน่าจะซ่อมน๊ะครับ(ลำโพง vintage ที่ขายกันส่วนมากก็เปลี่ยนขอบมาแล้วทั้งนั้นครับหาของเดิมยาก)
และไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าซ่อมโดยช่างแขก ดีแน่นอนครับ clapping-1-2
ถ้าไม่ชอบจริงๆ อย่างคุณ audiomania แนะนำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
เป็นแนวแบบไหนครับผมไม่เคยฟังเลยลำโพงยี้ห้อนี้ครับไม่ว่าของเก่าหรือใหม่ครับ
ก็หวังว่าจะได้ของที่ดีพอใช้ได้บ้างครับ ก็จะเอามาฟังเปรียบดูกับ jamo s604 ครับ ว่าตัวไหนเสียงจะเป็นอย่างไร เคยอ่านเจอว่าลำโพงรุ่นเก่าๆเสียงจะดี แต่ก็แปลกใจว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมดอกมันดูบอบบาง จัง แกะมาดูแล้วสงสัยมากๆเลยว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมมันดูบอบบางจังเลย psb b1 แม่เหล็กใหญ่และหนักกว่าด้วยครับ
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ท่าทางน้าอัล' ภาระกิจรัดตัว [roll-eyes]
ง่ายๆ ครับ ถ้าซ่อมแล้ว เปิดฟังซัก 100 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถูกใจ ลงขายห้อง Market เลยครับ รับรองเดี๋ยวก็มีคนรับไปดูแลต่อเองครับ [smi_ley]
ดูสภาพดอกตามขนาดผมว่าน่าจะเข้าทางผมเหมือนกันครับคือนุ่ม ดอกใหญ่เบสเยอะนุ่มก็จะแถมมาด้วย ถ้าซ่อม 2วันเสร็จก็ดีเลยครับ จะได้รู้ผลเร็วดีครับ
คุณแว่น รู้ด้วยว่าเป็นพี่อัล สงสัยจะงานเข้าเยอะเห็นออนพักเดียวหายไปเลย ไม่เข้ามาดูลำโพงผมเลย ผมก็รอฟังเหมือนกันว่าพี่อัลจะว่าจะได
ผมสงสัยอย่างครับว่า
ดอกทวิตเตอร์ มันเสียเพราะสาเหตุใดครับถ้าเราไม่ได้ใช้งานมันจะเสียไปเองเลยหรือครับ เรื่องเปิดจนแตกหรือขาด คงเป็นไปไม่ได้ครับ ไม่ได้ใช้งานนานๆมันจะเสียไปเองเลยหรือครับ แต่ที่เก็บอากาศร้อนแน่นอน
ทวีตเตอร์อาจไม่เสียก็ได้ครับ แต่มีอาการวอยซ์ไม่ขยับเนื่องจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เหมือนกับมีสนิมหรือคราบความชื้นไปเกาะ ผมไม่ทราบวิธีการแก้ไขแต่ช่างน่าจะแนะนำให้ได้ครับ
อย่างไรถ้าถึงมือช่างแล้วทุกอย่างที่คุณ Cleaning สงสัยก็น่าจะกระจ่างนะครับ เพราะผมเชื่อว่าประสบการณ์ของช่างน่าจะมีอยู่พอสมควรครับ
-
เรื่องแม่เหล็กบางทีก็บอกไม่ได้ว่าใหญ่แล้วจะต้องเสียงดีนะครับ ดูอย่างที่มีขายตามบ้านหม้อแม่เหล็กเบ้อเริ่มเลยแต่เสียงไม่เอาไหนก็มีเยอะครับ
ลำโพงตัวนี้ผมดูตามสเปคแล้วการตอบสนองความถี่ค่อนข้างจะกว้างนะครับ
เป็นผมแค่เห็นยี่ห้อ Infinity ผมก็จะไม่สงสัยในคุณภาพแล้วครับ
-
เรื่องแม่เหล็กบางทีก็บอกไม่ได้ว่าใหญ่แล้วจะต้องเสียงดีนะครับ ดูอย่างที่มีขายตามบ้านหม้อแม่เหล็กเบ้อเริ่มเลยแต่เสียงไม่เอาไหนก็มีเยอะครับ
ลำโพงตัวนี้ผมดูตามสเปคแล้วการตอบสนองความถี่ค่อนข้างจะกว้างนะครับ
เป็นผมแค่เห็นยี่ห้อ Infinity ผมก็จะไม่สงสัยในคุณภาพแล้วครับ
หรือครับผมประสบกราณ์น้อยมากๆครับเคยมีลำโพงแค่2คู่เองครับและเป็นลำโพงดูหนังซะด้วย
ลำโพง infinity ไม่เคยฟังเลย รุ่นใหม่ๆไม่เห็นใครพูดถึงเลยครับในเว็ปอื่นหลายๆเว็ปเวลาถามให้แนะนำลำโพง จะไม่เคยเห็นแนะนำยี้ห้อนี้เลยครับจะไม่มีใครแนะนำลำโพงยี้ห้อนี้เลยครับ ผมเองก็ไม่ที่ผมขอมาก็เพราะเห็นว่าตู้มันแข็งแรงสภาพยังดี และเห็นคำว่า usa ก็เลยคิดว่าคงจะดีบ้าง
-
ผมก็ไม่เคยฟังครับ อาศัยอ่านตามหนังสือน่ะครับ
-
ที่รังสิต ไม่แนะนำให้ไป
ไปหาช่างแขก ตามที่เพื่อนสมาชิกแนะนำ ค่าบริการสมเหตุ สมผล
ไปบ้านหม้อ ต้องรู้แหล่งฝีมือช่างที่ทำออกมาได้เนียน
หากไม่เลือกร้าน ก็เหมือนกับไปที่รังสิต บางทีอาจทำให้เสียของได้
-
ซ่อมเถอะครับ อาจารย์ในเวปนี้มาเกือบครบแล้วนะครับ
ยังไม่ครบครับยังขาดคนใกล้ๆบ้านผมอีกคนครับ ไม่รู้ว่ากลับจากทัวร์หรือยัง
ซ๋อมครับซ่อมผมว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้านช่างแขกดูครับ แต่เท่าที่คุยๆกัน ขอบยางโพม ราคา 800 สูงสุด 600 ก็มีครับ คงต้องคุยกับช่างว่าระหว่าง 600 กับ800 มันต่างกันอย่างไรทิ้งห่างมากหรือไม่สภาพดอกของผมควรจะใช้ราคาเท่าไร แต่ไหนๆจะซ่อมแล้วผมก็คิดว่าจะเอาแบบ600หรือ800เลยครับ
ท่าทางน้าอัล' ภาระกิจรัดตัว [roll-eyes]
ง่ายๆ ครับ ถ้าซ่อมแล้ว เปิดฟังซัก 100 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถูกใจ ลงขายห้อง Market เลยครับ รับรองเดี๋ยวก็มีคนรับไปดูแลต่อเองครับ [smi_ley]
ภารกิจรัดตัวมาก ๆ เลยครับ
เมื่อวานกลับจากเชียงใหม่ - ลำปาง -พิษณุโลก - พิจิตร ถึงบ้านหลับเป็นตาย
วันนี้ มานั่งทำงานแล้วก็มาประชุมเพื่อจะไปอุบลฯ พฤ - ศ - ส. อีกแล้ว
หนังสือเต็มแฟ้มกองอยู่บนโต๊ะ เพิ่งจะได้อ่านตอนนี้เอง
เน็ทก็เพิ่งจะมีเวลาเข้ามาดูครับ
-
ผมคิดถึงความคุ้มค่าที่ได้มาของเสียงในอดีตที่เป็นแบบฉบับของ infinity
ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นลำโพงฟังเพลงคุณภาพดีอีกด้วย
และคุณ cleaning ก็มีโอกาสแล้วน่าจะซ่อมน๊ะครับ(ลำโพง vintage ที่ขายกันส่วนมากก็เปลี่ยนขอบมาแล้วทั้งนั้นครับหาของเดิมยาก)
และไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าซ่อมโดยช่างแขก ดีแน่นอนครับ clapping-1-2
ถ้าไม่ชอบจริงๆ อย่างคุณ audiomania แนะนำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
เป็นแนวแบบไหนครับผมไม่เคยฟังเลยลำโพงยี้ห้อนี้ครับไม่ว่าของเก่าหรือใหม่ครับ
ก็หวังว่าจะได้ของที่ดีพอใช้ได้บ้างครับ ก็จะเอามาฟังเปรียบดูกับ jamo s604 ครับ ว่าตัวไหนเสียงจะเป็นอย่างไร เคยอ่านเจอว่าลำโพงรุ่นเก่าๆเสียงจะดี แต่ก็แปลกใจว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมดอกมันดูบอบบาง จัง แกะมาดูแล้วสงสัยมากๆเลยว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมมันดูบอบบางจังเลย psb b1 แม่เหล็กใหญ่และหนักกว่าด้วยครับ
ที่แม่เหล็กเล็กกว่าลำโพงสมัยใหม่นั้น เป็นเรื่องปกติครับ
ไม่เหมือนลำโพงสมัยใหม่ ที่แม่เหล็กจะใหญ่กว่ามาก เพื่อให้แรงปะทะสูง
ช่วงชักของดอกลำโพงก็สวิงได้มากขึ้น แต่จะเหมาะกับขอบยางมากกว่า
(ลำโพงสมัยนี้บางคู่เน้นแรงปะทะมากจนเกินไปเพื่อขายได้ง่ายในสัมผัสแรกที่ได้ฟัง)
แต่แรงปะทะที่มากขึ้นสวิงได้มากขึ้นของดอกลำโพงบางคู่ อาจจะฟังแล้วไม่เพราะ ไม่นวลเนียน
เหมือนลำโพงรุ่นเก่า ที่ออกแบบมาดีๆก็ได้
ส่วนแนวเสียง ในแบบ Infinity ที่มีชื่อในด้านลำโพงตู้ปิดที่ไม่กินกำลังขับมากนัก
ออกแนว โปร่ง เสียงกลางและแหลมกังวาลหวานใส และเสียงเบสที่ลงได้ลึก
ในแบบลำโพงตู้ปิด ที่สะอาด กระชับ เก็บตัวเร็วโดยไม่รบกวนเสียงกลางและแหลมเลย
แต่บางท่านก็อาจจะติว่าปริมาณเบสอาจจะน้อยไปซักนิด เพราะเป็นเบสที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ
แต่ผมว่าความชัดเจนและสะอาดในทุกเส้นเสียงจะชดเชยในส่วนนี้ได้
จนบางท่านที่ชอบปริมาณเบสมากๆ อาจเปลี่ยนใจมาชอบความสุภาพของ
แนวเสียงในแบบ Infinity ก็ได้
ผมตามขอซื้ออยู่เหมือนกันเป็น Infinity kappa 8 แต่เจ้าของไม่ยอมขายซักกะที
ติดใจตั้งแต่ตอนวัยรุ่นแล้วครับ ร้าน แมงป่องที่ มาบุญครอง
ใช้ Infinity kappa 9 ขนาดเปิดเพลงแดนซ์มั่ง บางทีก็ร็อกฟังเพลินขายเทปเพลินเลยล่ะครับ
และแปลกน๊ะครับ กับเข้าคู่กันได้ดีกับ แอมป์ของ Yamaha ในสมัยนั้นซึ่งไปในแนวเดียวกันเลย
ขอให้มีความสุขกับ Infinity ครับ 3-2-1-raccoon
-
เรื่องแม่เหล็กบางทีก็บอกไม่ได้ว่าใหญ่แล้วจะต้องเสียงดีนะครับ ดูอย่างที่มีขายตามบ้านหม้อแม่เหล็กเบ้อเริ่มเลยแต่เสียงไม่เอาไหนก็มีเยอะครับ
ลำโพงตัวนี้ผมดูตามสเปคแล้วการตอบสนองความถี่ค่อนข้างจะกว้างนะครับ
เป็นผมแค่เห็นยี่ห้อ Infinity ผมก็จะไม่สงสัยในคุณภาพแล้วครับ
หรือครับผมประสบกราณ์น้อยมากๆครับเคยมีลำโพงแค่2คู่เองครับและเป็นลำโพงดูหนังซะด้วย
ลำโพง infinity ไม่เคยฟังเลย รุ่นใหม่ๆไม่เห็นใครพูดถึงเลยครับในเว็ปอื่นหลายๆเว็ปเวลาถามให้แนะนำลำโพง จะไม่เคยเห็นแนะนำยี้ห้อนี้เลยครับจะไม่มีใครแนะนำลำโพงยี้ห้อนี้เลยครับ ผมเองก็ไม่ที่ผมขอมาก็เพราะเห็นว่าตู้มันแข็งแรงสภาพยังดี และเห็นคำว่า usa ก็เลยคิดว่าคงจะดีบ้าง
อย่าทำเลยไม่คุ้มหรอกครับ ( เห็นชอบเปรียบว่าคุ้มไม่คุ้ม) ฉะนั้น ตั้งมันไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวอาทิตย์นี้ผมจะไปยก แล้วจะวางเงินไว้ให้ สัก 2-3000 อันนี้คุ้มแน่เพราะได้ตังค์มาวางระเบิดตัวอื่นต่อ [checks-raccoon]
-
ใช่แล้ว ผมว่ายกให้คุณ เล็กไปเลยดีกว่าครับ ผมจะได้ตามไปฟังได้ง่ายด้วย [roll]
ถ้าลำโพงในสมัยกลาง ยุค 80 ที่นิยมกันมากและเหมาะกับเพลงในยุคนั้น
ต้องตั้งพื้นตู้เปิด ก็ JBL ออกแนวโก๋ชอบ
ถ้าตั้งพื้นตู้ปิด Infinity เจ้าระเบียบครับ
ส่วน ลำโพงวางหิ้ง ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ครับ
แต่เด๋วนี้ทั้ง JBL และ Infinity กลับไปทำตลาดในชุด ดูหนังมากกว่าครับ [unde_cided]
และถ้าเป็นลำโพงฟังเพลงโดยเฉพาะถ้าตั้งพื้น แพงมากครับ หลายแสนบาทเลยทีเดียว [tremor-raccoon]
-
ซื้อครับ
วันเสาร์แบกเอามาไว้ที่บ้านด้วยนะ
ผิดห้องนี่หว่า.... laughhahaha
-
เรื่องแม่เหล็กบางทีก็บอกไม่ได้ว่าใหญ่แล้วจะต้องเสียงดีนะครับ ดูอย่างที่มีขายตามบ้านหม้อแม่เหล็กเบ้อเริ่มเลยแต่เสียงไม่เอาไหนก็มีเยอะครับ
ลำโพงตัวนี้ผมดูตามสเปคแล้วการตอบสนองความถี่ค่อนข้างจะกว้างนะครับ
เป็นผมแค่เห็นยี่ห้อ Infinity ผมก็จะไม่สงสัยในคุณภาพแล้วครับ
หรือครับผมประสบกราณ์น้อยมากๆครับเคยมีลำโพงแค่2คู่เองครับและเป็นลำโพงดูหนังซะด้วย
ลำโพง infinity ไม่เคยฟังเลย รุ่นใหม่ๆไม่เห็นใครพูดถึงเลยครับในเว็ปอื่นหลายๆเว็ปเวลาถามให้แนะนำลำโพง จะไม่เคยเห็นแนะนำยี้ห้อนี้เลยครับจะไม่มีใครแนะนำลำโพงยี้ห้อนี้เลยครับ ผมเองก็ไม่ที่ผมขอมาก็เพราะเห็นว่าตู้มันแข็งแรงสภาพยังดี และเห็นคำว่า usa ก็เลยคิดว่าคงจะดีบ้าง
อย่าทำเลยไม่คุ้มหรอกครับ ( เห็นชอบเปรียบว่าคุ้มไม่คุ้ม) ฉะนั้น ตั้งมันไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวอาทิตย์นี้ผมจะไปยก แล้วจะวางเงินไว้ให้ สัก 2-3000 อันนี้คุ้มแน่เพราะได้ตังค์มาวางระเบิดตัวอื่นต่อ [checks-raccoon]
โดนท่านผอ.เล็ก ดุเลย
-
ผมคิดถึงความคุ้มค่าที่ได้มาของเสียงในอดีตที่เป็นแบบฉบับของ infinity
ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นลำโพงฟังเพลงคุณภาพดีอีกด้วย
และคุณ cleaning ก็มีโอกาสแล้วน่าจะซ่อมน๊ะครับ(ลำโพง vintage ที่ขายกันส่วนมากก็เปลี่ยนขอบมาแล้วทั้งนั้นครับหาของเดิมยาก)
และไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าซ่อมโดยช่างแขก ดีแน่นอนครับ clapping-1-2
ถ้าไม่ชอบจริงๆ อย่างคุณ audiomania แนะนำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
เป็นแนวแบบไหนครับผมไม่เคยฟังเลยลำโพงยี้ห้อนี้ครับไม่ว่าของเก่าหรือใหม่ครับ
ก็หวังว่าจะได้ของที่ดีพอใช้ได้บ้างครับ ก็จะเอามาฟังเปรียบดูกับ jamo s604 ครับ ว่าตัวไหนเสียงจะเป็นอย่างไร เคยอ่านเจอว่าลำโพงรุ่นเก่าๆเสียงจะดี แต่ก็แปลกใจว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมดอกมันดูบอบบาง จัง แกะมาดูแล้วสงสัยมากๆเลยว่าลำโพงรุ่นเก่าทำไมมันดูบอบบางจังเลย psb b1 แม่เหล็กใหญ่และหนักกว่าด้วยครับ
ที่แม่เหล็กเล็กกว่าลำโพงสมัยใหม่นั้น เป็นเรื่องปกติครับ
ไม่เหมือนลำโพงสมัยใหม่ ที่แม่เหล็กจะใหญ่กว่ามาก เพื่อให้แรงปะทะสูง
ช่วงชักของดอกลำโพงก็สวิงได้มากขึ้น แต่จะเหมาะกับขอบยางมากกว่า
(ลำโพงสมัยนี้บางคู่เน้นแรงปะทะมากจนเกินไปเพื่อขายได้ง่ายในสัมผัสแรกที่ได้ฟัง)
แต่แรงปะทะที่มากขึ้นสวิงได้มากขึ้นของดอกลำโพงบางคู่ อาจจะฟังแล้วไม่เพราะ ไม่นวลเนียน
เหมือนลำโพงรุ่นเก่า ที่ออกแบบมาดีๆก็ได้
ส่วนแนวเสียง ในแบบ Infinity ที่มีชื่อในด้านลำโพงตู้ปิดที่ไม่กินกำลังขับมากนัก
ออกแนว โปร่ง เสียงกลางและแหลมกังวาลหวานใส และเสียงเบสที่ลงได้ลึก
ในแบบลำโพงตู้ปิด ที่สะอาด กระชับ เก็บตัวเร็วโดยไม่รบกวนเสียงกลางและแหลมเลย
แต่บางท่านก็อาจจะติว่าปริมาณเบสอาจจะน้อยไปซักนิด เพราะเป็นเบสที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ
แต่ผมว่าความชัดเจนและสะอาดในทุกเส้นเสียงจะชดเชยในส่วนนี้ได้
จนบางท่านที่ชอบปริมาณเบสมากๆ อาจเปลี่ยนใจมาชอบความสุภาพของ
แนวเสียงในแบบ Infinity ก็ได้
ผมตามขอซื้ออยู่เหมือนกันเป็น Infinity kappa 8 แต่เจ้าของไม่ยอมขายซักกะที
ติดใจตั้งแต่ตอนวัยรุ่นแล้วครับ ร้าน แมงป่องที่ มาบุญครอง
ใช้ Infinity kappa 9 ขนาดเปิดเพลงแดนซ์มั่ง บางทีก็ร็อกฟังเพลินขายเทปเพลินเลยล่ะครับ
และแปลกน๊ะครับ กับเข้าคู่กันได้ดีกับ แอมป์ของ Yamaha ในสมัยนั้นซึ่งไปในแนวเดียวกันเลย
ขอให้มีความสุขกับ Infinity ครับ 3-2-1-raccoon
ขอบคุณมากครับเลยครับ ได้พอรุ้แนวเสียงบ้างดูแล้วก็ตรงกับที่ผมต้องการ ผมก็พึ่งจะคิดได้ว่าลำโพงเป็นตู้ปิด เพราะไม่มีท่อเบสเลย พึ่งสักเกตก็ตอนที่ว่ามานี่ครับ
ก็คงต้องรอดูว่าซ่อมดอกมาแล้วจะได้แค่ไหนครับ ก็ไม่รู้ว่าส่วนอื่นๆมันยังดีหรือไม่เพราะนานมากจริงๆลำโพงคู่นี้
-
เรื่องแม่เหล็กบางทีก็บอกไม่ได้ว่าใหญ่แล้วจะต้องเสียงดีนะครับ ดูอย่างที่มีขายตามบ้านหม้อแม่เหล็กเบ้อเริ่มเลยแต่เสียงไม่เอาไหนก็มีเยอะครับ
ลำโพงตัวนี้ผมดูตามสเปคแล้วการตอบสนองความถี่ค่อนข้างจะกว้างนะครับ
เป็นผมแค่เห็นยี่ห้อ Infinity ผมก็จะไม่สงสัยในคุณภาพแล้วครับ
หรือครับผมประสบกราณ์น้อยมากๆครับเคยมีลำโพงแค่2คู่เองครับและเป็นลำโพงดูหนังซะด้วย
ลำโพง infinity ไม่เคยฟังเลย รุ่นใหม่ๆไม่เห็นใครพูดถึงเลยครับในเว็ปอื่นหลายๆเว็ปเวลาถามให้แนะนำลำโพง จะไม่เคยเห็นแนะนำยี้ห้อนี้เลยครับจะไม่มีใครแนะนำลำโพงยี้ห้อนี้เลยครับ ผมเองก็ไม่ที่ผมขอมาก็เพราะเห็นว่าตู้มันแข็งแรงสภาพยังดี และเห็นคำว่า usa ก็เลยคิดว่าคงจะดีบ้าง
อย่าทำเลยไม่คุ้มหรอกครับ ( เห็นชอบเปรียบว่าคุ้มไม่คุ้ม) ฉะนั้น ตั้งมันไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวอาทิตย์นี้ผมจะไปยก แล้วจะวางเงินไว้ให้ สัก 2-3000 อันนี้คุ้มแน่เพราะได้ตังค์มาวางระเบิดตัวอื่นต่อ [checks-raccoon]
พี่เล็กบอกเช่นนี้ผมต้องรีบเอาไปซ่อมเลยครับ [roll]
-
ใช่แล้ว ผมว่ายกให้คุณ เล็กไปเลยดีกว่าครับ ผมจะได้ตามไปฟังได้ง่ายด้วย [roll]
ถ้าลำโพงในสมัยกลาง ยุค 80 ที่นิยมกันมากและเหมาะกับเพลงในยุคนั้น
ต้องตั้งพื้นตู้เปิด ก็ JBL ออกแนวโก๋ชอบ
ถ้าตั้งพื้นตู้ปิด Infinity เจ้าระเบียบครับ
ส่วน ลำโพงวางหิ้ง ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ครับ
แต่เด๋วนี้ทั้ง JBL และ Infinity กลับไปทำตลาดในชุด ดูหนังมากกว่าครับ [unde_cided]
และถ้าเป็นลำโพงฟังเพลงโดยเฉพาะถ้าตั้งพื้น แพงมากครับ หลายแสนบาทเลยทีเดียว [tremor-raccoon]
ถึงว่าเวลาถามให้แนะนำลำโพงระดับล่าง ไม่เคยมีชื่อของ infinity ติดโผเลย จนเรียกว่าแทบจะขายไม่ออกเลย ตอนแรกผมเห็นลำโพงตัวนี้วางหน้าทีวี sony LCD 40" ผมก็นึกว่าเอาไว้ดูหนัง อาผมบอกว่าสมัยก่อนไม่มีหรอกลำโพงดูหนัง ผมได้ยินก็เข้าทางเดินไปดูอ้าว ไม่ได้ต่อสายไว้ แถมแอมป์ก็ไม่มี ที่แท้เอามาตั้งไว้เฉยๆเท่านั้นเอง ก็เลยออกปากขอซะเลย กะว่าน่าจะซ่อมได้ดีกว่าทิ้งวางไว้เฉยๆ
-
ซื้อครับ
วันเสาร์แบกเอามาไว้ที่บ้านด้วยนะ
ผิดห้องนี่หว่า.... laughhahaha
laughhahaha แบกไม่ไหวครับหนักครับ laughhahaha
-
ยินดีด้วยนะครับที่จะได้ลำโพงดีๆ กลับมาใช้อีกคู่หนึ่ง
บางครั้งการหาข้อมูลมากเกินไปก็ทำให้เราสับสนครับ ผมเองก็ใช้วิธีถามกับคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆโดยตรง มันทำให้เราตัดสินใจอะไรง่ายขึ้นครับ และโอกาสผิดพลาดก็น้อยลง
ถึงถ้าผิดพลาดจริงๆ ผมก็จะถือว่าสิ่งนั้นคือประสบการณ์อย่างหนึ่งที่เราได้รับ มันทำให้เราจะได้ไม่ต้องผิดพลาดอีกในครั้งต่อไปครับ
ซึ่งทุกท่านที่ให้คำแนะนำในที่นี้ (ยกเว้นผมเพราะส่วนมากจะจำเขาเล่ามา) ก็ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในวงการเครื่องเสียงมากพอสมควรครับ
-
พี่งโทรไปสอบถามเจ้าของลำโพง อาผมก็เล่นไม่เป็นฟังอย่างเดียวครับ แนวเสียงเหมือนที่คุณ GUY_audio ว่ามาเลยครับ
ถามราคาที่ชื้อแพงกว่าลำโพงผมในปัจจุบันอีก ขนาดเมื่อ20ปีก่อน ฟังคู่กับdenon ครับ แต่ denon อาผมเอาไปอเมริกาแต่ลำโพงเอาไปไม่ได้
แต่ที่เสียวว่ามันจะกลับมาใกล้เคียงเหมือนเดิมได้หรือเปล่าตรงที่ว่า ไม่เคยเปิดมาประมาณ 15 ปีครับ ถึงว่าทวิสเตอร์ไม่ดังคงเป็นดับที่คุณ R&R ว่าครับคงจะวอลย์คงจะติดสำหรับทวิสเตอร์
-
ถ้าแค่ วอยส์ติด และ ไม่ขาดมีเฮครับ ฟื้นมาได้ใกล้เคียงเดิมๆแน่ ถึงขาดก็ขอให้ขาดที่นอกแม่เหล็ก ไม่มีผลต่อเสียงดั้งเดิมครับ ขอให้โชคดี นึกว่าจะได้อะไหล่มาเก็บอีกสักสองตู้ซะแล้ว
-
ประวัติลำโพงยี้ห้อนี้ยาวนานนะครับ ลองหาอ่านได้มากมายเลยในอากู๋ รุ่นที่น้าได้มาอ่ะ ไม่ขี้เหร่นะครับ มีของดีอยู่ในมือแล้ว เลยอยากให้ทุ่มหน่อย
แล้วน้าจะได้ยินเองเสียงกลางในแบบของอินฟินิตี้ แต่อย่าทำพลาดแบบปู่ผมนะ ท่านเห็นลำโพงบ้านอื่นเข้ามีพอร์ทลม ของตัวเองไม่มี เลยเจะซะสองรูเบ่อเริ่ม [shock1]
พ่อผมบอก ทำไมไม่ถามก่อน ลำโพงรุ่นนี้เค้าเป็นตู้ปิดแบบมีพาสซีพเรดิเอเตอร์ (ลักษณะเหมือนดอกลำโพง แต่ไม่มีวอยคอย ไม่มีแม่เหล็ก ใช้ทำงานแทนพอร์ท) เสียของกันไป พ่อผมต้องหาไม้มาปิด กว่าจะซ่อมได้ สนนราคาลำโพงก็หลักหมื่นบาท(ปี27) [smi_ley]
ลองเซิสหาข้อมูลดูนะครับ แล้วจะเพลิน [roll]
ลำโพงในตัวอย่างนี้ของที่บ้านปู่ผมนะ คนละรุ่นกะของน้า
-
มีกองเชียร์เพียบเลย ทั้งเชียร์ให้ซ่อม
และรอ "ซื้อ" ด้วย [laugh-raccoon]
ว่าแต่ Kappa ในร้านแมงป่องสมัยนั้นมันอลังการจริงๆ
-
ประวัติลำโพงยี้ห้อนี้ยาวนานนะครับ ลองหาอ่านได้มากมายเลยในอากู๋ รุ่นที่น้าได้มาอ่ะ ไม่ขี้เหร่นะครับ มีของดีอยู่ในมือแล้ว เลยอยากให้ทุ่มหน่อย
แล้วน้าจะได้ยินเองเสียงกลางในแบบของอินฟินิตี้ แต่อย่าทำพลาดแบบปู่ผมนะ ท่านเห็นลำโพงบ้านอื่นเข้ามีพอร์ทลม ของตัวเองไม่มี เลยเจะซะสองรูเบ่อเริ่ม [shock1]
พ่อผมบอก ทำไมไม่ถามก่อน ลำโพงรุ่นนี้เค้าเป็นตู้ปิดแบบมีพาสซีพเรดิเอเตอร์ (ลักษณะเหมือนดอกลำโพง แต่ไม่มีวอยคอย ไม่มีแม่เหล็ก ใช้ทำงานแทนพอร์ท) เสียของกันไป พ่อผมต้องหาไม้มาปิด กว่าจะซ่อมได้ สนนราคาลำโพงก็หลักหมื่นบาท(ปี27) [smi_ley]
ลองเซิสหาข้อมูลดูนะครับ แล้วจะเพลิน [roll]
ลำโพงในตัวอย่างนี้ของที่บ้านปู่ผมนะ คนละรุ่นกะของน้า
[smi_ley]สุดยอดครับคุณปู่ เจาะท่อลมท่านคงหวังดีครับ ผมก็พึ่งจะสักเกตครับว่ามันไม่มีพร์ทลมครับ วันนี้ว่าจะเอาไปซ่อมครับ อาผมก็บอกว่าชื้อมาก็หมื่นกว่า ผมยังคิดเลยว่ากล้าชื้อได้งัยถือว่าแพงมากแล้วสำหรับผมกับค่าเงินในสมัยก่อน ถ้าไม่ใช่คนชอบฟังเพลงคงจะไม่ชื้อเด็ดขาดถือว่าแพงสำหรับผมครับ
-
เอาไปทิ้งไว้แล้วครับ ค่าเสียหายทั้งหมด 1200 ครับ
ขอบข้างละ 400ดีที่สุดที่เขามีครับ
ทวิสเตอร์เป็นแค่ขี้เกลือเกาะครับ ค่าซ่อมตัวละ 200
ผมสงสัยตรงที่ช่างเขาบอกว่า ปรับเสียงให้ด้วยตรงนี้หมายความว่าอะไรครับ การปรับเสียง
เสร็จวันศุกร์ ครับคงได้ทดลองฟังครับ
-
ดีใจด้วยครับพี่ ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับ
-
ดีใจด้วยครับ ถ้าดีผมตามด้วย แต่จะเอาไปยังไงนี่สิครับ ไกลเหลือเกิน ส่งพัสดุไปให้ช่างจะรับหรือเปล่าไม่รู้ครับ
-
ดีใจด้วยครับ ถ้าดีผมตามด้วย แต่จะเอาไปยังไงนี่สิครับ ไกลเหลือเกิน ส่งพัสดุไปให้ช่างจะรับหรือเปล่าไม่รู้ครับ
ลองโทรคุยก่อนก็ได้ครับ เบอร์โทรอยู่ในหน้าแรกครับ
-
ดีใจด้วยครับ ถ้าดีผมตามด้วย แต่จะเอาไปยังไงนี่สิครับ ไกลเหลือเกิน ส่งพัสดุไปให้ช่างจะรับหรือเปล่าไม่รู้ครับ
น่าจะได้ครับผมเห็นมีกล่องพัสดุวางอยู่ด้วยครับแสดงว่าคงต้องมีการส่งทางไปรณีย์ครับ ผมชอบการพูดคุยครับ อัธยาศัยดีครับเจ้าของร้านครับ คงจะเป็นลูกชายแล้วมั่งครับเพราะยังหนุ่มๆอยู่ครับ
-
ขอบคุณน้า R&R และ น้า Cleaning ครับ จดเบอร์ไว้แล้ว เดี๋ยวลองโทรคุยดีกว่า
-
ลองคิดเล่นๆ ขำๆ เทียบกับราคาทองคำในสมัยนั้น
ซื้อลำโพง คู่นี้มาในราคาหมื่นกว่าบาท
แต่ราคาทองคำในสมัยนั้น ตกบาทละประมาณ สี่พันกว่าบาท [OH][dancing]
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
คุณ ผึ้ง ยังไม่นอนอีกหรือครับ ขยันจังเลยครับ
ผมล่ะยอมรับเลยว่า U30+1 เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
คุณ ผึ้ง ยังไม่นอนอีกหรือครับ ขยันจังเลยครับ
ผมล่ะยอมรับเลยว่า U30+1 เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ
นั่งทำงานให้น้องสาวอยู่ครับ คงอีกพักใหญ่เลย [gr_in]
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
คุณ ผึ้ง ยังไม่นอนอีกหรือครับ ขยันจังเลยครับ
ผมล่ะยอมรับเลยว่า U30+1 เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ
นั่งทำงานให้น้องสาวอยู่ครับ คงอีกพักใหญ่เลย [gr_in]
งานไม่ได้ตัง 5555
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
คุณ ผึ้ง ยังไม่นอนอีกหรือครับ ขยันจังเลยครับ
ผมล่ะยอมรับเลยว่า U30+1 เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ
นั่งทำงานให้น้องสาวอยู่ครับ คงอีกพักใหญ่เลย [gr_in]
งานไม่ได้ตัง 5555
เผื่อน้องสาวจะได้เลื่อนขั้น [gr_in] หมดงานนี้ เด๋วต่อด้วยจ็อบของคัวเอง มีแต่นอนน้อย กับไม่ได้นอน laughhahaha
-
ไม่กล้าคิดตามเลยครับ [c--c]
คุณ ผึ้ง ยังไม่นอนอีกหรือครับ ขยันจังเลยครับ
ผมล่ะยอมรับเลยว่า U30+1 เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ
นั่งทำงานให้น้องสาวอยู่ครับ คงอีกพักใหญ่เลย [gr_in]
งานไม่ได้ตัง 5555
คุณหนุ่มก็ยังไม่นอนอีกด้วย fart-raccoon
-
ไปรับมาแล้วครับ อืมเสียงที่ได้ลำโพง jamo s064 ผมเจอศึกหนักเลย ซ่อมไป 1200 คุ้มค่ามากๆครับ ต้องค่อยๆฟังไปเรื่อยๆก่อนครับ
ฝีมือช่างแขกเนียบมากๆครับ
ผมรีวิวเสียงไม่เป็นครับ แต่ผมว่ามันเป็นลำโพงที่เสียงเบสลงได้ลึกดีครับ คุ้มค่าแก่การที่ขอมาซ่อมมากๆเลยครับ
(http://image.free.in.th/z/it/ns111.jpg) (http://pic.free.in.th/id/573c27c513066a2515253887d12bf2f5)
(http://image.free.in.th/z/if/img_5546.jpg) (http://pic.free.in.th/id/23b693e1c471b75ed38894213f0b358d)
(http://image.free.in.th/z/ix/img_5544.jpg) (http://pic.free.in.th/id/71a45d8e2b6a2f9a4ce84c930536d810)
-
[thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon]
-
ยิ่งฟังเสียงผมว่ายิ่งดีขึ้น พวกหางเสียงมันทอดไปได้ไกลดีครับ ฟังกับ มาร้าน ครับ ยังไม่กล้าเอา 1875 ที่ทำไว้ลองเลยครับ [tremor-raccoon] กลัวลำโพงพังครับ
-
น่าอิจฉาจริงๆมีลำโพงดีๆด้วย [in-love-raccoon]
-
สงสัย น้า cleaning คงได้ขาย jamo แล้วเอาค่าลำโพงที่ได้ ไป DIY แอมป์ตัวใหม่อีกเครื่อง 3-2-1-raccoon
-
ยิ่งฟังเสียงผมว่ายิ่งดีขึ้น พวกหางเสียงมันทอดไปได้ไกลดีครับ ฟังกับ มาร้าน ครับ ยังไม่กล้าเอา 1875 ที่ทำไว้ลองเลยครับ [tremor-raccoon] กลัวลำโพงพังครับ
ลำโพงอินฟินิตี้รุ่นเก่าๆ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ ถ้าน้าหารุ่นที่ลำโพง mid range เป็น โดมขาวได้นะ เคลิ้มกว่านี้แน่นอน ประกันความพอใจได้เลยครับ [smi_ley]
-
ช่างแขก ซ่อมเสร็จแล้วเหมือนกับไม่เคยซ่อมมาก่อน ฝีมือการแกะและใส่กลับเข้าไปใหม่ซู๊ดดดยอดด ขอรับ [yes-raccoon]
-
สงสัย น้า cleaning คงได้ขาย jamo แล้วเอาค่าลำโพงที่ได้ ไป DIY แอมป์ตัวใหม่อีกเครื่อง 3-2-1-raccoon
แหมช่างรู้ใจ [smi_ley]ไว้ทดสอบให้เต็มๆก่อนครับ หรือเอาไว้ใช้กับ diy ก็ได้ครับ แต่ไปๆมาๆจะไม่มีที่ตั้งซะแล้วครับ
-
สงสัย น้า cleaning คงได้ขาย jamo แล้วเอาค่าลำโพงที่ได้ ไป DIY แอมป์ตัวใหม่อีกเครื่อง 3-2-1-raccoon
แหมช่างรู้ใจ [smi_ley]ไว้ทดสอบให้เต็มๆก่อนครับ หรือเอาไว้ใช้กับ diy ก็ได้ครับ แต่ไปๆมาๆจะไม่มีที่ตั้งซะแล้วครับ
ถ้าไม่มีที่วาง สมาชิกเว็บหลายๆท่านกำลังรอ "ซื้อ" ครับ laughhahaha
แต่ลองนวดให้ครบ 100 ชั่วโมงก่อนครับ แล้วจะไม่คิดขายมันเลยก็ได้ clapping-1-2
-
สงสัย น้า cleaning คงได้ขาย jamo แล้วเอาค่าลำโพงที่ได้ ไป DIY แอมป์ตัวใหม่อีกเครื่อง 3-2-1-raccoon
แหมช่างรู้ใจ [smi_ley]ไว้ทดสอบให้เต็มๆก่อนครับ หรือเอาไว้ใช้กับ diy ก็ได้ครับ แต่ไปๆมาๆจะไม่มีที่ตั้งซะแล้วครับ
ถ้าไม่มีที่วาง สมาชิกเว็บหลายๆท่านกำลังรอ "ซื้อ" ครับ laughhahaha
แต่ลองนวดให้ครบ 100 ชั่วโมงก่อนครับ แล้วจะไม่คิดขายมันเลยก็ได้ clapping-1-2
นี่ถ้าได้หวานใจไปนวดนะ ดีวันดีคืน [roll]
-
เห็นผลงานแล้ว [thumbs-up-raccoon] ขอให้เสียงดีวันดีคืน และยินดีกับน้า cleaning ด้วยครับ ผมโทรไปสอบถามช่างแขกแล้ว คงส่งไปให้ช่างทำให้เหมือนกันครับ แต่ตู้ผมเนี่ยสภาพแย่มากๆครับ เพราะโดนน้ำท่วม สงสัยต้องไปหลายที่ทั้งช่างแขก และร้านสมเจริญครับ
-
ดีใจด้วยครับพี่ ได้ของเล่นใหม่อีกคู่แล้ว
-
ผมชอบตู้สูตรนี้ เบสลงลึกดีจริงๆ แต่ของผมเป็นตู้เปิด พอร์ทลมอยู่ด้านหลัง
-
ยิ่งฟังเสียงผมว่ายิ่งดีขึ้น พวกหางเสียงมันทอดไปได้ไกลดีครับ ฟังกับ มาร้าน ครับ ยังไม่กล้าเอา 1875 ที่ทำไว้ลองเลยครับ [tremor-raccoon] กลัวลำโพงพังครับ
ยินดีด้วยครับ คุณ cleaning ที่ถูกใจในเสียง ตามแบบฉบับของ Infinity [roll]
ชอบเสียงเบสไหมครับ ที่ได้ฟังจากลำโพงตู้ปิด ที่มีมวลอากาศภายในตู้คงที่
ซึ่งให้รายละเอียดเสียงเบสที่แยกแยะ harmonic ได้ดีกว่าลำโพงตู้เปิด
ค่า damping factor ก็สูงกว่าลำโพงตู้เปิด เหมาะอย่างมากถ้าใช้ร่วมกับ แอมป์หลอด
ส่วนเสียงกลางและแหลม Infinity ไม่ทำให้ผิดหวังกับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาที่เป็นจุดขาย
ในการแยกแยะ harmonic ที่มีความถี่ไกล้เคียงกันอย่างเด็ดขาด
อย่างเช่น ในเพลง มีกีต้าร์โปร่งสายเหล็กอยู่ สองตัว ที่ให้เสียงคล้ายกัน
แต่ถ้าฟังจากลำโพง Infinity เสียงกีต้าร์ทั้งสองตัวจะไม่เหมือนกันเลย
และถ้าคุณ cleaning ได้ฟังเพลงที่มีเสียง เปียโน แล้วจะบอกว่า ทุกลิ่มคีย์ที่ได้ฟัง [smi_ley]
ขอให้มีความสุขครับ
-
ผมชอบตู้สูตรนี้ เบสลงลึกดีจริงๆ แต่ของผมเป็นตู้เปิด พอร์ทลมอยู่ด้านหลัง
คุณ R&R แต่ พอร์ทอยู่ด้านหลังฟังมันส์กว่าน๊ะครับ [rave] และขนาดของเสียงเบสก็ใหญ่กว่าครับ
และ airy ก็จะดีกว่าครับผม
เนี่ย! พูดถึงลำโพง Infinity แล้วอยากลองฟังอีกจังเลยครับ
เด๋วว่าจะหายืม มาลองฟังมั่งครับ
(ที่ผมเคยฟังเครื่องต่างๆ นั้นส่วนมากเป็นของที่เขาให้ยืมมาทั้งนั้นแหละครับ หรือไม่ก็เป็นของที่เพื่อนให้ยืมฟังก่อนฝากผมขาย) [gr_in]
-
สงสัย น้า cleaning คงได้ขาย jamo แล้วเอาค่าลำโพงที่ได้ ไป DIY แอมป์ตัวใหม่อีกเครื่อง 3-2-1-raccoon
แหมช่างรู้ใจ [smi_ley]ไว้ทดสอบให้เต็มๆก่อนครับ หรือเอาไว้ใช้กับ diy ก็ได้ครับ แต่ไปๆมาๆจะไม่มีที่ตั้งซะแล้วครับ
ถ้าไม่มีที่วาง สมาชิกเว็บหลายๆท่านกำลังรอ "ซื้อ" ครับ laughhahaha
แต่ลองนวดให้ครบ 100 ชั่วโมงก่อนครับ แล้วจะไม่คิดขายมันเลยก็ได้ clapping-1-2
นี่ถ้าได้หวานใจไปนวดนะ ดีวันดีคืน [roll]
เดี๋ยวน้าคลีนก็เข้าใจผิดคิดว่าให้เผานา น้ารุ่ง [in-love-raccoon]
-
ลูกพี่เบิ้ลแต่เวลาต่างกันด้วย [roll-eyes]
-
ลูกพี่เบิ้ลแต่เวลาต่างกันด้วย [roll-eyes]
พี่เล็กชอบพูดเรื่องจริงจังเลยครับ laughhahaha แหมเสียดายถ้าได้แอมป์หลอดผมว่าคงจะเข้ากันสุดๆครับ แต่ตอนนี้ก็มีหลอดผสมนะครับ laughhahaha buffer หลอดไงครับ
ก็ดีใจครับที่ผมจะได้มีลำโพงฟังเพลงจริงๆกับเขาบ้างครับ
-
ขอดันกระทู้นี้ขึ้นมานิดครับ คือผมสงสัยเกียวกับลำโพงครับ ผมไปสอบถามพูดคุยอีกเว็ปเกี่ยวกับเรื่องแอมป์หลอด เขาบอกว่าลำโพงผม เกิดในยุคที่แอมป์หลอด ลดลงจนเกือบหมดคือไม่มีคนนิยม โซลิตกำลังเฟื่องฟูขึ้นมา ลำโพงผมไม่เหมาะกับแอมป์หลอด ถ้าเอาไปใช้ักับแอมป์หลอดอาจจะต้องเปลียนลำโพงเลย ผมก็เลยงงเหมือนกันว่า จะต้องเลือกลำโพงแบบไหนหรือที่เอาไปเล่นกับแอมป์หลอด ต้องลำโพง ฟูลเรนท์ หรือถึงจะเหมาะครับ
-
REFERENCE 30 - 2-Way 100 Watt RMS Speaker
Sensitivity: 90dB (2.8V/1 meter)
Nominal Impedance: 6 ohms
ความไว ไวกว่าลำโพงบ้านผมซะอีก [gr_in]
ตอนนี้น้ารับสารมาหลายทาง แต่ตัดบางส่วนของข้อความมาใช้รวมกัน แบบนี้ยิ่งเล่นยิ่งงครับ
-
น้าคลีนก็ลองฟังดูก่อน ถ้าไม่ถูกใจค่อยว่ากันใหม่ แต่ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
น้าคลีนไปคุยกับใครมานี่ แต่ถ้าเปลี่ยนลำโพง ส่ง 90dB มาทางนี้เลยนะ [laugh-raccoon]
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
น้าคลีนไปคุยกับใครมานี่ แต่ถ้าเปลี่ยนลำโพง ส่ง 90dB มาทางนี้เลยนะ [laugh-raccoon]
น้ารุ่งตัวนี้ผมมองมานานแล้วนะครับ laughhahaha
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
ถ้าเบื่อ ขอสำรองนะครับพี่ เห็นมีหลายคิวละ ^^
-
ลูกค้าเป็นห่างว่าวแล้วครับน้าคลีน [yes-raccoon]
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
คุณ cleaning ไปคุยกับใครมาครับแค่ เรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะครับว่าคุยต่อไม่ได้
เพราะเขาเอาความชอบส่วนตัวมาแนะให้กับคุณ cleaning แล้วกระมังครับ เพราะถ้าปรับทุ้มแหลมเมื่อไหร่นันหมายถึงเขาไม่สนใจในเรื่องแมทชิ่งแล้วครับ
น่าจะฟังเพื่อเอามันอย่างเดียวมากกว่าเอารายละเอียดของเสียงที่ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ฟัง ทำเป็นยุคหลอดยุคแรกไปได้ที่แหล่งโปรแกรมไม่ดีจนต้องใช้ปรีโทนช่วยปรับ [unde_cided]
อย่างลำโพง Infinity ผมว่ายังไงก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับหลอด เพราะเป็นตู้ปิด ค่า damping factor จะสูงซึ่งจะช่วยแอมป์หลอดที่อ่อนด้อยในเรื่องนี้
ยุคนั้นเป็นยุคโซลิดก็จริงอยู่ เพราะแนวเพลงได้ส่งให้ผู้ผลิตเครื่องต้องโน้มเอียงไปทางนั้น
แต่ค่าความไวของ Infinity และแนวเสียงผมว่ายังไงก็น่าจะไปกันได้ดีกับหลอดอย่างไม่ต้องสงสัย
-
ผมเห็นแล้วล่ะ ผมว่าแนวคิดน้าคนนั้นมันสวนทางกับผมหลายเรื่องเลย ทั้งเรื่อง ปรีโทน เรื่องลำโพง ผมทำงานบันทึกเสียง เวลาเล่นกลับยังหาทางหาเสียงที่บริสุทธิ์เท่าที่ sound engineer คนนั้นบันทึกมา ผมอ่านแล้วยังงง
ลำโพงนี่ก็เหมือนกันครับ ความไว 90 เนี่ย ถ้าป้อนที่ 1 W rms นะครับ ที่ความไวขนาดนี้ ถือว่าไวมากลำหรับแอมป์หลอด และถึงลำโพงจะเป็นตู้ปิดก็เถอะ ไม่งั้นลำโพง ar ที่เก่ากว่านี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ครับน้า
ใช่ครับเล่นเอาผมงงไปเลยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยถามว่าจะเปลี่ยนลำโพง เขาก็บอกผมว่าลำโพงผมดีแล้วไม่ควรเปลีย่น ถ้าจะเปลี่ยนต้องหาลำโพงที่มีค่าตัว20k ขึ้นไปถึงจะกินลำโพงผมลง
แต่ไงมาคราวนี้ลำโพงผมกล้ายเป็น แย่ไปเลย กับ ss ก็ไม่เหมาะ กับหลอด ก็ไม่เหมาะ งงไปเลยผมครับ และยกตัวอย่างอ้างอิงจนมือใหม่อย่างผม พูดไม่ออกไปเลยครับ
อย่างเรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ผมไม่ชอบปรับเลย
ตอนแรกผมว่าจะไปมองๆแอมป์หลอด มาเล่นกับลำโพงผมซะหน่อย เจอเบรค เข้าไปหัวทิ่มเลยครับสำหรับผม กล้ายเป็นว่าถ้าผมไปหลอด ก็ต้องเปลีย่นลำโพงอีก ตายเลยครับแบบนี้จะจบซะหน่อย กล้ายเป็นจบไม่ลงไปเลยครับ
คุณ cleaning ไปคุยกับใครมาครับแค่ เรื่องการปรับ ทุ้มแหลม ก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะครับว่าคุยต่อไม่ได้
เพราะเขาเอาความชอบส่วนตัวมาแนะให้กับคุณ cleaning แล้วกระมังครับ เพราะถ้าปรับทุ้มแหลมเมื่อไหร่นันหมายถึงเขาไม่สนใจในเรื่องแมทชิ่งแล้วครับ
น่าจะฟังเพื่อเอามันอย่างเดียวมากกว่าเอารายละเอียดของเสียงที่ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ฟัง ทำเป็นยุคหลอดยุคแรกไปได้ที่แหล่งโปรแกรมไม่ดีจนต้องใช้ปรีโทนช่วยปรับ [unde_cided]
อย่างลำโพง Infinity ผมว่ายังไงก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับหลอด เพราะเป็นตู้ปิด ค่า damping factor จะสูงซึ่งจะช่วยแอมป์หลอดที่อ่อนด้อยในเรื่องนี้
ยุคนั้นเป็นยุคโซลิดก็จริงอยู่ เพราะแนวเพลงได้ส่งให้ผู้ผลิตเครื่องต้องโน้มเอียงไปทางนั้น
แต่ค่าความไวของ Infinity และแนวเสียงผมว่ายังไงก็น่าจะไปกันได้ดีกับหลอดอย่างไม่ต้องสงสัย
ขอบคุณมากครับ ค่อยยังชั่วหน่อยครับ เป็นข้อมูลขัดแย้งที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือได้ครับ ผมเองก็จำไม่ได้แล้วซิครับ ลำโพงผมเคยได้มีโอกาศ สัมผัสกับ 2A3 มาแล้วครับ ซึ่งผมพอจะจำได้ลางๆว่าเสียงที่เปล่งออกมาใสเนียนมาก แต่อนิจจาฟังได้ไม่ถึงเพลง ก็ถุกเปลี่ยนไปเป็น 1875 ไปซะแล้ว เลยผมเองก็ไม่กล้าฟันธงและไม่มั่นใจเลย
-
หากน้าcleaningไม่เปลี่ยนลำโพงคงยึดมั่นกับลำโพงตัวนี้
ผมขอบอกว่ามันเกิดมายุคหลอดกำลังหดตัว โซลิตกำลังโต เสียงของลำโพงตัวนี้เจอแอมป์โซลิตยัึงจืดเลยครับ หากไปหลอดน้าจะได้เปลี่ยนลำโพงแน่นอนครั
-
น้าcleaningครับคือว่าด้วยประสพการณ์อันน้อยนิดของผมจะมองว่า ลำโพงและแอมป์ยุคเดียวกันนั้นมันจะทำออกมาชดเชยซึ่งกันและกัน อย่างเล่นหลอดสุดท้ายก็ต้องไปเล่นลำโพงตัวใหญ่ๆ เอาไว้ขับเสียงทุ้ม มีฮอร์นเป็นตัวขับเสียงแหลม มันถึงจะชดเชยซึ่งวัตต์ที่น้อยของแอมป์หลอดได้
ในสมัยที่ลำโพงน้าออกมาแอมป์โซลิตมักมีปุ่มปรับเสียงทุ้มแหลม ลาว์ดเนส อีคิว มาด้วย ซึ่งก็ไพเราะแบบมิวสิคเลิฟเวอร์ได้อย่างดี เพราะชดเชยที่ลำโพงน้าจะมีเสียงกลางที่ดี เสียงทุ้มที่ไม่มาก เสียงแหลมที่ไม่สุด ตอนผมเริ่มซื้อลำโพงครั้งแรกผมได้ลำโพงวาร์ฟเดล 304 ตู้ปิด ไม่กินวัตต์ แต่ทำอย่างไรเสียงก็ได้ระดับหนึ่งจะให้ครบอย่างลำโพงทุกวันนี้ไม่ได้ ตอนหลังผมใช้เอาไว้เล่นเกมส์ขับรถจนตู้เปื่อยจึงได้ทิ้งไป
ผมอยากบอกว่าแอมป์ของน้า หากปรับทุ้มแหลมให้ดีก็จะทำลำโพงน้าเสียงดีที่สุดเท่าที่มันจะให้ได้แล้วครับ เปลี่ยนแอมป์ใหม่ก็จะได้อย่างและเสียอีกอย่างไม่รู้จบ ไปหลอดผมว่าเสียงก็ใสได้ไม่มากกับลำโพงเดิมแถมจะมีกลางโปร่งเกินล้ำหน้าเสียงอื่นด้วยครับ
หากน้าไม่โกรธผมนะ ผมอยากบอกน้าว่าใจเย็นๆ ฟังเพลงให้ไพเราะอย่าจับผิดเครื่องมากนัก และหากมีโอกาศในวันข้างหน้าค่อยระเบิดชุดทีเีดียวตั้งงบซักห้าหกสิบเคจะเห็นน้ำเห็นเนื้อครบอย่างที่น้าต้องการได้ครับ
-
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน
ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ
ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ
อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว
การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
-
น้อยใจ น้าคลีนเห็นข้อมูลเราไม่น่าเชื่อถือ [pig90124]
-
ผมต้องขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจและพอดีทันในยุคนั้น
ลำโพงแทบทุกคู่ที่ออกแบบมา ถ้าดูตามสเปคแล้วจะตอบสนองความถี่ได้กว้างและครอบคลุมอยู่แล้ว
โดยที่ไม่ต้องปรับ ทุ้มแหลมชดเชยเลย แม้แต่ลำโพงฟูลเร้นท์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพราะผู้ฟังต้องการบุคคลิกเสียงที่โน้มเอียงไปในทางนั้น
แล้วยุคโซลิดมีทุ้มแหลมเอาไว้ทำไม ก็มีไว้เพื่อที่จะได้เหมาะกับแนวเพลง ที่เป็นเพลงร๊อกและเพลงแดนซ์นะซิครับ
และเป็นจุดขายด้วยครับ ที่จะได้บอกสเปคในกำลังสำรองว่ามีมาก และเล่นได้ง่าย จัดชุดได้ง่าย
แล้วเสียงอ้างอิงของผู้ฟังมีอิทธิพลมาจาก ดิสโก้เธค และคอนเสิร์ต ถ้าไม่มี loudness ไม่มีปรับทุ้ม-แหลม ผมว่าขายไม่ออกแน่ครับ
แต่แอมป์ยุคนั้น ที่ไม่มี ปรับทุ้ม-แหลม ก็มีนะครับ แต่ต้องขอบอกว่าราคาเกินเอื้อมเลยครับ [tremor-raccoon]
-
น้อยใจ น้าคลีนเห็นข้อมูลเราไม่น่าเชื่อถือ [pig90124]
laughhahaha เชื่อซิครับเจตนาผมดันกระทู้เพราะว่าผมเจาะจงมาถาม 2 ท่านครับ ก็คุณ Liberty กับคุณ GUY audio ครับ เพราะว่าทั้งสองท่านให้เครติดลำโพงไว้ดีครับ [roll]
-
ผมต้องขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจและพอดีทันในยุคนั้น
ลำโพงแทบทุกคู่ที่ออกแบบมา ถ้าดูตามสเปคแล้วจะตอบสนองความถี่ได้กว้างและครอบคลุมอยู่แล้ว
โดยที่ไม่ต้องปรับ ทุ้มแหลมชดเชยเลย แม้แต่ลำโพงฟูลเร้นท์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพราะผู้ฟังต้องการบุคคลิกเสียงที่โน้มเอียงไปในทางนั้น
แล้วยุคโซลิดมีทุ้มแหลมเอาไว้ทำไม ก็มีไว้เพื่อที่จะได้เหมาะกับแนวเพลง ที่เป็นเพลงร๊อกและเพลงแดนซ์นะซิครับ
และเป็นจุดขายด้วยครับ ที่จะได้บอกสเปคในกำลังสำรองว่ามีมาก และเล่นได้ง่าย จัดชุดได้ง่าย
แล้วเสียงอ้างอิงของผู้ฟังมีอิทธิพลมาจาก ดิสโก้เธค และคอนเสิร์ต ถ้าไม่มี loudness ไม่มีปรับทุ้ม-แหลม ผมว่าขายไม่ออกแน่ครับ
แต่แอมป์ยุคนั้น ที่ไม่มี ปรับทุ้ม-แหลม ก็มีนะครับ แต่ต้องขอบอกว่าราคาเกินเอื้อมเลยครับ [tremor-raccoon]
คิดอีกที่ถูกต้องนะครับ เพราะพอนึกอีกที่ก็ใช่นะ ตอนที่เห็นๆมีคนเคยปรับก็ปรับเพื่ออัดเบสให้ตึบๆ
แต่ผมเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาเสียเลยการปรับ และไม่ชอบแอมป์ หรือปรีที่มี ให้ปรับด้วย ถ้ามีให้ปรับ แล้วเราจะสรรหา dac หรือฯลฯ มาเล่นทำไม เพราะว่าปรับเอาก็ได้นี่ถ้าอยางจะได้ทุ้มๆแหลมๆ
-
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน
ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ
ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ
อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว
การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
ประโยคนี้ต้องให้ คุณ ผึ้ง อธิบาย เพราะที่ คุณ SS อธิบายถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ยอมบอกต่อว่า ปรับเพราะอะไร ทำไมถึงต้องปรับแต่งเสียง 3-2-1-raccoon
-
จริงๆแล้ว ต้องเข้าใจก่อนว่า ซอร์สสมัยก่อน เราไม่ได้เล่นซีดีกันครับ เราเล่นเทป เทปคลาสเส็คเนี่ยล่ะ สำหรับคนทั่วๆไปเลย มีระดับหน่อยก็เล่นแผ่นเสียง แน่นอนแผ่นเสียงเสียงย่อมดีกว่า แล้วคนที่เล่นเทปทำไงล่ะ เค้าก็เลยออกโทนคอนโทรลมาให้เพื่อชดเชย หลักก็อย่างนั้นล่ะครับ
ส่วนลาวเนสอ่ะ มันเป็นการยกความถี่ช่วงปลายต่ำ และปลายสูง พอฟังแล้วเหมือนมันมีเรี่ยวแรง แต่ถามหน่อย เวลาฟังสดๆ เคยได้ยินเสียงแบบนี้เหรอ ฟังเอาสนุกไม่มีปัญหาครับผม
เสริมแค่นี้ก่อน เท่าที่นึกออกครับ [gr_in]
-
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน
ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ
ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ
อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว
การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
ประโยคนี้ต้องให้ คุณ ผึ้ง อธิบาย เพราะที่ คุณ SS อธิบายถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ยอมบอกต่อว่า ปรับเพราะอะไร ทำไมถึงต้องปรับแต่งเสียง 3-2-1-raccoon
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ [yes-raccoon]
-
ผมต้องขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจและพอดีทันในยุคนั้น
ลำโพงแทบทุกคู่ที่ออกแบบมา ถ้าดูตามสเปคแล้วจะตอบสนองความถี่ได้กว้างและครอบคลุมอยู่แล้ว
โดยที่ไม่ต้องปรับ ทุ้มแหลมชดเชยเลย แม้แต่ลำโพงฟูลเร้นท์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพราะผู้ฟังต้องการบุคคลิกเสียงที่โน้มเอียงไปในทางนั้น
แล้วยุคโซลิดมีทุ้มแหลมเอาไว้ทำไม ก็มีไว้เพื่อที่จะได้เหมาะกับแนวเพลง ที่เป็นเพลงร๊อกและเพลงแดนซ์นะซิครับ
และเป็นจุดขายด้วยครับ ที่จะได้บอกสเปคในกำลังสำรองว่ามีมาก และเล่นได้ง่าย จัดชุดได้ง่าย
แล้วเสียงอ้างอิงของผู้ฟังมีอิทธิพลมาจาก ดิสโก้เธค และคอนเสิร์ต ถ้าไม่มี loudness ไม่มีปรับทุ้ม-แหลม ผมว่าขายไม่ออกแน่ครับ
แต่แอมป์ยุคนั้น ที่ไม่มี ปรับทุ้ม-แหลม ก็มีนะครับ แต่ต้องขอบอกว่าราคาเกินเอื้อมเลยครับ [tremor-raccoon]
คิดอีกที่ถูกต้องนะครับ เพราะพอนึกอีกที่ก็ใช่นะ ตอนที่เห็นๆมีคนเคยปรับก็ปรับเพื่ออัดเบสให้ตึบๆ
แต่ผมเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาเสียเลยการปรับ และไม่ชอบแอมป์ หรือปรีที่มี ให้ปรับด้วย ถ้ามีให้ปรับ แล้วเราจะสรรหา dac หรือฯลฯ มาเล่นทำไม เพราะว่าปรับเอาก็ได้นี่ถ้าอยางจะได้ทุ้มๆแหลมๆ
ดูเหมือนคุณ cleaning จะเข้าใจอะไรผิดนะครับ ลองบอกซิครับว่า DAC มีหน้าที่อะไร เกรงว่าปล่อยไปแล้วจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เพราะที่โพสมามันคนละส่วนกันเลยครับระหว่าง DAC กับ pre tone
-
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน
ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ
ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ
อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว
การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
ประโยคนี้ต้องให้ คุณ ผึ้ง อธิบาย เพราะที่ คุณ SS อธิบายถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ยอมบอกต่อว่า ปรับเพราะอะไร ทำไมถึงต้องปรับแต่งเสียง 3-2-1-raccoon
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ [yes-raccoon]
[thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon] [thumbs-up-raccoon]
-
ผมต้องขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจและพอดีทันในยุคนั้น
ลำโพงแทบทุกคู่ที่ออกแบบมา ถ้าดูตามสเปคแล้วจะตอบสนองความถี่ได้กว้างและครอบคลุมอยู่แล้ว
โดยที่ไม่ต้องปรับ ทุ้มแหลมชดเชยเลย แม้แต่ลำโพงฟูลเร้นท์ก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพราะผู้ฟังต้องการบุคคลิกเสียงที่โน้มเอียงไปในทางนั้น
แล้วยุคโซลิดมีทุ้มแหลมเอาไว้ทำไม ก็มีไว้เพื่อที่จะได้เหมาะกับแนวเพลง ที่เป็นเพลงร๊อกและเพลงแดนซ์นะซิครับ
และเป็นจุดขายด้วยครับ ที่จะได้บอกสเปคในกำลังสำรองว่ามีมาก และเล่นได้ง่าย จัดชุดได้ง่าย
แล้วเสียงอ้างอิงของผู้ฟังมีอิทธิพลมาจาก ดิสโก้เธค และคอนเสิร์ต ถ้าไม่มี loudness ไม่มีปรับทุ้ม-แหลม ผมว่าขายไม่ออกแน่ครับ
แต่แอมป์ยุคนั้น ที่ไม่มี ปรับทุ้ม-แหลม ก็มีนะครับ แต่ต้องขอบอกว่าราคาเกินเอื้อมเลยครับ [tremor-raccoon]
คิดอีกที่ถูกต้องนะครับ เพราะพอนึกอีกที่ก็ใช่นะ ตอนที่เห็นๆมีคนเคยปรับก็ปรับเพื่ออัดเบสให้ตึบๆ
แต่ผมเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาเสียเลยการปรับ และไม่ชอบแอมป์ หรือปรีที่มี ให้ปรับด้วย ถ้ามีให้ปรับ แล้วเราจะสรรหา dac หรือฯลฯ มาเล่นทำไม เพราะว่าปรับเอาก็ได้นี่ถ้าอยางจะได้ทุ้มๆแหลมๆ
ดูเหมือนคุณ cleaning จะเข้าใจอะไรผิดนะครับ ลองบอกซิครับว่า DAC มีหน้าที่อะไร เกรงว่าปล่อยไปแล้วจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เพราะที่โพสมามันคนละส่วนกันเลยครับระหว่าง DAC กับ pre tone
dac ตัวแปลงดิจิตอลเป็นอนาล๊อคครับ ผมหมายถึงเขาสรรหา dac เสียงดีๆมาเล่นกัน ถ้าปรับปรีโทน ก็เท่ากับว่าไม่ได้ใช้เสียงที่ดีๆของ dac เลย บางที่การเข้าใจแปลเป็นตัวหนังสือไม่ค่อยจะถูก
-
น้าcleaningถูกกระแสออดิโอฟายปั่นเข้าเต็มๆ แล้วครับ การปรับทุ้มแหลมนั้นหากปรับเพื่อเป็นการชดเชยข้อด้อยของระบบ และข้อด้อยของหูเพื่อให้เสียงถูกต้องเสมือนจริงมากที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ทั้งนี้อยากให้น้าไปอ่านเรื่องพวกระบบการทำงานของหู และอคูสติกเบื้องต้นก่อนจะได้ไม่หลงทางครับ การปรับทุ้มแหลมก็เหมือนการปรับจูนเนทเวอร์ค หรือการปรับความดังของลำโพงแต่ละดอกแทนที่จะทำโดยHardwareก็เป็นการทำโดยsoftwareแทน
ระบบออดิโอฟาย เน้นว่าออดิโอฟาย ไม่ใช่ไฮไฟ เขาจะไม่ยอมรับการปรับใดๆ เขาบอกว่าเครื่องที่ดีต้้องไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น การปรับเป็นการบิดเบือน แต่หารู้ไม่ว่าตอนวิศกรอัดเสียงนั้นปรับกันอย่างมาก ทีอย่างนี้ไม่ไปบ่นวิศวกรละครับว่าอัดเสียงปรับกันทำไม แม้กระทั่งแผ่นdirect cutที่วงดนตรีเล่นไปอัดลงแผ่นเสียงไปก็ยังมีการปรับเสียงเลยครับ
ระบบไฮไฟคือช่วงที่ลำโำพงน้าเกิดมา ตอนนั้นไม่ว่าเครื่องหลอด หรือเครื่องโซลิตมีปุ่มยุบยับไปหมด รวมถึงยุคปลายของระบบสี่แชนแนลด้วยการสังเคราะห์ด้วยครับ(ต้นแบบของระบบเซอร์ราว์ดในปัจจุบัน) ในระบบนี้ตอนนั้นเทคโนโลยี่ของลำโพงพยายามทำลำโพงตัวใหญ่ให้เล็กลง แต่จะชดเชยเสียงที่ขาดหายไปด้วยการปรับปุ่มต่างๆ บนเครื่องเล่นแทน และผู้คนตอนนั้นก็ยอมรับข้อด้อยของหูว่ามีการตอบสนองความถี่ตามความดังได้ไม่เท่ากันจึงมีระบบLoundnessออกมาอย่างไรครับ
อันที่จริงแล้วในยุคที่ลำโพงน้าเกิดมานั้นเป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของinfinityแล้ว แต่ตอนนั้นตัวที่พ่อผมใช้เป็นตัวmonitor 12นิ้ว เสียงแหลมเป็นริบบอน ผมชอบแอบไปฟังประจำ ยุคนั้นผมยังใช้ลำโพงต่อเองของบ้านหม้อ ส่วนลำโพงน้าเป็นยุคที่infinityพยายามย่อลำโพงลงให้ฟังกับห้องได้หลากหลาย จัดวางง่าย ไม่เกี่ยงห้อง ไม่เกี่ยงเครื่องเล่น แต่หากต้องการเสียงดีต้องปรับเสียงจากแอมป์บ้าง ผมยังมีความเชื่อว่าหากน้าเล่นตามวัตถุประสงค์ของคนออกแบบแล้วน้าจะได้เสียงดี แต่หากน้าอยากได้เสียงครบแบบไม่ปรับก็ต้องซื้อลำโพงที่มีอายุไม่เกิน10ปีครับเพราะพวกนี้จะออกแบบให้เล่นโดยไม่ต้องปรับเสียง แต่ก็แลกกับความไวที่ลดลงเหมือนที่น้าชอบNHTนั่นแหละครับ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกน้าให้ใจเย็นๆ มีงบซักห้าหกสิบเคแล้วค่อยอัพทีเดียว
การปรับเสียงเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวละครับ หากน้ำซุปดีไม่ปรุงอะไรก็อร่อย พ่อครัวปรุงมาสำเร็จแล้ว แต่ลองกินก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพที่ใช้ผงชูรสทำน้ำซุบซิครับ ทนกินไม่ปรุงอะไรมันก็ไม่อร่อย
ประโยคนี้ต้องให้ คุณ ผึ้ง อธิบาย เพราะที่ คุณ SS อธิบายถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ยอมบอกต่อว่า ปรับเพราะอะไร ทำไมถึงต้องปรับแต่งเสียง 3-2-1-raccoon
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ [yes-raccoon]
ผมเคยตีกลองแต๊กอยู่ในวงเล็กๆตามโรงเรียนมาแล้วครับ [roll] ฟังไม่ได้หรอกครับมันแทงหู ครับ
อืมไม่เคยรู้เลยนะครับ ว่าการปรับมันช่วยแบบไหน ที่เราฟังๆกันอยู่ในถูกปรับมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่ชอบปรับครับ ชอบแบบที่เขาปรับมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ชอบฟังแบบที่เขาผสมมาให้เรียบร้อยไม่ชอบปรุงรสก๋วยต๋วยเองอีกครับ
-
ผมเคยตีกลองแต๊กอยู่ในวงเล็กๆตามโรงเรียนมาแล้วครับ [roll] ฟังไม่ได้หรอกครับมันแทงหู ครับ
อืมไม่เคยรู้เลยนะครับ ว่าการปรับมันช่วยแบบไหน ที่เราฟังๆกันอยู่ในถูกปรับมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่ชอบปรับครับ ชอบแบบที่เขาปรับมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ชอบฟังแบบที่เขาผสมมาให้เรียบร้อยไม่ชอบปรุงรสก๋วยต๋วยเองอีกครับ
ก็เหมือนผมแหล่ะครับ แต่งานของผมต้องปรับครับ ไม่งั้นคุณๆท่านๆ ดูหนังไม่ได้อรรถรสอย่างแน่นอนครับผม [gr_in]
-
อย่างผมฟัง Pink Floyd ซาวด์จะหม่น และมืด ได้อารมณ์ร่วมที่ลึกลับ คล้ายปริศนาที่แทรกอยู่ในบทเพลงที่ไขไม่ออก
ถ้าผมปรับแหลมเพื่อชดเชย ให้ฟังดูสว่างมากขึ้น [pig90124] [pig90124] [pig90124] ความขลังของบทเพลงผมว่าน่าจะลดน้อยลง
หรืออย่างน้องกายซึ่งเป็นเด็ก อายุ 6 ขวบ
ผมเปิด Donna Summer - Hot Stuff โดยใช้แผ่นเสียงและลำโพง วางหิ้งขนาดเล็ก
ซึ่งถ้าตามลักษณะของเสียงจากลำโพง ปริมาณของเบสและความอิ่มลึกของเสียงไม่น่าจะเหมาะกับแนวเพลง ดิสโก้
อีกทั้งยังเป็นแผ่นที่ไม่ใช่ audiophile อีก ลักษณะเสียงที่ได้ยินจึงค่อนข้างแบนแต่ก็ยังพอฟังได้
เอาล่ะเห็นว่าน้องกายชอบเต้นและร้องตามด้วยความสนุกสนานถึงแม้เนื้อเพลงจะไม่ค่อยเหมาะกับเด็กนัก [pig6456]
ผมเลยนำแผ่นซีดีไปเปิดกับชุดดูหนังที่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์ และปรับทุ้มแหลมนิดหน่อยในใจคิดเด๋วต้องชอบแน่
ผลปรากฏไม่เต้นครับ แฟ่วไปเลย เป็นเรื่องจริงนะครับไม่ได้ใส่ไข่ให้เข้ากับกระทู้
เพียงแต่ผมยกตัวอย่างให้ฟังว่า เสียงและรายละเอียดรวมถึงแรงปะทะที่ไม่หลอกหู นำพาเราเข้าไปสู่บทเพลงได้ง่ายกว่า แม้จะมีข้อด้อยในเรื่องโทนเสียงก็ตาม
การปรับแต่งเสียงที่ให้โทนที่หลอกหู อาจจะฟังดูดีในแค่ชั่วขณะแต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถนำพาให้ผู้ฟังได้เข้าถึงบทเพลงได้ แม้แต่เด็กก็ตาม [unde_cided]
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
ผมว่าข้ามไป EQ31 band เลยดีฝ่า คราวนี้ได้โทนบาลานที่ต้องการทุกเพลงล่ะ แต่คงต้องแลกด้วยรูปวงที่เสียไปบ้าง [shock1]
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ laughhahaha
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ laughhahaha
ต้องลองครับ ฮัมความถี่เท่าไหร่กี่ dB ตัดทิ้งเลย แต่ถ้าเสียงดนตรีมาความถี่นั้นก็อดได้ยินด้วย ทำไมกลัวฮัมอีกล่ะครับ ปรีหลอดเดียวที่ทำไม่มีฮัมแล้วนี่ น่าจะปราบได้แล้ว มีอะไรมาอีกก็ทำได้แล้ว เพราะเราทพมาหมดแล้ว [laugh-raccoon]
-
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว
ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย ถึงมันจะเพี้ยน ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้ (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์ การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด
แต่ฟังดูแล้วเหมือน จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ
ปล อ้อ..ลืมไป เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย ผมก็คิดตามประสาผม
-
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว
ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย ถึงมันจะเพี้ยน ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้ (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์ การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด
แต่ฟังดูแล้วเหมือน จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ
ปล อ้อ..ลืมไป เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย ผมก็คิดตามประสาผม
[heyheybaby_watch] บางทีผมก็งงเหมือนกัน ย่อหน้าแรก ทำให้นึกถึงในเธคในผับ ดีเจปรับ มิกส์กันตลอดทั้งเพลง หนักกว่าปรับทุกเพลงซะอีก หลายท่านพอจะนึกออก แต่ผมว่าไม่ได้ปรับให้เพี้ยนหรอกครับ น่าจะปรับเอาใจนักเที่ยว ซะมากกว่า แต่อย่างน้าคลีนว่า ชอบกินก๋วยเตี๋ยวที่เขาปรุงมาแล้ว ไม่ชอบปรุงเอง ซึ่งตรงข้ามกับดีเจ ที่เอามาปรุงแต่งเองเพื่อความพอใจของบรรดานักเที่ยว แต่คงไม่มีใครเอาก๋วยเตี๋ยวที่เอาปรุงมาแล้วไปล้างน้ำแล้ว กินแต่ก๋วยเตี๋ยวลวกน้ำร้อน เหมือนเสียงก่อนที่ ซาวน์เอนจิเนียร์จะปรับแต่งเสียง ซึ่งก็คงฟังไม่เพราะเท่าใดนัก
เคยอ่านว่า การปรับโทนหรือ EQ นานๆจะทำสักที เพราะอาศัยการฟังหรือเครื่องมือจับสัญญาณเสียง โดยใช้แผ่นทดสอบเปิดกับชุดเครื่องเสียง แล้วจับสัญญาณดูกราฟดูความถี่ ความแรง หากน้อยก็เพิ่ม มากไปก็ลดลง ทำแบบนี้ครบทุกความถี่ทุกย่านเสียง หรืออาศัย การฟังด้วยความชำนาญ ปรับแต่งเอา ซึ่งจะปรับที่โทน EQ หรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวในเครื่องก็ได้ เพราะวิธีนี้คงดีกว่าสร้างห้องฟังดีๆสักห้องอย่างพี่เล็กกล่าวไว้ ดังนั้นผมก็ชอบแบบน้าคลีนไม่ต้องปรุงผมหิวแล้ว [laugh-raccoon]
-
น้า civicdotcom ครับ เล่นเอาผมงงเลย นี่แน่ะ [checks-raccoon]
ผมก็ว่าเอ๋ เราไปเขียนเรื่องความเพี้ยนตอนไหนหว่า ไล่อ่านย้อนไป ก็ไม่เจอ ถือว่าเล่าสู่กันฟังครับ เวลาที่เราบันทึกเสียง(ซาวด์เอ็นจิเนียร์) เราก็จะเก็บเสียงที่สมจริงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้อยู่แล้วครับ ส่วนจะบันทึกทีล่ะชนิดเครื่องดนตรี หรืออัดสดพร้อมกันทั้งวงก็ว่ากันไปตาม ความต้องการของนักดนตรี และซาวด์เอ็น คนนั้นจะประชุมกันว่าอยากให้งาน(เสียงดนตรีเสียงร้อง)ออกมาแบบไหน
เพราะการอัดทั้งสองแบบให้ลักษณะซาวด์ออกมาต่างกันแน่นอน
เพลงที่อัดสดพร้อมกันทั้งวง เวลาอัดก็อยู่ที่เทคนิคของซาวด์ท่านนั้น ว่าจะวางไมค์ยังไง ส่วนใหญ่กลอง และนักร้อง เราจะให้อยู่ในห้องแยก (isolate) อาจจะเป็นห้องกระจก หรืออาจจะเป็น absorber ล้อมรอบ ตัวอย่างในรูป (รูปยืมมานะ) แล้วก็วางไมค์สำหรับกลองแต่ล่ะชิ้น แล้วคนร้องก็จะไปอยู่อีกห้องนึง กีตาร์ เบส เปียโน ก็จะไปอยู่อีกห้องนึง อาจอยู่ห้องเดียวกัน คนล่ะมุม และแน่นอน ไมค์ของใครของมันครับ ในกรณีของเปียโน ซาวด์เอ็นบางคนใช้ไมค์ถึง 5 ตัวในการอัด กีต้าร์โปร่งก็ไมค์ 2 ตัวที่คอ และที่ช่องลม ถ้าเป็นไฟฟ้าตั้งไมค์ที่ตู้แอมป์ ไมค์ก็จะเป็นคนล่ะชนิดกันไปครับ(ขอไม่ลงลึกนะยาวแน่) นี่คร่าวๆนะครับ แล้วเวลาจะอัด สงสัยมั้ย แล้วมันเป็นวงเดียวกันได้ยังไงอ่ะ มันอัดกันคนล่ะห้อง ได้สิ ในเมื่อเครื่องดนตรีทุกชิ้น ที่ไมค์จ่ออยู่นั้น มันมาต่อลงที่ mixing control คราวนี้ก็เป็นเรื่องของซาวด์เอ็นล่ะ ว่าจะจัดรูปวงยังไง จะแพนทางไหน แค่ไหนเหตุนี้ล่ะครับ ในห้องอัดเราถึงได้เห็นว่าทำไมมิกเซอร์มันถึงได้ใหญ่ซะขนาดนั้น ทีนี้เวลาอัด นักดนตรีทุกคนจะมีหูฟังเป็นของตนเอง เพื่อจะได้คิว และฟังเสียงของตนเองและคนอื่นๆครับ ว่าจะเล่นแค่ไหนยังไง แล้วก็บันทึกลง 2 แทร็คพร้อมๆกันไป
ไมค์ก็แยกกันไปครับ
(http://image.ohozaa.com/i/75c/oUJlfP.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/whD7ZeqO3JEnqPBJ)
ห้องของนักร้อง
(http://www.primacoustic.com/pics/broadway/vocal-booth.jpg)
มิกซ์เซอร์ ห้องคอนโทรล
(http://www.soundoc.net/index_files/Recording%20Studio%20Control%20Room.jpg)
ถามว่าแล้วที่เค้าอัดโดยใช้ไมค์ 2 ตัวแล้วเล่นพร้อมกันทั้งวงล่ะ มีครับ ไมค์ตั้งด้านหน้าเลย วิธีง่ายสุด นักร้องยืนหน้าใกล้ไมค์ แล้วเครื่องดนตรี ก็วางเป็นรูปวงเลย แต่จะจัดระดับความห่างเอา ตามความดังของเครื่องดนตรีชิ้นนั้น วิธีนี้อัดยากมาก เพราะต้องเล่นให้น้ำหนักพอดีไม่งั้นก็จะกลบเสียงอื่น (ดูรูปประกอบ ผู้หญิงเป็นคนร้อง สองคนที่เหลือประกบซ้ายขวา อันนี้ไม่มีกลอง เครื่องดนตรีแค่สามชิ้น) ถ้ามันไม่พอดี ก็อัดใหม่จนกว่าจะได้ แต่วิธีนี้เสียงร้องของนักร้องต้องดีมากๆ เพราะเค้าจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์ในการช่วยเสียงร้องเลย (รีเวิบ) และวีธีอัดแบบนี้มันเสียเวลาครับ เพราะถ้าทุกอย่างไม่ลงตัวก็จะใช้ไม่ได้ อัดใหม่ แล้วถ้าอัลบั้มมี 10 เพลง ก็เพลินล่ะครับ
ยืนห้อมล้อมไมค์กัน
(http://img.emuleday.com/data/img/68/6801af67fd38a6cb950a2409199b4879.jpg)
(http://img.emuleday.com/data/img/22/22d4efc105830601adacaf0524b6fd34.jpg)
ส่วนวิธีสุดท้าย อัดทีล่ะชิ้นดนตรีเลย วิธีนี้นิยมมาก เพราะสะดวก ไว ขั้นแรกอัดเครื่องดนตรีให้จังหวะก่อน กลองเลย บันทักเก็บไว้ แล้วก็กีต้าร์ เบส อัดพร้อมกัน เล่นเสียงกลองที่บันทึกไว้ให้ทั้งคู่ฟัง แล้วก็อัด ตามนักร้องมา เล่นเสียงเครื่องดนตรีทั้งหมดที่อัดไว้ นักร้องก็ร้องไป บันทึกไปด้วย ทุกคนก็เล่นกันในห้องนี้ล่ะ แต่คนล่ะรอบ ได้ครบทั้งหมด ก็นำมามิกส์โดยท่านซาวด์เอ็น
สะดวกมากสำหรับวิธีนี้ครับ
จะเห็นว่าวิธี 1 และ 3 ซาวด์เอ็นสามารถปรับแต่งเสียงได้เพิ่มเติม ตามความต้องการของเค้าและนักดนตรี
ส่วนวิธีที่ 2 ต้องวางแผนให้ดี ว่าจะวางไมค์ตรงไหนของห้อง ให้ได้เสียงดีที่สุด ตำแหน่งของวงเป็นยังไง
คร่าวๆก็แบบนี้ล่ะครับ ในการบันทึกจริง ยังมีอุปกรณ์ที่ไม่กล่าวถึงอีกเยอะ pre mic, limiter, compressor, gate, eq, dsp effect ทุกอย่างล้วนถูกนำมาใช้ เพื่อให้ได้เสียงอย่างที่ซาวด์เอ็นและนักดนตรีต้องการครับ
ทีนี้ ปรับทุ้ม แหลม อีคิว ก็อย่างที่พี่เล็กเสริมเอาไว้นั่นเลยครับ สะดวกด้วย ส่วนว่าเพี้ยนนั้น แน่นอนว่าเวลาเล่นกลับ เวลาบิด treble มากไป ก็มีปัญหาเฟสเลื่อนได้ แต่ว่า ถ้าเราฟังว่ามันเพราะก็ไม่ผิดกติกาอะไรเลยครับ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ความพึงพอใจของเรา แค่นั้นเอง ส่วนที่ผมไม่ค่อยใช้ที่บ้านจะว่าไม่มีเลยดีกว่า ก็แค่อยากฟังงานว่าเค้าต้องการสื่ออะไรก็เท่านั้นครับ
-
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
ตัวนี้มันปรับฮัมได้ไหมครับ laughhahaha
ต้องลองครับ ฮัมความถี่เท่าไหร่กี่ dB ตัดทิ้งเลย แต่ถ้าเสียงดนตรีมาความถี่นั้นก็อดได้ยินด้วย ทำไมกลัวฮัมอีกล่ะครับ ปรีหลอดเดียวที่ทำไม่มีฮัมแล้วนี่ น่าจะปราบได้แล้ว มีอะไรมาอีกก็ทำได้แล้ว เพราะเราทพมาหมดแล้ว [laugh-raccoon]
ตัวนี้มันเป็น electronic crossover ( Active cross ) ครับ ไม่ใช่ parametric Equalizer ได้แต่ตัดความถี่ในแต่ละย่าน Hi Mid Low Sub สำหรับทำ Quad amp แต่ถ้าใช้ sigle amp stereo ไม่ work ครับ และ ตัวนี้น่ะ HAM ตัวพ่อเลยครับ ถ้าลงรถนะ แล้วยิ่งเก่าๆด้วยหล่ะ หายห่วงเลย และเข้าข่ายวัตถุโบราณไปแล้วครับ
เดี๋ยวควบเรื่องของ liberty ไปด้วยเลย ก็เนี่ยแหละครับที่ผมบอกว่าคุณเข้าใจผิด เพราะทั้งสองตัวแตกต่างในหน้าทีอย่างสิ้นเชิง DAC ช่วยจัดเรียงสัญญาณรูปคลื่นใหม่ให้ linear ขึ้นตามสัญญาณที่ป้อนเข้ามา ส่วนปรีโทนคือการชดเชยเสียงที่ปลายทางครับ ยกตัวอย่างนะครับ คุณฟัง DAC ที่คุณว่าเลอเลิศ แต่พอยกมาอยู่ในห้องฟังของคุณ สมมุติอีกเหมือนกัน ว่าห้องคุณ absorb สัญญาณความถี่ต่ำได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้ความถี่ต่ำหายไป ที่นี้เวลาเราฟังเพลงผลคือมันมาไม่ครบใช่มั้ย ความถี่ต่ำจม หรือ หาย ทางแก้คือรื้อห้องฟังสร้างห้องใหม่ (อันนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับนักฟังที่เค้าเลือกกัน) แต่ตาสีอย่างเราๆ คงไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุแต่ผมบอกเลยว่าปรีโทนช่วยได้ครับ แต่ถ้าโปรหน่อยก็ใช้ EQ เข้ามาแก้อคูสติคได้อีกเหมือนกัน ( เหมือนกับที่คุณ liberty ว่าไว้ ต้องมีการปรับชดเชยบางความถี่ให้เหมาะสม บางความถี่มากเกินงาม หรือ น้อยไปก็ไม่สวย ครับตรงนี้ sound engineer เค้าจะจัดการปรับแต่ง (EQ) ก่อนปั๊มแผ่นออกมาขายเราครับ) เอาเท่านี้ก่อนไม่รู้ว่าจะพอเข้าใจบ้างหรือเปล่า
ถ้าแบบนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าแต่การปรับปรีโทนช่วยชดเชย แบบนี้เราต้องปรับทุกเพลงเลยหรือเปล่า หรือว่าปรับไว้ครั้งเดียวแล้วพอเลยครับ เพราะผมไม่เคยปรับครับ ขอบเล่นแบบไม่ปรับดีกว่าครับ พอมีการพูดเรื่องปรับผมลองไปปรับบ้าง รู้สึกว่าปรับแล้วมันขาดๆเกินๆคงจะเป็นเพราะปรับไม่เป็น และฟังไม่รู้เรื่องเวลาปรับ ก็เป็นสาเหตุว่าขอใช้แบบที่เขาปรับมาให้แล้วดีกว่าครับ
แล้วแบบนี้คนที่ใช้ power+ปรี ที่ไม่มีปุ่มให้ปรับใดๆเลย แสดงว่าเขาต้องการฟังจากที่ปรับมาแล้ว เรียบร้อย และปรับเปลียนเครื่องเพื่อหาจุดแม็ทชิ่งแทนการปรับด้วยปรีโทน
เอาตัวนี้ไปลองปรับเล่นไหมน้าคลีน ใครไม่รู้เอามาส่งซ่อมแล้วก็ไม่มาเอา จะ 10ปีแล้ว หรือเอาไปใส่รถดี
(https://lh6.googleusercontent.com/-f0CJLzibBlk/UDUiuGGdEsI/AAAAAAAABj4/N_G7ui5KSik/s647/DSC_0182.JPG)
ผมว่าข้ามไป EQ31 band เลยดีฝ่า คราวนี้ได้โทนบาลานที่ต้องการทุกเพลงล่ะ แต่คงต้องแลกด้วยรูปวงที่เสียไปบ้าง [shock1]
[smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
-
ตอนแรกเข้าใจอีกแบบหนึ่ง พออ่านๆมา เริ่ม งง กะเค้าแล้ว
ลองฟังผมเล่าดู ผมเข้าใจถูกไหมครับ เรื่องความเพี้ยน อย่างคุณผึ้งว่า พอเข้าใจที่ซาวน์เอนจิเนียร์เขาต้องปรับแต่งเสียงครับ สมมุติว่า ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งเสียงเรียบร้อย ถึงมันจะเพี้ยน ผมถือว่ามันไม่เพี้ยนก็แล้วกัน เพราะเขาต้องการบันทึกมาให้เราฟังแบบนี้ (ตรงนี้เราคิดว่าไม่เพี้ยนแล้วน่ะ) แล้วเราเอาซีดี บวกแดคมาเล่น ซีดีกับแดคที่ดีก็จะเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด(นับจากจุดที่ซาวน์เอนจิเนียร์ปรับแต่งบันทึกลงซีดีเสร็จแล้ว ) สัญญาณที่ได้จากตรงนี้เราก็เอาไปขยาย ถ้าเครื่องดีขยายแล้วเกิดความเพี้ยนน้อยที่สุด ถ้าเครื่องไม่ดีก็ขยายในส่วนที่ไม่ดีตามไปด้วย เช่นการขยายน็อยส์ การปรับอีคิว ก็เป็นการทำให้เพี้ยน พอปรับแผ่นนี้ได้ ฟังอีกแผ่นก็ต้องปรับอีก เพราะปรับเพื่อแก้จุดที่บกพร่องของแผ่นนั้น ตรงนี้ผมก็เข้าใจคล้ายๆกับคุณclenning ส่วนปรีผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดเล็ก แต่ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด และเพาเวอร์ผมเข้าใจว่าขยายสัญญาณขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงความเพี้ยนให้น้อยที่สุด
แต่ฟังดูแล้วเหมือน จะเข้าใจไปอีกอย่างว่า อีคิวปรับแต่งเสียงที่ความถี่นั้นมีปัญหา และเสริมหรือชดเชยความถี่ที่ด้อย ดังนั้นจะเปิดแผ่นซีดีแผ่นไหน มันก็เพาะแล้ว เพราะเราแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมความถี่ที่ด้อยให้น่าฟังแล้ว เพราะผมเข้าใจอย่างแรกที่กล่าวไป ผมก็เลยไม่เคยคิดจะต่อ อีคิวฟังเลย ผมเข้าใจ ตรงไหนผิด ช่วยแนะด้วยครับ
ปล อ้อ..ลืมไป เรื่องความเพี้ยน ผมก็ไม่รู้หรอกน่ะครับ ว่าเข้าบันทึกมายังไง แล้วมันเพี้ยนไปยังไง แต่ตามความรู้สึกผม ผมก็จะสังเกตุจากสเปคที่เขาบอกมาว่าเพี้ยนเท่านั้น เท่านี้ ไม่เกินค่ามาตราฐานที่ห ำหด(ที่กำหนด ) ผมก็มาคิดเอาเองว่า มันดีกว่า หรือถ้าเก่งหน่อยก็ดูอุปกรณ์ภายใน ว่าเกรดดี คงทำให้ความเพี้ยนน้อย ผมก็คิดตามประสาผม
น้าเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเยอะเลยครับ เดี๋ยวให้ท่านอื่นตอบกันก่อน แล้วผมจะมาเสริม [gr_in]
-
[smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
จากที่เคยให้รุ่นน้องที่ยังไม่เคยลองใช้ ลองปรับน่ะครับพี่ มันปรับกันเพลินเลย [roll]
-
[smi_ley] ทำไม squid ถึงคิดว่่าการปรับด้วย EQ ถึงทำให้รูปวงเสียไปครับ ???
จากที่เคยให้รุ่นน้องที่ยังไม่เคยลองใช้ ลองปรับน่ะครับพี่ มันปรับกันเพลินเลย [roll]
ครับตรงนี้พี่เข้าใจเลย เพราะเพื่อนๆพี่ที่เป็น โปรดิวเซอร์ให้ทั้ังค่าย เฮีย และ อากู๋ เค้าไม่ค่อยเข้าใจตรงนี้ เค้าไม่เข้าใจเหมือนคนทำ ที่ต้องปรับแก้ที่ความถี่ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เสียงร้องแต่ละคนก็มีช่วงความถี่เฉพาะ ซึ่งตรงนี้พี่คิดว่า คุณเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่การจะปรับไม่ใช่เรื่องง่าย หรือ จะปรับกันมั่วๆตามชอบ อีคิวสำหรับผมคือตัวชดเชย หรือ ปรับลด ยกตัวอย่าง ราวตากผ้าครับ เปรียบเสมือนช่วงตอบสนองความถี่มาตรฐาน 20-20000 Hz หากเราไปหยิบ หรือ กดตรงไหนย่านที่อยู่ใกล้ๆกันก็ตามไปด้วยเหมือนสะพานแขวนนั่นแหละ เค้าจึงต้องมีการซอย แบนด์ให้ถี่ขึ้นเพื่อที่จะได้ปรับให้ละเอียดขึ้น ถึงต้องมีเป็นร้อยๆแบรนด์ โมโน เพื่อความละเอียดตรงนี้ไง ที่นี้กลับมาที่ตัว อีคิวอีกครั้ง ที่หลายคนบอกว่าฟังเพลงหลากหลายแนวไม่ต้องปรับอิคิวกับทุกแผ่น ทุกเพลงหรือ คำตอบคือ ไม่ต้องครับ ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะเราปรับที่ห้อง และ ระบบ ครับ ไม่ได้ปรับที่แผ่น โดยใช้การป้อน sigle tone เพื่อวัดการตอบสนองความถี่ตลอดย่านของระบบนั้น ณ.ห้องฟังนั้น ด้วย RTA ( real time analyzer ) จะทำให้เราทราบว่าระบบของเราณ.ห้องนั้น ความถี่ใดโด่งเกินไป หรือ ความถี่ใดหุบ เราจะทำการปรับชดเชยความถี่นั้น ( จะให้ flat หรือ ชดเชยไปสู่ Ego ของเจ้าของห้องแต่ท่านก็จัดไปครับ ) ฉะนั้นเมื่อเรานำแผ่นต่างๆมาฟังจะง่ายมากที่จะทำให้เราสามารถจับ หรือ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละย่านที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ เอาเท่านี้ก่อน
-
รุ่นน้องผมมันปรับเป็นรูป ปีกนก กันเลย [pig90124]
-
ผมเคยใช้ EQ เฟสเคลื่อนเหมือนกันครับ อย่างผมยก 100 Hz ขึ้นมา 3 db
เสียงกีต้าร์เบสและดรัมเบส เลื่อนขึ้นมาอยู่ข้างหน้าจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อยครับ
กลับกันถ้าผมลดก็จะถอยหลังออกไปครับ
และย่านเสียงที่ใกล้เคียงก็ได้รับอิทธิพลจากความถี่ควบคู่ของ 100 Hz มาด้วยครับ
ยก 100 Hz แต่จะมีความถี่ควบคู่ 200 Hz- 400 Hz และ 50 Hz ขนานตามกันออกมา
และทุกชิ้นดนตรีจะหุบแคบลงถ้าต่อผ่าน EQ แม้จะ bypass ไว้ก็ตาม
และของแถมที่ตามมาของการต่อผ่าน EQ คือความสะอาดและความชัดเจนลดน้อยลง
แต่ผมก็ปรับนะครับ เพราะในระยะเวลานั้น ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้วที่จะชดเชยการบันทึกในการเล่นกลับของเทปได้ดีเท่ากับ EQ
-
(http://image.ohozaa.com/i/845/4UXrZb.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/whDKwT87yXeGtN7h)
แต่ในยุคนี้ เครื่องและแหล่งเพลงมีคุณภาพที่ดีขึ้น แม้แต่การบันทึกเสียงของคนไทยก็มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อเพิ่มคุณค่าที่จะได้ขายแผ่นซีดีและแผ่นเสียงเพื่อการฟังและการสะสม อย่างงาน "แจ๊สเดี่ยว" ของพี่ปั่น (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว)
-
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ
ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง ก็คิดว่า เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน) แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)
แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ
-
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ
ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง ก็คิดว่า เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน) แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)
แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ
[heyheybaby_watch] ถ้าเป็นอย่างที่น้าบอก เพี้ยน คงจะต่างจากผม ของผมจะแบบว่า เอาแผ่น สันติ ดวงสว่าง ไปเปิดกับชุด A, B, C ฟังเพราะมากครับ เหมือนสันติ มายืนควงไมค์ให้เห็น แต่พอเอาแผ่นเดิมมาเปิด ชุด D ฟังปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่สินติล่ะ เสียงเหมือนพี่หม่ำมาร้องจูบไม่หวาน อันนี้ความคิดผมบอกว่าเสียงมันเพี้ยน เพราะมันแตกต่างกับอีก 3ชุด ทั้งที่เป็นแผ่นเดียว ดังนั้นจะปรับ EQ แบบไหนก็ได้ ให้สันติกลับมาร้องเพลง [roll]
แต่ถ้าเกือบทุกแผ่นมาเปิดในตำแหน่ง 0 ชุด A เสียงเพราะมาก เผอิญมีอยู่แผ่นหนึ่งเปิดยังไงก็ฟังไม่ได้เรื่อง ไปเปิดกับ ชุด B, C, D ก็เหมือนกัน ไม่เพราะเอาเสียเลย ผมไม่ได้เรียกว่าเพี้ยน น่าจะเรียกขี้ฟ้อง เพราะนั้นแสดงว่า แผ่นๆนั้นถูกบันทึกมาอย่างนั้น จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แผ่นนั้นก็เป็นทั้งล็อต สุดท้ายก็มีคนมาบอกว่า กลับเฟสลำโพงสิ เสียงจะเพราะมาก [confused-raccoon]
-
ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]
แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด และ คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ
-
ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]
แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด และ คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ
เป็นงั้นไป นี่พี่เล็กพูดถึงEQ ที่ใช้กันทั่วไปใช่ไหมครับ ไม่ใช่พูดถึงในห้องอัดน่ะ
ผมก็คิดตามประสาบ้านๆผมน่ะ EQก็เขาทำมาให้เราปรับเพื่อให้ไพเราะตามแบบที่เราชอบไม่ใช่หรือครับ ชอบเบสมากก็ปรับไป ชอบแหลมก็จูนไป ชอบแบบเดิมๆก็ตั้งเป็น0 จะให้เอาความรู้ทางเรื่องเสียงมาปรับ ก็มีน้อยคนที่จะรู้ ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่ารถhondaซีวิค(ฮ่า โฆษณาชื่อตัวเองซะหน่อย)บอดี้เหมือนกัน ทำออกเหมือนกันเป๊ะ EQ ก็ต้องปรับแบบเดียวกันหมด เพราะมันจะซับ หรือจะสะท้อนเสียงความถี่ไหน ก็น่าจะเหมือนกัน ไม่งั้นเขาก็คงขาย EQสำหรับรถซีวิค EQสำหรับรถวีโก้ ผมเข้าใจมาอย่างนี้อ่ะคร๊าบ .. ไม่ถูกใช่ไหมพี่ มาร่าย..ยาวๆให้ฟังเลยว่า มันเป็นจั๋งไส
-
ส่วนอันนี้ผมบอกได้อย่างนี้ครับ ผมอยากให้น้าคลีน ลองไปหาฟังวงโยธวาทิตครับ ลองไปยืนฟังตอนเค้าเล่นสดเลยนะ ระยะห่างจากวง 4 เมตร แล้วตอบผมหน่อยว่ารับได้กับเสียงของพวกเครื่องเป่าที่สนั่นเข้าหูนั่นไม๊
ตัวผมบอกให้เลย ว่ารับไม่ได้ครับ ขี้หูเต้นระบำกันเลยทีเดียว ทีนี้มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ เวลาเค้าบันทึกเสียงอ่ะครับ จริงครับว่าบันทึกเสียงตามที่เล่น แต่ว่า มันยังมีแต่อีก เวลาที่เราจะฟังให้ได้อารมณ์เพลงนั้นๆ สมมติว่าเป็นเพลงช้า แล้วเศร้าด้วยนะ มีแซ็กเป่าคลอกับเสียงร้อง ถ้าซาวเอ็นจิเนียร์ ปล่อยเสียงแซ็กทื่อ แสบหูออกมาตามนั้นเลย เพลงนั้นยังคงน่าฟังมั้ยครับ นักร้องมันก็เศร้าไป แต่เสียงแซ็กเสียดๆ ที่มันเศร้าฟังยังไงก็ไปกันไม่ได้ เค้าก็ต้องยอมแลกนิดหน่อย ด้วยการจูนเสียงแต่ยังคงเป็นแซ็กอยู่นั่นเอง
หรือเสียงร้อง เค้ามีการใส่รีเวิบช่วย ให้เสียงมันน่าฟังยิ่งขึ้น ลองฟังดนตรีสดจริงๆ แล้วจะเข้าใจที่ผมบอกครับ
แล้วทำไมเวลาเล่นกลับถึงไม่ใช่โทนคอนโทรลช่วย ตัวผมนะ เพราะผมอยากได้ยินเสียงที่นักร้อง และวงเค้าออกแบบเสียงของเค้าครับ ที่เค้าคิดซาวด์กันมาร่วมกันเอ็นจิเนียร์ นี่ล่ะเหตุผลของผมขอรับ
ผมแอบไปฟังที่คุณผึ้งคุยกับคุณคลีนนิ่ง ก็คิดว่า เออใช่น่ะ ซาวน์เอนจิเนียร์เค้าก็มาปรับเพิ่มให้น่าฟัง ก็เลยทึกทักเอาว่าเขา การปรับแต่งเป็นการทำให้เพี้ยน จากที่เป็นอยู่จริง (ถ้าไม่เพี้ยนหรือปรับแต่ง ขี้หูก็ต้องเต้นระบำเหมือนกัน) แต่เพี้ยนแบบน่าฟัง (คล้ายๆแอมป์หลอด เพี้ยนแบบน่าฟัง)
แต่ที่คุณผึ้งเล่าให้ฟังเรื่องการบันทึก ข้อมูลลึกมาก และผมคงต้องกลับมาอ่านหลายๆรอบครับ (เดี๋ยวกดlikeให้น่ะ ข้อมูลแน่นมาก ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ) เอาตามที่ผมเข้าใจน่ะ ผมมีแอมป์ที่สามารถปรับ bass และ trebleได้ ผมก็ลองปรับตัวหนึ่งให้สุดดู สมมุติปรับbassจนสุด ก็พบว่าเสียงมันทึบ ก็คิดเอาว่ามันเพี้ยนแล้ว หรือปรับtreble จนสุด ก็จะกัดหู ก็คิดเอาเองหล่ะครับว่า การที่เราปรับ ไม่อยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ มันเกิดความเพี้ยน ดีที่สุดคือตำแหน่งศูนย์มันฟังได้โดยรวมทุกๆแผ่น ถ้ามันไม่เพาะผมก็จะโทษว่าแผ่นมันอัดมาไม่ดี (ก็แผ่นอื่นในตำแหน่ง0 มันยังฟังเพราะอยู่นิ) นั่นหล่ะครับ คือนิยามคำว่าเพี้ยนของผม อันนี้ผมคิดเอง เออเองน่ะครับ จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพี้ยนแบบนี้ จะเหมือนที่คนอื่นเข้าใจไหม
พอมาฟังที่พี่เล็กพูด ยิ่ง งง ไปใหญ่ สมมุติว่าห้องมันซับเสียงแหลม ถ้าไม่ปรับสภาพห้อง เราก็ใช้eqปรับ (ประมาณนี้หล่ะ) ผมก็งง อ่ะดิ ที่ผ่านมาเราพบว่ายิ่งปรับ ก็ยิ่งเพี้ยน มาอ่านที่พี่เล็กพูด ว่าให้ซอยความถี่ เป็นการปรับสภาพห้อง ไม่ได้ปรับที่แผ่น เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ แต่ผสมกับความขัดแย้งในใจนิดๆ
[heyheybaby_watch] ถ้าเป็นอย่างที่น้าบอก เพี้ยน คงจะต่างจากผม ของผมจะแบบว่า เอาแผ่น สันติ ดวงสว่าง ไปเปิดกับชุด A, B, C ฟังเพราะมากครับ เหมือนสันติ มายืนควงไมค์ให้เห็น แต่พอเอาแผ่นเดิมมาเปิด ชุด D ฟังปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่สินติล่ะ เสียงเหมือนพี่หม่ำมาร้องจูบไม่หวาน อันนี้ความคิดผมบอกว่าเสียงมันเพี้ยน เพราะมันแตกต่างกับอีก 3ชุด ทั้งที่เป็นแผ่นเดียว ดังนั้นจะปรับ EQ แบบไหนก็ได้ ให้สันติกลับมาร้องเพลง [roll]
แต่ถ้าเกือบทุกแผ่นมาเปิดในตำแหน่ง 0 ชุด A เสียงเพราะมาก เผอิญมีอยู่แผ่นหนึ่งเปิดยังไงก็ฟังไม่ได้เรื่อง ไปเปิดกับ ชุด B, C, D ก็เหมือนกัน ไม่เพราะเอาเสียเลย ผมไม่ได้เรียกว่าเพี้ยน น่าจะเรียกขี้ฟ้อง เพราะนั้นแสดงว่า แผ่นๆนั้นถูกบันทึกมาอย่างนั้น จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แผ่นนั้นก็เป็นทั้งล็อต สุดท้ายก็มีคนมาบอกว่า กลับเฟสลำโพงสิ เสียงจะเพราะมาก [confused-raccoon]
ที่คุณรุ่งพูด ก็ไม่เห็นต่างจากผม ก็ถือว่าเพี้ยนเหมือนกัน เพี้ยนมากด้วย ดูซิ สันติร้องเป็นเสียงหม่ำ
นิยามเพี้ยนของผมหน่ะ ฟังสันติอยู่ดีๆแล้ววิ่งไปแก้ผ้าบนถนน อันนี้ก็เพี้ยน เหมือนกันน่ะ คุณรุ่งคิดเหมือนผมไหม อ่ะ laughhahaha
-
ผมก็ไม่ได้ใช้ eq สำหรับปรับเพลงแบบที่น้า civicdotcom ใช้แบบนั้นเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ใช้ที่ทำงานครับ ใช้ร่วมกับ rta แบบที่พี่เล็กว่าแหล่ะครับ แต่มันเป็นรูปแบบของ software ครับ แบบเป็นเครื่องที่ออฟฟิศไม่มีครับ ถ้าจะใช้ก็จ้างคนทำห้องมาครับ เพื่อมาหาความถี่ส่วนเกินภายในห้องครับ เพราะเราใช้บันทึกเสียงด้วย จริงๆก็ใช้ที่มีอยู่ได้ แต่ด้วยเครื่องเพื่อความมั่นใจอีกทีครับ
อย่าพึ่งงงครับ พี่เล็กอธิบายด้วยคำที่ง่าย เข้าใจง่ายกว่าผมอธิบาย ผมต้องหารูปประกอบไม่งั้นก็บรรยายออกมาไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ขอยกยอดไปดึกๆ หรือไม่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้มีงานด่วนต้องทำ super หนังตัวอย่างส่งเข้า โพสต์พรุ่งนี้ครับ คนทำมันทิ้งงาน ตัดให้แต่หนังตัวอย่าง ส่วน super มันให้ทำเอง แล้วงานเลยมางอกที่ผม ป่วยอยู่แท้ๆ คืนนี้คงยาวล่ะ ตัวหนังจริงจะเข้าฉาย 13 เดือนหน้า หนังตัวอย่างยังไม่ได้ยิงเลยบ้าแท้ๆ
ปล.ลืมเลย ผมใช้ rta ร่วมกับ eq หลักๆตอนนี้เพื่อตัดเสียงรบกวน noise ห้องบันทึกเสียงครับ หลักก็ห้องพากย์เสียง ทีมพากย์พันธมิตร ครับ เพราะผมเป็นคนมิกส์เสียงรอบทิศทางน่ะครับ เพราะทีมนี้เค้ามีห้องพากย์เสียงของตัวเอง เค้าส่งแต่ไฟล์เสียงพูดมาให้ งานของผมจะต่อจากตรงนั้นล่ะครับ ไปล่ะ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอาหนังของออฟฟิศมาให้ดูที่ห้อง เพลงด้านล่างครับคืนนี้ดึก ผมทำพวกตัวหนังสือนั่นล่ะ ส่วนภาพคนอื่นตัดครับ(ที่มันทิ้งงานกลางคันนี่ล่ะ อยากจะเบิร์ดกะโหลกให้พุ่งเลย) [bottle-raccoon]
-
ก็ใช้ EQ นั่นแหละครับปรับระบบเราให้เหมาะกับสภาพห้องที่ใช้ฟัง อ่านช้าๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจ ผมยังใช้เวลาเป็นสิบปีตามเก็บสำหรับคนที่ไม่มีฐานเลย อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ ต้องบอก มันมหัศจรรย์มาก หรือ โอ้...คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันจอร์จมากกกกกกกก....ครับ [laugh-raccoon]
แล้วเสียงที่ได้จากคุณปรับ ผมไม่เรียกว่าเสียงเพี้ยนครับ ไม่มีเครื่องไหนๆที่ทำให้เสียงเพี้ยนได้ (เครื่องมาตรฐาน พวก consumer ที่ขายกันอยู่ดาดดื่นนี่แหละไม่ต้องไฮโซหรอก) เพียงแต่มันถูกบู๊ช จนมากเกิน หรือลดจนต่ำไปจากความพอดีเท่านั้นเอง EQ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถปรับให้ดีได้ ต้องเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้สมควร ผมถามว่าถ้าคุณจะปรับ EQ คุณจะปรับกันเพราะสาเหตุใด และ คุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นมาตรฐานในการปรับ อย่าตอบว่ามันไม่ไพเราะนะ เพราะนั่นคุณจะไม่สามารถปรับอีคิวได้เลยครับ ถ้าใช้หูอย่างเดียวก็คงต้องเป็นหูทองฝังเพชรเชียวหล่ะครับ เดี๋ยวว่างจะมาหยอดอีก ครับ
เป็นงั้นไป นี่พี่เล็กพูดถึงEQ ที่ใช้กันทั่วไปใช่ไหมครับ ไม่ใช่พูดถึงในห้องอัดน่ะ
ผมก็คิดตามประสาบ้านๆผมน่ะ EQก็เขาทำมาให้เราปรับเพื่อให้ไพเราะตามแบบที่เราชอบไม่ใช่หรือครับ ชอบเบสมากก็ปรับไป ชอบแหลมก็จูนไป ชอบแบบเดิมๆก็ตั้งเป็น0 จะให้เอาความรู้ทางเรื่องเสียงมาปรับ ก็มีน้อยคนที่จะรู้ ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่ารถhondaซีวิค(ฮ่า โฆษณาชื่อตัวเองซะหน่อย)บอดี้เหมือนกัน ทำออกเหมือนกันเป๊ะ EQ ก็ต้องปรับแบบเดียวกันหมด เพราะมันจะซับ หรือจะสะท้อนเสียงความถี่ไหน ก็น่าจะเหมือนกัน ไม่งั้นเขาก็คงขาย EQสำหรับรถซีวิค EQสำหรับรถวีโก้ ผมเข้าใจมาอย่างนี้อ่ะคร๊าบ .. ไม่ถูกใช่ไหมพี่ มาร่าย..ยาวๆให้ฟังเลยว่า มันเป็นจั๋งไส
คุณก็เข้าใจผิดอีกนั่นแหละครับ ถ้ายิ่งเป็นรถเนี่ยยิ่งหนักเลยครับ คุณคิดว่าคนประกอบรถรุ่นเดียว ยี่ห้อเดียวกันไ้ด้เหมือนกัน 100 % หรือ หรือแม้กระทั่งวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตมาใช้ในรถแต่ละ lot สามารถที่จะผลิตได้คุณสมบัติเช่นเดียวกันทั้งหมดหรือ เช่น density , modulus of elasticity , หรือ แม้แต่โครงสร้างจากผ้าที่ใช้ในการหุ้มเบาะ จากการที่ผมรถ honda civic มาพูดได้อย่างไม่อายใครเลยว่าผมทำมากที่สุดในประเทศไทย ช่างกล้าทำไมผมถึงกล้าพูดเช่นนี้ เพราะว่าผมทำเองทุกคนแม้ว่าจะเป็นเจ้าของร้าน ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นซึ่งให้ลูกน้องทำ ฉะนั้นทุกซอกทุกมุมของรถไม่มีเจ้าของร้านหน้าไหนรู้ดีไปกว่าผมหรอก เอ้าฮิ้ว.... ไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.createsoundmaker.net ครับ ปกติผมจะไม่เอาเวปร้านไปลงที่อื่นแต่ตอนนี้ผมหยุดรับงานแล้ว ยกเว้น service ลูกค้าเก่า จึงเอามาโพสได้ จากการที่ผมได้ทำการตรวจสอบการตอบสนองความถี่รถรุ่นนี้กว่ายี่สิบคันในระยะเวลาหนึ่งเดือน ไม่มีรถคันใดที่ตอบสนองความถี่ได้ใกล้เคียงกันเลย แต่ก็ถือว่าอยู่ในโซนเดียวกันครับ คือ ย่านความถี่ต่ำ 60-70 Hz ค่าการสะท้อน ( reflex ) ก็แตกต่างกันไป ครับ แล้วคิดว่าจะมีช่างสักกี่คนที่เก็บข้อมูลการทำรถในคันแรก ไว้เพื่อที่จะมาทำในคันที่ 2-3-4 ....100 คุณคิดว่าจะสามารถติดตั้งโดยใช้อุปกรณ์เหมือนกันแล้วให้เสียงออกมาเหมือนกันทั้งหมด คุณคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ยิ่งเป็นร้านใหญ่ๆ ที่มีช่างหลายชุด การรับฟังเมื่อจูนของแต่ละคนแตกต่างกันก็จูนไปตาม EGO ส่วนตัวของแต่ละคน ฉะนั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยว่าจะสามารถปรุงเสียงให้ออกมาเหมือนกันทั้งหมด ที่ผมพูดเช่นนี้ก็ไม่เว้นแม้แต่ผม ที่ก็ไม่สามารถ แต่แนวเสียงในรถที่ผมทำ (เฉพาะงาน SQ เท่านั้นนะ) จะไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่ว่าลูกค้าคนไหนที่เคยฟังรถที่ผมทำแล้ว เมื่อขึ้นฟังคันที่สองจะสามารถรับรู้ได้เลยว่าเป็นรถที่ผมทำ ครับ
-
เอ้าฮิ๊ว.... ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย
ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300 แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี เอ้าฮิ๊ว..
-
เอ้าฮิ๊ว.... ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย
ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300 แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี เอ้าฮิ๊ว..
อ่านมาตั้งนานเริ่มเข้าจุดไคลแม็กแล้ว 3-2-1-raccoon
-
ผมก็ไม่ได้ใช้ eq สำหรับปรับเพลงแบบที่น้า civicdotcom ใช้แบบนั้นเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ใช้ที่ทำงานครับ ใช้ร่วมกับ rta แบบที่พี่เล็กว่าแหล่ะครับ แต่มันเป็นรูปแบบของ software ครับ แบบเป็นเครื่องที่ออฟฟิศไม่มีครับ ถ้าจะใช้ก็จ้างคนทำห้องมาครับ เพื่อมาหาความถี่ส่วนเกินภายในห้องครับ เพราะเราใช้บันทึกเสียงด้วย จริงๆก็ใช้ที่มีอยู่ได้ แต่ด้วยเครื่องเพื่อความมั่นใจอีกทีครับ
อย่าพึ่งงงครับ พี่เล็กอธิบายด้วยคำที่ง่าย เข้าใจง่ายกว่าผมอธิบาย ผมต้องหารูปประกอบไม่งั้นก็บรรยายออกมาไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ขอยกยอดไปดึกๆ หรือไม่คงต้องเป็นพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้มีงานด่วนต้องทำ super หนังตัวอย่างส่งเข้า โพสต์พรุ่งนี้ครับ คนทำมันทิ้งงาน ตัดให้แต่หนังตัวอย่าง ส่วน super มันให้ทำเอง แล้วงานเลยมางอกที่ผม ป่วยอยู่แท้ๆ คืนนี้คงยาวล่ะ ตัวหนังจริงจะเข้าฉาย 13 เดือนหน้า หนังตัวอย่างยังไม่ได้ยิงเลยบ้าแท้ๆ
ปล.ลืมเลย ผมใช้ rta ร่วมกับ eq หลักๆตอนนี้เพื่อตัดเสียงรบกวน noise ห้องบันทึกเสียงครับ หลักก็ห้องพากย์เสียง ทีมพากย์พันธมิตร ครับ เพราะผมเป็นคนมิกส์เสียงรอบทิศทางน่ะครับ เพราะทีมนี้เค้ามีห้องพากย์เสียงของตัวเอง เค้าส่งแต่ไฟล์เสียงพูดมาให้ งานของผมจะต่อจากตรงนั้นล่ะครับ ไปล่ะ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอาหนังของออฟฟิศมาให้ดูที่ห้อง เพลงด้านล่างครับคืนนี้ดึก ผมทำพวกตัวหนังสือนั่นล่ะ ส่วนภาพคนอื่นตัดครับ(ที่มันทิ้งงานกลางคันนี่ล่ะ อยากจะเบิร์ดกะโหลกให้พุ่งเลย) [bottle-raccoon]
ทีมพากย์พันธมิตร ผมชอบครับ พากย์หนังมันส์ดี laughhahaha laughhahaha laughhahaha
-
เอ้าฮิ๊ว.... ใครมาฟังพี่เล็กเล่า คงไม่มีใครเค้าซื้อEQมาเล่นหล่ะ เล่นยากอิบหาย
ไม่เฉพาะรถน่ะครับ ที่civicรุ่นเดียวกันเสียงยังต่าง คนนั่งก็มีส่วนครับ ถ้าเมียมานั่งด้วยเครื่องเสียง3000 ฟังเหมือนเครื่อง300 แต่ถ้าน้องๆสาวๆมานั่ง จาก3000 เหมือน ฟังราคา3หมื่น แสดงว่าน้องๆตอบสนองความถี่ได้ดี เอ้าฮิ๊ว..
ใช่ครับไม่ง่ายเลย รถหนึ่งคันผมใช้เวลาจูนเครื่องเสียงด้วย EQ 4 เดือนครับสำหรับ 31 band stereo แต่ถ้า mono 31 band ไม่เคยต่ำกว่า 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ไม่ใช่ 4 นาทีแบบที่เห็นกัน ตั้งแต่ทำเครื่องเสียงติดรถมาใครเคยเห็นร้านจูนเครื่องเสียงกันเป็นวันๆบ้าง ครับ สองวันสุดท้ายก่อนส่งงานลูกค้ามาดูรถเห็นผมจูนเครื่องเสียงอยู่ ห้าโมงเย็นมาใหม่ก็ยังเห็นผมจูนเครื่องเสียงอยู่ โทรมาบอกเดี๋ยว 5 ทุ่มมาหา(คงคิดว่ากรูคงไ้ด้รับรถแล้ว) 555 คิวคุณรับรถพรุ่งนี้หกโมงเย็นไม่ใช้หรือ ( ส่วนใหญ่ลูกค้าเวลาเห็นผมจูนอยู่จะไม่ค่อยมีใครกล้าเ้ข้าใกล้ คงเห็นผมเหมือน rottweiler มั้ง) ผมชอบที่จะทำ fine tune ช่วงตีสาม ถึงเช้าครับ ก่อนจูนก็จะนอนประมาณ 4- 5 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ตื่นมาจะสดชื่นดี อากาศเย็นสบายตัว
-
เนื่องจากเป็นผู้มาใหม่ ทำให้ผมค่อยๆ ตามอ่านกระทู้เก่าๆ อ่านแล้วเกิดความสว่างไสวขึ้นในหัวสมอง
หลากหลายความรู้ต่อยอดต่อรอยหยักในเนื้อสมองเพิ่มขึ้นครับ
นี่เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ดีในรอบปีนะครับ ท่านเจ้าของกระทู้ มีแง่และมุมที่ชวนให้ตามติดในเชิงสร้างสรรค์ยิ่ง
เลยอดมิได้ที่จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนบ้างครับ
คุยกันในเรื่องของ เสียง ซึ่งเกิดจากสั่นทั้งสิ้น
พลังงานของการสั่นเมื่อหูได้ยิน และส่งไปแปลงแล้วส่งต่อให้สมองประมวลผลเกิดความเข้าใจขึ้น
เสียงพูด เสียงร้อง และเสียงเพลงเสียงดนตรีที่เราได้ยิน มีความถี่ตามที่รู้กันคือ
20 ? 20000 Hz และถ้าเราแบ่งย่านความถี่เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็น 3 ย่านคือ
ย่านความถี่ต่ำ ย่านความถี่กลาง ย่านความถี่สูง
ในทุกย่านความถี่ของเสียง มีสิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่พออธิบายในปัจจุบันนี้ซ่อนอยู่หกเจ็ดข้อ อาทิเช่น
Speed of Sound , Frequency , Pitch , Wave Length , Phase , Decibel
เมื่อเราเปิดเครื่องเสียงฟังเพลงที่ชื่นชอบด้วย ?ความดังทั่วๆ ไปสำหรับฟังในบ้าน? ย้ำตรงนี้นะครับ ความดังพอสมควร
ย่านความถี่ทั้ง 3 ย่านจะเปล่งออกจากลำโพงด้วยความเร็วเสียงเท่ากัน
ในระยะทางที่ห่างจากลำโพงจุดหนึ่ง
มันเป็นธรรมชาติของ ?หู? คนเรา ที่จะได้ยิน ?ความดัง?
ของย่านความถี่เสียงทั้ง 3 ย่าน ไม่เท่ากันนะครับ
หูคนเราจะได้ยินและรับรู้ย่านความถี่เสียงกลางได้ชัดเจน และดังกว่า ย่านความถี่เสียงต่ำและย่านความถี่เสียงสูง
ยิ่งอยู่ห่างออกไปยิ่งดังเบามากจนกระทั่งได้ยินแต่ย่านความถี่เสียงกลาง
ทำให้เสียงเพลงเสียงดนตรีขาดความสมดุล เพลงไม่ไพเราะ
วิธีแก้ของนักอีเล็กโทรนิกส์ก็คือการเพิ่มวงจรเพิ่มความดังเสียงต่ำและเสียงสูง
ที่เราเรียกว่า Loundness ทำให้เพลงที่ฟังมีทุ้มแหลมเพิ่มขึ้น ดังขึ้น เพราะขึ้นครับ
เป็นวิธีที่ง่ายและถูกที่สุดกว่าวิธีใดๆ ในการผลิตเครื่องเสียงออกขายแข่งกันนะครับ
ถ้าเข้าใจเรื่องของ Amplitude ก็จะง่ายขึ้นครับ
ในวงการงานติดตั้งระบบเสียงพีเอหรืองานกลางแจ้งจึงต้องมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มขึ้น
เพื่อให้ Sound Engineer โดยตรงแก้ธรรมชาติการได้ยินของคนเราตรงนี้ครับ
รวมทั้งแก้อาการอย่างอื่น ทั้งนี้เพื่อให้การรับฟังและชมได้อรรถรสยิ่งขึ้น
การฟังเพลงรวมถึงการเล่นเครื่องเสียงผมถือว่ามันเป็นศิลปนะครับ
แม้แต่ละคนอาจมีความชอบไม่เหมือนกัน แต่จุดหมายปลายทางคือจุดเดียวกันครับ....
ส่วนเรื่องของการมิกซ์เสียงในห้องอัดนั้น คุยกันยาวเป็นปีเลยครับผม