ปฐมบท แอมป์หลอดของมือใหม่ ขอเริ่มต้นด้วย Ec88>EL34 ตามพี่ๆน้า ครับผม

[RuNgPuEnGⓇ]

จัด 180 ohm ขนาดเท่าตัว 250 ohm ดำ จับอนุกรม ได้ 360 ohm +8 ohm ไปอีก 4 ตัว

[CreÃte_Lek ♫]

  เดี๋ยวขอค่อยคลานไปนะครับ เพื่อนที่จะเริ่มก็มาเริ่มไปพร้อมๆกัน เพราะนี่จะเป็นรากฐานสำหรับการไปต่อยอดต่อไป  ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้เก่ง หรือ เป็นเซียน ก็แค่คนเล่น(เยอะ) ก็อยากจะเอามาแชร์ที่ผ่านมาผมตามไปอ่านเยอะมากจากหลายที่ทั้งต่างประเทศ และ ในประเทศ และ พยายามจะเขียนให้ละเอียดที่สุดแต่ก็ยังไม่สำเร็จ แต่ก็จะเอามาเป็นส่วนๆให้ได้เข้าใจกัน ส่วนเพื่อนๆท่านใดจะแชร์ จะเสริมเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นก็เชิญเข้ามาร่วมแชร์กันได้เลยนะครับ  เอาเลยละกันครับ

 มาเริ่มต้นรู้จักกับ load line ก่อน เมื่อผ่านตรงจุดนี้แล้วผมถึงจะกลับมาเข้าสู่ตัววงจรของเรากันครับ ผมจะขอยกตัวอย่างของ อ. Karin (เครดิตเว็บ TDA) มาเพราะน่าจะมองเห็นภาพได้ง่ายที่สุด ถ้าไม่เข้าใจก็ถามแทรกกันเข้ามาได้เลยเมื่อเข้าใจแล้วค่อยไปต่ออย่างช้าๆนะครับ (นี่ยังปวดหัวตุ่ยๆอยู่เลยแต่รับปากไว้แล้วก็ขอเริ่มเรื่องซะหน่อยนึงก่อน)

 คำอธิบายสั้นๆของ loadline คือ เส้นความต้านทานที่หลอดจะทำงานอยู่บนเส้นนั้นๆ

คราวนี้กลับมาดูที่ curve กันใหม่ แกน X ของ plate curve แสดง voltage (V) และแกน Y แสดง current (I) จากสูตรพื้นฐาน

R = V / I  หรือ ความต้านทาน เท่ากับ แรงดัน (voltage) หารด้วยกระแส (I)

เราสามารถลากเส้นความต้านทาน บนกราฟที่มี แกน X เป็น แรงดัน และ Y เป็นกระแสได้

ตามรูปนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ loadline 20K เพราะ voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ส่วนสีแดงคือ 10K



 ที่มาของการเรียกว่า load line 20K เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นผมจะขยายความจากกราฟเราจะเห็นว่าแต่ละช่องแนวนอน แกน X ช่องละ 50v และ แกน Y แนวแนวช่องละ 5 mA.  ซึ่งในแต่ละช่วงของเส้น voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline ก็นำมาเข้าสูตรคำนวณ  R = V / I เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ผมจะรอให้เพื่อนๆทุกคนเข้าใจตรงจุดนี้ก่อนถึงที่มาที่ไปที่เค้าเรียกกัน แล้วจึงจะไปต่อนะครับ  วันนี้ผมไปนอนก่อนจะมาต่อวันละนิดรอให้เข้าใจพร้อมๆกันทั้งหมด ไม่เข้าใจก็ยิงคำถามแทรกเข้ามาเลย เมื่อจบแล้วผมจะรวบรวมรายละเอียดขั้นตอนทั้งหมดไปปักหมุดไว้ในห้องหลอดให้ศึกษากันต่อไปครับ

[johnney_chivas]

โอ้ยยยย..... [dizzy-smiley]

ใครว่าเล่นหลอดง่าย.......ไม่ธรรมดาในรายละเอียด  [exhausted]

[CreÃte_Lek ♫]

   ทุกอย่างต้องใช้ความตั้งใจ และ พยายาม เพื่อที่จะเข้าใจถึงที่มา ที่ไป ครับงานถึงจะออกมาดี การที่เราเล่นแบบไร้ทิศก็ไม่ต่างกับการงมเข็ม ค่อยๆไปครับ ผมคิดว่าผมมีวิธีที่จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจไปพร้อมกัน แม้จะไม่มีพื้นฐานเลยก็ตาม ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามแทรกได้ทันที เพราะจุดประสงค์ของผมต้องการดึงคนที่ไม่รู้ออกมาเรียนให้รู้ไปพร้อมๆกัน

[johnney_chivas]

   ทุกอย่างต้องใช้ความตั้งใจ และ พยายาม เพื่อที่จะเข้าใจถึงที่มา ที่ไป ครับงานถึงจะออกมาดี การที่เราเล่นแบบไร้ทิศก็ไม่ต่างกับการงมเข็ม ค่อยๆไปครับ ผมคิดว่าผมมีวิธีที่จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจไปพร้อมกัน แม้จะไม่มีพื้นฐานเลยก็ตาม ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามแทรกได้ทันที เพราะจุดประสงค์ของผมต้องการดึงคนที่ไม่รู้ออกมาเรียนให้รู้ไปพร้อมๆกัน

ขอบคุณครับน้าเล็กที่เข้าใจมือใหม่...

[CreÃte_Lek ♫]

  ผมจะค่อยๆไปอย่างช้าๆ รอเดินไปพร้อมๆกันทั้งหมดใครสะดุดเราก็จะหยุดรอ เพราะผมจะปล่อยทุกอย่างที่กระทู้น้าอิ๊กคิว นี้ครับ แม้ว่าจบแล้ทุกคนอาจจะไม่ได้เก่ง กล้าสามารถก็ตาม  แต่ก็จะพอรู้ว่าเค้าพูดคุยเรื่องอะไรกัน หรือ เห็นวงจรแล้วจะได้รู้ว่าเค้ามั่ว หรือ วางยาไว้หรือเปล่า อย่างน้อยก็เป็นการเล่นอย่างมีทิศทาง มีที่มาที่ไป เมื่อผ่านไปถึงช่วงท้ายๆแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่พูดทั้งหมด เพราะจะเจาะทุกจุดตั้งแต่สัญญาณเข้ายันออกลำโพงกันเลย ครับ

[RuNgPuEnGⓇ]

ที่ปลายศรสีฟ้าทั้ง 2 ข้าง บรรจบเส้นปะสีเขียวแนวตั้ง ที่ประมาณ 100V / 20K = 5mA , 200V/20K = 10mA ทำไม จุดมาร์คไม่สัมพันธ์กัน ครับ   
ตามรูป 200V จะได้ 5mA  และ 100V จะได้ 10mA  หรือ ว่า ดูจากเส้นพีคไซน์เวฟ   [dizzy-smiley] หาเบียร์ดื่มดีกว่า  [cheer-watermelon]

[CreÃte_Lek ♫]

ที่ปลายศรสีฟ้าทั้ง 2 ข้าง บรรจบเส้นปะสีเขียวแนวตั้ง ที่ประมาณ 100V / 20K = 5mA , 200V/20K = 10mA ทำไม จุดมาร์คไม่สัมพันธ์กัน ครับ   
ตามรูป 200V จะได้ 5mA  และ 100V จะได้ 10mA  หรือ ว่า ดูจากเส้นพีคไซน์เวฟ   [dizzy-smiley] หาเบียร์ดื่มดีกว่า  [cheer-watermelon]

ค่อยๆไปครับ ยังไม่ได้พูดถึงกราฟจากการซิม เส้นประสีเขียวคือ ช่วง voltage swing ครับ เวลาดูต้องลากแกน X และ แกน Y ตัดกับเส้นสีน้ำเงิน ซึ่งคือเส้นเส้น load line ช่วงทำงานก็คือ ที่ไฮไลท์สีฟ้าครับ ก็คือ  voltage swing นั่นแหละ ไปก่อนก็งงอย่างนี้แหละ ผมจะปูฐานก่อนแล้วค่อยเข้าสู่ตัววงจร และ กราฟผลซิมที่แสดงไว้ครับ  จะเห็นว่ามี 4 รูปก็เพราะเราสามารถเลือกจุดทำงานที่ดีได้หลายจุดในหลอดแต่ละบน plate curve ที่ load ต่างๆกัน แต่แรงดัน และ bias ที่จุดเดียวกัน ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องของ Harmonic distortion  และ power ดูตารางเล็กๆประกอบ ซึ่งจะพูดอีกครั้งหลังเมื่อต้องอธิบายถึงจุดนี้ครับ

[CreÃte_Lek ♫]

เงียบกันหมดเลย เอายังไงหว่า เอาเป็นว่าผมจะรอเจ้าของกระทู้มาตอบแล้วผมจะไปต่อละกันครับ ไม่ถามถือว่าเข้าใจกันแล้วก็แล้วกัน จะได้ไปต่อ รายละเอียดมันเยอะพอสมควรครับ

[igqsung]

เงียบกันหมดเลย เอายังไงหว่า เอาเป็นว่าผมจะรอเจ้าของกระทู้มาตอบแล้วผมจะไปต่อละกันครับ ไม่ถามถือว่าเข้าใจกันแล้วก็แล้วกัน จะได้ไปต่อ รายละเอียดมันเยอะพอสมควรครับ

ครับผม คือตอนนี้กำอ่านและทำความเข้าใจครับ  จากกราฟที่พี่เล็ก sim ออกมาค่า Harmonic ของแต่ละกราฟไม่เท่ากัน ที่เห็นความแตกต่างคือ Rp ไม่เท่ากัน แล้ว harmonic ต่างๆเหล่านี้มีผลกับทางด้านเสียงยังไงบ้างครับ

[CreÃte_Lek ♫]

 น้ารุ่งชักใบเรือเป๋ไปเลยครับ  [laught-watermelon]  น้าๆครับน้าลองอ่านและทำความเข้าใจบอกก่อนครับว่าเข้าใจกราฟตารางสุดท้ายว่าอย่างไร ไม่งั้นจะไปต่อไม่ได้ เพราะถ้าเราลากเส้นแรกไม่ได้ก็จะไม่มีเส้นที่สอง  สาม สี่ บน plate curve ครับ ผมหมายถึงกราฟนี้ครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้เราก็จะไปเลือกจุด bias point ต่อไปไม่ได้ครับ





ส่วนกราฟที่ทำแล้ว 4 รูปด้านบนค่อยว่ากันอีกทีเมื่อไปถึงจุดนั้นครับ ที่ผมบอกเช่นนี้ก็เพราะว่าคุณยังไม่รู้เลยว่า จุดแต่ละจุดบนกราฟมีที่มา ที่ไปอย่างไร จะไปที่ ผลลัพธ์กัน แล้วอย่างนี้มันจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันมากขึ้นนะครับ

[akradech]

ถามพี่เล็กเรื่อง Voltage Swing ครับ หลอดแต่ละเบอร์จะมีค่ากำหนดไว้แน่นอนหรือไม่ครับ  ตอนแรกผมเข้าใจว่าการสวิงคือสวิงเป็น เส้นตรงเอียง 45 องศาตัดกราฟ แต่ตามที่พี่เล็กวาดประกอบการทำความเข้าใจ ดันเป็นสวิง แบบไซน์เวฟ แล้วเป็นแนวนอนซะด้วย   งั้นผมคงเข้าใจผิดแต่แรกแล้วใช่ไหมครับ  [confused-face]

 

[CreÃte_Lek ♫]

 ถ้ากระโดดข้ามกันแบบนี้ก็จะไม่เข้าใจกันไปตลอด และ ผมก็จะต้องตอบคำถามแบบกระโดดมา กระโดดไปครับ ถ้าไปตามสเต็ปแบบที่ผมบอกคุณก็จะเกิดความเข้าใจแบบเป็นขั้น เป็นตอน และ มีฐานที่มั่นคงครับ ดังนั้นผมจะลบกราฟที่ทำเสร็จแล้วออกทั้งหมดเพื่อให้เกิดการกระโดดข้ามขั้นตอน และ งงกันอีกต่อไป เอากราฟที่ผมโพสสุดท้ายก่อนครับ แล้วค่อยไปต่อกันครับ

[johnney_chivas]

เงียบกันหมดเลย เอายังไงหว่า เอาเป็นว่าผมจะรอเจ้าของกระทู้มาตอบแล้วผมจะไปต่อละกันครับ ไม่ถามถือว่าเข้าใจกันแล้วก็แล้วกัน จะได้ไปต่อ รายละเอียดมันเยอะพอสมควรครับ

ธาตุไฟผมแตกแล้ว.....ขอเวลาไปทบทวนพื้นฐานก่อนครับ รูป 1-3 ยังพอเข้าใจ  [wating-raccoon]

ถึงนี้.....

น้ารุ่งชักใบเรือเป๋ไปเลยครับ  [laught-watermelon]  น้าๆครับน้าลองอ่านและทำความเข้าใจบอกก่อนครับว่าเข้าใจกราฟตารางสุดท้ายว่าอย่างไร ไม่งั้นจะไปต่อไม่ได้ เพราะถ้าเราลากเส้นแรกไม่ได้ก็จะไม่มีเส้นที่สอง  สาม สี่ บน plate curve ครับ ผมหมายถึงกราฟนี้ครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้เราก็จะไปเลือกจุด bias point ต่อไปไม่ได้ครับ





ส่วนกราฟที่ทำแล้ว 4 รูปด้านบนค่อยว่ากันอีกทีเมื่อไปถึงจุดนั้นครับ

ตายเลย.... [afraid-raccoon]

[CreÃte_Lek ♫]

 ไม่เข้าใจถามครับ  ไฟล์บังคับเลยว่าต้องเข้าใจผมถึงจะผ่าน ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ผ่าน เอาให้เข้าใจทั้งหมดก่อนครับ แล้วค่อยเดินหน้าต่อไปพร้อมๆกัน

 คราวนี้กลับมาดูที่ curve กันใหม่ แกน X ของ plate curve แสดง voltage (V) และแกน Y แสดง current (I) จากสูตรพื้นฐาน

R = V / I  หรือ ความต้านทาน เท่ากับ แรงดัน (voltage) หารด้วยกระแส (I)

เราสามารถลากเส้นความต้านทาน บนกราฟที่มี แกน X เป็น แรงดัน และ Y เป็นกระแสได้

ตามรูปนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ loadline 20K เพราะ voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ส่วนสีแดงคือ 10K [/color]



 ที่มาของการเรียกว่า load line 20K เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นผมจะขยายความจากกราฟเราจะเห็นว่าแต่ละช่องแนวนอน แกน X ช่องละ 50v และ แกน Y แนวแนวช่องละ 5 mA.  ซึ่งในแต่ละช่วงของเส้น voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline ก็นำมาเข้าสูตรคำนวณ  R = V / I เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ผมจะรอให้เพื่อนๆทุกคนเข้าใจตรงจุดนี้ก่อนถึงที่มาที่ไปที่เค้าเรียกกัน แล้วจึงจะไปต่อนะครับ  วันนี้ผมไปนอนก่อนจะมาต่อวันละนิดรอให้เข้าใจพร้อมๆกันทั้งหมด ไม่เข้าใจก็ยิงคำถามแทรกเข้ามาเลย เมื่อจบแล้วผมจะรวบรวมรายละเอียดขั้นตอนทั้งหมดไปปักหมุดไว้ในห้องหลอดให้ศึกษากันต่อไปครับ


 เอาตรงนี้ก่อนครับเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการไปต่อครับ

[akradech]

  เข้าใจแล้วครับพี่เล็ก เดี๋ยวรอท่านอื่นด้วยครับ

[CreÃte_Lek ♫]

ดีครับ เดี๋ยวรอเพื่อนๆท่านอื่นด้วยเราจะไปแบบช้าๆ ไม่รีบครับ อยากให้เข้าใจจริงๆจะได้ไปต่อได้  แล้วจะสนุกกว่าการเล่นแบบปกติ ทำแล้วคิดด้วยจะได้อะไรจากการทำในแต่ละครั้งเก็บเกี่ยวเป็นประสพการณ์ แล้ว เอามาแชร์กันเพราะแต่ละคนจะมีแนวการทำที่แตกต่างกันย่อมได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันด้วย เมื่อถูกนำมาแชร์ก็จะเป็นการเพิ่มพูลประสพการณ์แบบทวีคูณ ครับ

[RuNgPuEnGⓇ]

 [crying-watermelon] ทานข้าวสำลักเลย ที่แท้ออกแรงชักใบนี้เอง ที่สงสัยก็คือ เส้นแดง เส้นน้ำเงิน มาอย่างไร จะลากเส้นต้องมีจุด 2 จุดบนกราฟ จะหาว่า  จุด 2 จุด ที่จะลากเส้น 20K,10K หาจากไหนครับ 

เพราะผมเข้าใจว่า แกนแรงดัน คือ แรงดันที่หลอดเบอร์นั้นๆ ทำงานได้สูงสุด แล้ว มาร์คจุดไว้จุด 1
และ แกนกระแส คือ แรงดันที่ทนได้สูงสุด/ความต้านทาน   แล้วมาร์คจุดที่ 2
จากนั้นลากจุด 2 จุด

[niraso]

ผมขอไปทีละนิดละกันครับ ไม่เคยอ่านกราฟมาก่อน  [dizzy-smiley]
เส้นแนวนอน หรือแกน x มีตัวเลขตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 300 คืออัตตราแรงดัน หรือ V
เส้นแนวตั้ง หรือแกน y มีตัวเลขตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 30 คืออัตตรากระแส หรือ A
แล้วก็ไปดูตรงเส้นประสีเขียวแนวตั้ง กับเส้นสีฟ้า ในส่วนของ loadline 20K ส่วน  loadline 10K ให้ดูตรงเส้นสีแดงซึ่งจะต่างกันตรงความชันของกระแส แล้วก็ดูตามสูตร
แบบนี้เข้าใจพอถูกบ้างไหมครับ

[RuNgPuEnGⓇ]

หรือว่า....เส้นน้ำเงินเส้นล่างสุด ลากจาก 550/27.5mA  20K

            เส้นแดงเส้นล่างสุด ลากจาก 350/35mA  10K

[Apichat Pulsawat]

ี่พี่ๆ ครับกำลังติดตามอยู่ ตอนนี้กำลัง ง 2 ตัว ครับ [dizzy-smiley]

[RuNgPuEnGⓇ]

เข้าใจว่ายังไงเขียนไปครับ  [dizzy-smiley] กับรูป ล่าสุด อ.จะได้ปรับฐานให้เท่ากันก่อน ไม่เข้าใจถามเลย  [confused-face] ส่วนผมถามเพราะมันมาลอยอยู่กลางกราฟได้ยังไงก็แค่นั้น 

[johnney_chivas]

[crying-watermelon] ทานข้าวสำลักเลย ที่แท้ออกแรงชักใบนี้เอง ที่สงสัยก็คือ เส้นแดง เส้นน้ำเงิน มาอย่างไร จะลากเส้นต้องมีจุด 2 จุดบนกราฟ จะหาว่า  จุด 2 จุด ที่จะลากเส้น 20K,10K หาจากไหนครับ 

เพราะผมเข้าใจว่า แกนแรงดัน คือ แรงดันที่หลอดเบอร์นั้นๆ ทำงานได้สูงสุด แล้ว มาร์คจุดไว้จุด 1
และ แกนกระแส คือ แรงดันที่ทนได้สูงสุด/ความต้านทาน   แล้วมาร์คจุดที่ 2
จากนั้นลากจุด 2 จุด

ที่ผม งง ในกราฟนี้ตรงที่ว่า...มันมาได้อย่างไรครับ ทำไมจู่ ๆ ก็เริ่มที่จุดนั้นเลย  ทำไมต้องเริ่มต้นที่ 50V

ยิ่งถาม ยิ่ง งง ตัวเอง....ไปหาความรู้เพิ่มก่อนครับ

[CreÃte_Lek ♫]

 กราฟที่มีเส้นสีแดง กับ สีน้ำเงินเป็นเพียงเส้นที่ผมยกตัวอย่างมาครับ เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป ยังไม่ใช่เส้นจริงที่เราจะเขียนลงบนกราฟจริงๆ เพราะกราฟที่เราจะเลือกมาเป็นตัวอย่างในการทำคือ EC88 ซึ่งมีคุณสมบัตดังนี้   Vp max = 175V, Ip max = 13mA และ Pd max = 2W

หรือว่า....เส้นน้ำเงินเส้นล่างสุด ลากจาก 550/27.5mA  20K

            เส้นแดงเส้นล่างสุด ลากจาก 350/35mA  10K

   น้ารุ่งอ่านซะลึกเลยครับ เดี๋ยวผมขอไปทำรูปก่อนเดี๋ยวจะเลยเถิดไปกันใหญ่ จริงๆแล้วถ้าอ่านแค่ที่ผมพิมพ์ไว้ใต้รูปก็น่าจะพอเข้าใจได้ครับ รอสักครู่ ค่อยๆไปตามที่บอกครับจะไ้ด้ไม่หลุดกรอบ

[CreÃte_Lek ♫]

 ที่โพสมาทั้งหมดนี่ยังไม่ได้เข้าเรื่องเลยนะครับ เพียงแค่อยากสร้างความเข้าใจก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาจริงๆ ผมเข้าใจทุกคนเลยเพราะตอนที่ผมหาข้อมูลใหม่ๆก็ไม่เข้าใจเหมือนกับทุกคนนั่นแหละครับ



 คราวนี้กลับมาดูที่ curve กันใหม่ แกน X ของ plate curve แสดง voltage (V) และแกน Y แสดง current (I) จากสูตรพื้นฐาน

R = V / I  หรือ ความต้านทาน เท่ากับ แรงดัน (voltage) หารด้วยกระแส (I)

เราสามารถลากเส้นความต้านทาน บนกราฟที่มี แกน X เป็น แรงดัน และ Y เป็นกระแสได้

ตามรูปนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ loadline 20K เพราะ voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ส่วนสีแดงคือ 10K [/color]

 สังเกตบนกราฟของเส้นสีน้ำเงินนะครับ และ ที่ผมทำกรอบสีม่วงไว้ ในหนึ่งช่องจะเห็นว่า แรงดันเปลี่นยแปลงไป 100v และ กระแสเปลี่ยนแปลงไป 5mA. เมื่อนำมาเข้าสูตรตามด้านบนก็จะได้ 20K ไม่ว่าคุณจะขีดกี่เส้นที่ความชันนี้มันก็คือเส้นโหลด 20K พอเข้าใจกันบ้างหรือยังคับ ส่วนเส้นสีแดงก็ใช้หลักการคิดเช่นเดียวกัน ถ้าไม่กระโดดข้ามขั้นคิดไปลึกเกินก็จะผ่านไปได้ครับ เมื่อผ่านจุดนี้แล้วผมจึงจะเริ่มเข้าเรื่องกับแผ่นกราฟจริงของ EC88

[CreÃte_Lek ♫]

 ไม่เข้าใจถามกันเลยนะครับ จะไปต่อได้ต้องผ่านจุดนี้ให้ได้ก่อนครับ พยายามอ่าน และ ทำความเข้าใจจากที่ผมเขียนไว้ในพารากราฟสุดท้ายก่อนครับ

[igqsung]

 ที่โพสมาทั้งหมดนี่ยังไม่ได้เข้าเรื่องเลยนะครับ เพียงแค่อยากสร้างความเข้าใจก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาจริงๆ ผมเข้าใจทุกคนเลยเพราะตอนที่ผมหาข้อมูลใหม่ๆก็ไม่เข้าใจเหมือนกับทุกคนนั่นแหละครับ



 คราวนี้กลับมาดูที่ curve กันใหม่ แกน X ของ plate curve แสดง voltage (V) และแกน Y แสดง current (I) จากสูตรพื้นฐาน

R = V / I  หรือ ความต้านทาน เท่ากับ แรงดัน (voltage) หารด้วยกระแส (I)

เราสามารถลากเส้นความต้านทาน บนกราฟที่มี แกน X เป็น แรงดัน และ Y เป็นกระแสได้

ตามรูปนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ loadline 20K เพราะ voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ส่วนสีแดงคือ 10K [/color]

 สังเกตบนกราฟของเส้นสีน้ำเงินนะครับ และ ที่ผมทำกรอบสีม่วงไว้ ในหนึ่งช่องจะเห็นว่า แรงดันเปลี่นยแปลงไป 100v และ กระแสเปลี่ยนแปลงไป 5mA. เมื่อนำมาเข้าสูตรตามด้านบนก็จะได้ 20K ไม่ว่าคุณจะขีดกี่เส้นที่ความชันนี้มันก็คือเส้นโหลด 20K พอเข้าใจกันบ้างหรือยังคับ ส่วนเส้นสีแดงก็ใช้หลักการคิดเช่นเดียวกัน ถ้าไม่กระโดดข้ามขั้นคิดไปลึกเกินก็จะผ่านไปได้ครับ เมื่อผ่านจุดนี้แล้วผมจึงจะเริ่มเข้าเรื่องกับแผ่นกราฟจริงของ EC88

get krub poom

[johnney_chivas]

 ที่โพสมาทั้งหมดนี่ยังไม่ได้เข้าเรื่องเลยนะครับ เพียงแค่อยากสร้างความเข้าใจก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาจริงๆ ผมเข้าใจทุกคนเลยเพราะตอนที่ผมหาข้อมูลใหม่ๆก็ไม่เข้าใจเหมือนกับทุกคนนั่นแหละครับ



 คราวนี้กลับมาดูที่ curve กันใหม่ แกน X ของ plate curve แสดง voltage (V) และแกน Y แสดง current (I) จากสูตรพื้นฐาน

R = V / I  หรือ ความต้านทาน เท่ากับ แรงดัน (voltage) หารด้วยกระแส (I)

เราสามารถลากเส้นความต้านทาน บนกราฟที่มี แกน X เป็น แรงดัน และ Y เป็นกระแสได้

ตามรูปนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ loadline 20K เพราะ voltage เปลี่ยนไป 100V, กระแสเปลี่ยนไป 5mA จะได้ loadline เท่ากับ 100V/5mA = 20Kohm  ส่วนสีแดงคือ 10K [/color]

 สังเกตบนกราฟของเส้นสีน้ำเงินนะครับ และ ที่ผมทำกรอบสีม่วงไว้ ในหนึ่งช่องจะเห็นว่า แรงดันเปลี่นยแปลงไป 100v และ กระแสเปลี่ยนแปลงไป 5mA. เมื่อนำมาเข้าสูตรตามด้านบนก็จะได้ 20K ไม่ว่าคุณจะขีดกี่เส้นที่ความชันนี้มันก็คือเส้นโหลด 20K พอเข้าใจกันบ้างหรือยังคับ ส่วนเส้นสีแดงก็ใช้หลักการคิดเช่นเดียวกัน ถ้าไม่กระโดดข้ามขั้นคิดไปลึกเกินก็จะผ่านไปได้ครับ เมื่อผ่านจุดนี้แล้วผมจึงจะเริ่มเข้าเรื่องกับแผ่นกราฟจริงของ EC88

อันนี้เข้าใจครับน้าเล็ก....ตัวอย่างที่แสดงนี้เพี่ยงให้รู้ถึงที่มาของ load line  10K  และ 20K ใช่มั้ยครับ หรือว่าต้องเข้าใจอย่างอื่นเพิ่มอีกครับ

[akradech]

เข้าใจแล้วครับพี่

สรุปยิ่งค่า K ของโหลดไลน์ลดลง (เช่น จาก 20k --> 10k --> 5k --> 2.5k) เส้นกราฟก็จะยิ่งชันมากขึ้นเรื่อยๆ

และปกติแล้วเส้นกราฟ จะเอียง โดยจะสูงจากทางซ้าย ลาดลงไปทางขวาเสมอ นะครับ

[CreÃte_Lek ♫]

ถูกต้องครับ เราต้องรู้จักเส้นนี้ก่อน ( plate load) เพื่อที่จะกำหนดจุด bias point บนเส้นนี้ครับ ค่อยๆไปกันไม่รีบ เอาให้แน่นแล้วค่อยผ่าน แล้วจะรู้ว่ามีอะไรที่มันกว่าไปลอกเค้าอย่างเดียวมาเล่นโดยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลยครับ

 ตอบน้า johnney เจตนาต้องการให้รู้ และ ดูให้เป็นแค่นี้แหละครับ เมื่อไปดู load ของคนอื่นจะได้รู้ว่าทำไมเค้าถึงเรียกว่า load line 10K  20K ........... เห็นปุ๊บแล้วจะรู้เลยว่าวงจรนี้ใช้ plate load เท่าไหร่

 เดี๋ยวรอเจ้าของกระทู้อีกคน แล้วจะไปต่อ เพราะนี่ยังไม่ได้เข้าสู่เนื้อหาจริงๆเลยครับ