-EI มีเส้นทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็ก 2 ลูป สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้สูง พันง่าย ขนาดใหญ่กว่าชาวบ้านเขาพอสมควร โครงสร้างทำจากแผ่นเหล็กตัว E และ I เรียงซ้อนกัน และเนื่องจากมันมีโครงสร้าง 2 ลูปทำให้สนามแม่เหล็กด้านหน้าและด้านหลังเสริมกัน+แพร่กระจายได้ไกล เลยเป็นที่มาของ EI จอมกวน
-Torroidal มีทางเดินเส้นแรงแม่เหล็กลูปเดียว โครงสร้างเป็นแผ่นเหล็กคุณภาพสูงม้วนเป็นรูปวงกลม ทำให้หม้อแปลงชนิดนี้ประสิทธิภาพสูง ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และพันยาก ส่วนการรั่วของฟลั๊กจะออกมารอบๆ แกนเป็นรูปโดนัท แถมถูกปิดด้วยแผ่นเล็กด้านบน (ด้านล่างเป็นตัวแท่น) ทำให้สนามแม่เหล็กรั่วไหลไปกวนอุปกรณ์รอบข้างได้น้อย ....... แต่มีข้อเสียคือ ช่วงออกตัวจะมี Surge current สูงมาก ถ้าใช้ฟิวส์ผิดประเภทจะขาดกระจาย ทางที่ดีต้องใส่วงจร Soft start ช่วย
-C-core (Cut-core) มีทางเดินเส้นทางแม่เหล็กลูปเดียว เหมือนหม้อแปลง Toroidal โครงสร้างทำจากเหล็กแผ่นบางๆ คุณภาพสูงมาเรียงซ้อนกันเป็นรูปตัว C (ผมว่าเหมือนตัว U มากกว่าครับ) เวลาใช้งานจะต้องเอาแกนตัว C 2 อันมาประกบกัน ส่วนขดลวดจะถูกพันบนแกนทั้งสองฝั่ง ทำให้หม้อแปลงชนิดนี้มีความสูงไม่มากเมื่อเทียบกับ EI ในพิกัดเดียวกัน เลยเป็นที่มาของคำว่าประสิทธิภาพสูง แต่เนื่องจากมีรอยต่อของแกนทำให้มีฟลั๊กรั่วไหลตรงจุดนี้ได้ เลยต้องมีการรัดแหวนทองแดงรอบตัว เพื่อไม่ให้สนามแม่เหล็กออกไปรบกวนวงจรใกล้เคียง
-R-core (Ring-core) เหมือนกับ C-core เกือบทั้งหมด ต่างกันตรงหน้าตัดแกน R-core จะเป็นแกนกลม (C-core เป็นแกนเหลี่ยม) และแกนถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวตลอดไม่มีรอยต่อ ทำให้เวลาพันจะใช้ลวดน้อยกว่าแบบ C-core (ระยะทางต่อรอบน้อยกว่า) ผลที่ตามมาคือ Copper loss ลดลง ส่วนการรั่วไหลของฟลั๊กจะต่ำกว่า C-core เนื่องจากไม่มีรอยต่อของแกน เลยทำให้บางครั้งจะไม่เห็นแหวนทองแดงรัดอยู่บนตัวหม้อแปลงชนิดนี้
-UI-core เหมือน C-core เช่นกัน เพียงแต่ถูกออกแบบมาให้พันง่ายขึ้นคือใช้แกนตัว U กับ I เรียงซ้อนสลับกัน คุณสมบัติต่างๆ ใกล้เคียงกับ C-core
ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าหม้อแปลง Toroidal, C-core, R-core, UI-core เป็นหม้อแปลงที่มีโครงสร้างแบบเดียวกัน ที่ต้องมีรูปแบบต่างกันไปก็เพื่อความเหมาะสมในการผลิตและการนำไปใช้งาน ยกตัวอย่าง ถ้าพื้นที่การติดตั้งจำกัด หม้อแปลง toroidal จะเหมาะสมกว่าเนื่องจากตัวมันกลมใช้พื้นที่ไม่มาก