ก่อนดำเนินเรื่องราวต่อไป
ผมขออนุญาตเอาความหลังเกี่ยวกับการสื่อสารในช่วงที่ผมทำงานเมื่อ 33 ปีที่ผ่านมา
มาเล่าให้ฟังหน่อยนะ
ยุคสมัยนั้น การสื่อสารหากเอามาเปรียบเทียบกับสมัยนี้ นับว่ามันคนละเรื่องกันเลย
ตอนแรกเริ่มทำงาน ผมต้องเข้าเรียนการเคาะโทรเลขด้วยรหัสมอส เพราะสมัยนั้นน่ะเหรอโทรศัพท์ยังมีไม่แพร่หลาย
การเคาะรหัสมอสจึงเป็นที่สิ่งที่จำเป็น และผู้ทำหน้าที่ต้องเคาะโทรเลขเป็น
ดังนั้น คนสมัยก่อนจึงถูกบ่มนิสัยให้ใช้ถ้อยคำที่สั้น กระชับ ได้ใจความ ไม่ใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือย
ก็เนื่องจากการส่งข้อความด้วยรหัสมอสนี่เอง
จากยุคของโทรเลข ก็มาสู่ยุคของโทรพิมพ์
เครื่องโทรพิมพ์แป้นพิมพ์ก็คล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีด แต่มีอักษร 3 แถว กลาง ล่าง บน
เมื่อมีเครื่องโทรพิมพ์เข้ามา นับว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งข่าวสารได้มาก
เพราะเราสามารถปรุแถบข้อความรอไว้ก่อน
เมื่อต้องการส่งข้อความก็เอาแถบโทรพิมพ์ที่เราปรุไว้เข้าเครื่องส่งได้คราวละหลายฉบับ
นับว่าสะดวก สบายกว่าการเคาะโทรเลขเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเคาะโทรเลขเป็นการเคาะโต้ตอบแบบสด (Real Time)
หากผิดต้องแก้ไขเคาะใหม่ ยิ่งไปเจอมือใหม่เคาะไม่เป็นตัว กว่าจะแกะอ่านแถบโทรเลขได้จบก็ปวดหัวไปตาม ๆ กัน
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง เมื่อมีคอมพิวเตอร์เข้ามาในชีวิต
ใช้แทนลูกคิดในการคำนวณ แทนเครื่องพิมพ์ดีดในงานพิมพ์
คิดดูเถอะว่า เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ผมใช้งานโปรแกรม CU Writer
ซึ่งทำงานบน DOS ไม่รู้ว่าเพื่อนสมาชิกยังจำกันได้ไหม
เมื่อคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา เพียงไม่กี่ปีก็มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
จนถึงวันนี้แทบไม่เหลือล่องลอยเค้าโครงให้เห็นกันเลย
แล้วเราก็ขาดคอมพิวเตอร์ไม่ได้ เหมือนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว
เมื่อใช้คอมพิวเตอร์สะดวก สบาย เราก็เลยหลงลืมหลักการใช้ภาษาเขียนไปโดยปริยาย
กลายเป็นน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง แบบที่นายอัลกอฮอล์กำลังพิมพ์อยู่นี้ครับ
[roll] [roll]