กติกาใหม่!!!การรับสมัครสมาชิกทางเว็บขอรับสมัครสำหรับทุกท่านที่มีความสนใจเกี่ยวกับการ DIY เครื่องเสียงเท่านั้น วิธีสมัครสมาชิก1.กรอกใบสมัครสมาชิกที่ "เมนูสมัครสมาชิก" ก่อน แล้วทำข้อ 22.ส่งชื่อ(Username)และชื่ออีเมลที่ใช้สมัครสมาชิก(ไม่ต้องส่งบัตรประชาชน)มาที่ เพื่อทำการอนุมัติสมาชิก
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขอบคุณคุณ Wasin และเพื่อนๆทุกท่านครับวิธีบัดกรีของผม ใช้เศษอลูฯขนาดใกล้เคียงกับตัว IC วางทับบนตัว IC เพื่อช่วยถ่ายเทความร้อนเอาดินสอวางทับอลูฯอีกที ใช้หนังยางรัดปลายดินสอทั้งสองด้านให้ยึดแน่นกับ PCB กันไม่ให้ IC เคลื่อนจ่อปลายหัวแร้งตามรูป (สีแดง) เลยครับ ให้แค่ส่วนปลายหัวแร้งแตะรอยต่อระหว่างขา IC กับลาย PCB เท่านั้นไม่ถึง 1 วินาทีป้อนตะกั่ว (สีเขียว) เข้าตรงรอยต่อระหว่างปลายหัวแร้ง, ขา IC, ลาย PCBบัดกรีทีละ 1 ขาแล้วพัก เป่าลม แล้วค่อยบัดกรีต่อ ไม่ยากอย่างที่คิดครับ รู้งี้บัดกรีเองตั้งแต่ตัวแรกดีกว่าที่สำคัญจัดสภาพแวดล้อมให้ดีครับ หาแผ่นอะไรหนืดๆวางรอง PCB ไม่ให้เคลื่อนได้ ผมใช้ mouse-pad หงายท้องจะท่าทางให้เหมาะ มืออย่าสั่น ถ้ามือสั่นหาอะไรมาหนุนข้อมือครับ
ระหว่างใส่ sink 1033 นึกขึ้นมาได้ครับ มีประเด็นเรื่องความร้อนรบกวนช่วยกัน ตรวจหน่อยครับถ้าอธิบายด้วยจะดีมากเลยครับผม- ไฟบอร์ด Supply เข้าควรจะเป็น 18-0-18 หรือ 16-0-16 เพื่อลดร้อน- Heat Sink ภาคไฟบวก บอร์ด Supply ต้องใส่็ขนาดใหญ่กว่าปรกติเื่พื่อลดร้อน- R 12โอห์ม บอร์ด CS, TDA ควรเปลียนเป็น ค่าไม่เกิน 24 โอห์ม เพื่อลดร้อน TL431
อ้างถึงแต่ไฟจากภาคจ่ายไฟ มันออกมา +18v Gnd -18vถ้าผมใช้ไฟ +18V ต่อเข้ากับ Digital Board จะได้ไหมครับ ภาคจ่ายไฟนั้น ด้านไฟบวกนั้นปรับ VR1 ไฟออกที่ภาคจ่ายไฟเป็น +8V ครับ ไม่ใช่ +18Vหรือถ้าไม่ใช้ VR ปรับไฟออก ให้ใช้ R ใส่แทนด้านไฟบวก ก็ใช้ R ค่า 1K2 ใส่แทน VR1 ด้านไฟลบ ก็ใช้ R ค่า 3K ใส่แทน VR2อ้างจาก: Wasin ที่ 05 พฤษภาคม 2005, 12:26:53 AMเพิ่งมาดูลายละเอียด PCB ที่ออกแบบไว้อีกทีเลยขอตอบใหม่ครับจะได้ตรงคำถามมากยิ่งขึ้นอ้างถึงในส่วนของหม้อแปลงไฟ ในวงจร year book 2004(yb04) จะเป็น 18-0-18 (ซื้อมาแล้วครับ ถ้าไม่ใช่คงต้องไปเปลี่ยนอีกที)แต่ถ้าเป็นขอคุณ Wasin จะใช้เท่าไรครับ เพราะผมเห็นในแผ่น PCB จะเป็น 12-0 gnd 0-18ผมเดาว่า เป็น 18-0-12 ไมถูกทั้งหมดครับถ้าจะใช้ 18 - 0 - 12 เนื่องจากใน Year book 2004 นั้น ภาคจ่ายไฟจะใช้ Diode Retifer ต่อเป็นแบบบริดจ์ซึ่งจะใช้ Diode แค่ 4 ตัว ใช้ทั้งไฟบวกและลบ จาก Diod ชุดนี้ เลยใช้หม้อแปลง 18 - 0 - 18 ครับแต่ที่ผมออกแบบไว้นั้น จะแยกใช้บริดจ์ไดโอดเป็น 2 ชุด ซึ่งชุดนึงจะเป็นไฟบวกและอีกชุดนึงจะเป็นไฟลบ ซึ่งจะใช้กับหม้อแปลงแบบไม่มี Center Tap เป็น 0Vจะต้องใช้เป็น 12 - 0 สำหรับไฟบวก และ 18 - 0 สำหรับไฟลบ ซึ่งเป็นหม้อแปลงแบบไม่มีแทบกลาง เลยต้องใช้ บริดจ์ไดโอด เป็น 2 ชุดครับก็เลยใช้หม้อแปลงแบบ 18 - 0 - 12 ไม่ได้ครับ(เนื่องจากตอนออกแบบต้องการให้แยกไฟบวกและไฟลบออกจากันตั้งแต่หม้อแปลงครับ)ถ้าคุณ DIY C ซื้อหม้อแปลงแบบ 18 - 0 - 18 มาถ้าจะไม่เปลี่ยนก็ได้ครับเพียงแต่ต้องจั้มสายหม้อแปลงที่เป็นสายแทปกลาง 0 V เข้าที่จุด 0 ในจุดต่อหม้อแปลงใน PCB ทั้ง 2 จุดครับ ส่วนกราวด์นั้นก็คือกราวด์ของวงจรทั้งภาคจ่ายไฟและสัญญานครับ ไว้สำหรับต่อลงแท่นเครื่องอีกทีถ้าลงกล่องแล้วครับ ซึ่งกราวด์ของ IC ดิจิตอล (CS841)และอนาล็อก(TDA1541A)ทั้ง 2 ตัวผมจะแยกออกจากกันแล้วค่อยมารวมที่ภาคจ่ายไฟอีกที ลองสังเกตุที่ลาย PCB ครับ(ถ้าใช้หม้อแปลง 18 - 0 - 18 นะครับ IC LM317 ตัวแรกจะร้อนมากพอดูครับ เพราะ V ตกคร่อมจะเยอะพอสมควร ประมาณ 13Vแต่คิดว่าก็น่าจะทำงานได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ จะใช้ 12 - 0 สำหรับไฟบวกตัวนึงและ 18 - 0 สำหรับไฟลบตัวนึงก็ได้ครับ หรือจะสั่งพันรวมในตัวเดียวก็ได้เป็น 18 - 0 , 18 - 0 หรือแยกเป็น 2 ตัวก็ได้ครับ) ส่วนอีกเรื่องนึงคือ อ้างถึงวงจร yb04 ผมเห็นไฟเข้า มี 3 ทาง +8,+8 และ -18 ทำไม ไม่เป็น + 18 วงจรใน year book 2004 นั้น ต้องการให้ไฟก่อนเข้า Shunt Regulator นั้นเป็น +8 ,-8 ,-18 ครับ ซึ่งเมื่อผ่าน Shunt Regulator (TL431)ก็จะเหลือ +5 ,-5 ,-15 ครับก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่ใช้ไฟ 18V ป้อนเข้าอย่างเดียว เพราะว่า ไฟที่ป้อนเข้า IC TDA1541A นั้นจะเป็น +5 ,-5 ,-15 ซึ่งมีทั้งบวกและลบแต่ต่างแรงดันกันส่วน CS8414 นั้นผมออกแบบไว้ให้แยก IC LM317 จ่ายไฟ +5 ออกเป็น 2 ตัวสำหรับภาค Digital ตัวนึง และภาค อนาล็อกตัวนึง ออกจากกันเด็ดขาดไปเลยสรุปครับผมจะป้อนไฟเข้าเป็นแหล่งจ่ายไฟหลัก ทั้งบวกและลบก็คือ 12 - 0 สำหรับไฟบวกซึ่งเมื่อผ่านบริดจ์ไดโอดแล้วจะได้ไฟ DC ประมาณ 16-17Vและเมื่อผ่าน LM317 ตัวแรก จะกรองและลดไฟเหลือประมาณ 12Vจากนั้นจะป้อนไฟเข้า LM317 3 ตัวแยกเป็นสำหรับ CS8414 2 ตัว และ TDA1541A อีก 1 ตัวซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้จะกรองและลดแรงดันไฟเหลือ 8V อีกที แล้วป้อนไฟให้กับ TL431 ของ IC CS8414 2 ตัว และ TDA1541A อีก 1 ตัว เพื่อกรองลดแรงดันให้เหลือ 5 V ครับและ 18 - 0 สำหรับไฟลบนั้นซึ่งเมื่อผ่านบริดจ์ไดโอดแล้วจะได้ไฟ DC ประมาณ -25Vเมื่อผ่าน LM337 ตัวแรก จะกรองและลดไฟเหลือประมาณ -21Vจากนั้นจะป้อนไฟเข้า LM317 อีก 2 ตัวแยกอีกสำหรับ TDA1541A ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะกรองและลดแรงดันไฟเหลือ-18V และ -8V อีกที แล้วป้อนไฟให้ กับ TL431 TDA1541A อีก 2 ตัว เพื่อกรองลดแรงดันให้เหลือ -15 และ-5 V ครับ (ซึ่งตัว LM337 ที่ลดแรงดันจาก -21 เหลือ -8V นั้นตัวนี้ก็จะร้อนมากพอสมควรครับเพราะมีแรงดันตกคร่อม IC ประมาณ 13V ตอนออกแบบดันลืมนึกถึงตัวนี้ไฟเลยดันไปคิดถึงแต่ IC 317 และ 337 ตัวแรกแต่ทำงานได้ไม่มีปัญหาครับแค่ร้อนหน่อยนะ)ส่วนในวงจรภาค Digital Receiver และ DAC นั้น ก็เหมือนใน Year book ครับคงพอเข้าใจภาคจ่ายไฟของวงจรได้ง่ายขึ้นนะครับ เรื่องอื่นๆคือเมื่อต่อไฟเข้าวงจร Power LED จะติดก่อนครับจากนั้นเมื่อต่อสัญญานดิจิตอลเข้า หรือเปิดเครื่องเล่น CD TransportSignal Lock LED จึงจะติดครับแนะนำว่าใช้ Pulse Tranformer ตรงในส่วน Input เสียงจะดีกว่าต่อเป็น C Input ครับ และ C ที่ต่อกับขา 7 และขา 24 ของ TDA1541A นั้นจะมีผลต่อเสียงพอสมควรลองจูนค่าและ เลือกยี่ห้อตามชอบใจครับ ส่วนตัวอื่นๆมีผลรองๆลงมแบบว่าฟังออกยากน่ะครับJumper (J1,J2) แนะนำว่าให้บัดกรีด้านใต้ปริ้นครับ จะใช้ลวดหรือสายไฟของดีแค่ใหนก็แล้วแต่ครับแต่สำหรับผมไม่ซีเรียสครับแบบว่าไม่น่าฟังออก เล่นกับจุดอื่นๆเช่นภาคอนาล็อกเอ้าท์พุทเห็นผลชัดกว่า สุดท้าย รอบคอบในการลงอุปกรณ์ ละเอียดในการบัดกรี ตรวจสอบลายปริ้นที่สั่งทำก่อนลงมือว่าที่สั่งทำมาไม่ผิดพลาด ไม่มีลายเส้นช็อตกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการทำครับ วศินอ้างจาก: tfender ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 11:06:06 PMอ้างจาก: mannjuu ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 10:55:07 PMระหว่างใส่ sink 1033 นึกขึ้นมาได้ครับ มีประเด็นเรื่องความร้อนรบกวนช่วยกัน ตรวจหน่อยครับถ้าอธิบายด้วยจะดีมากเลยครับผม- ไฟบอร์ด Supply เข้าควรจะเป็น 18-0-18 หรือ 16-0-16 เพื่อลดร้อน- Heat Sink ภาคไฟบวก บอร์ด Supply ต้องใส่็ขนาดใหญ่กว่าปรกติเื่พื่อลดร้อน- R 12โอห์ม บอร์ด CS, TDA ควรเปลียนเป็น ค่าไม่เกิน 24 โอห์ม เพื่อลดร้อน TL431หม้อไฟใช้ได้ทั้ง 2 สเปค แต่ถ้ายังไม่ซื้อ ก็เลือก 16-0-16 ครับ ฝั่งซีกไฟ+ ปรับให้ไฟประมาณ +11 V กว่า ๆ ส่วนไฟ - ก็ -18V ฝั่ง ซีกไฟ - LT1033 ใช้ซิ้งค์ขนาดปกติได้ แต่ฝั่ง LT1085 ต้องใช้ซิงค์ ขนาด CPU Pentium II Slot I จึงจะเอาอยู่ครับ
แต่ไฟจากภาคจ่ายไฟ มันออกมา +18v Gnd -18vถ้าผมใช้ไฟ +18V ต่อเข้ากับ Digital Board จะได้ไหมครับ
เพิ่งมาดูลายละเอียด PCB ที่ออกแบบไว้อีกทีเลยขอตอบใหม่ครับจะได้ตรงคำถามมากยิ่งขึ้นอ้างถึงในส่วนของหม้อแปลงไฟ ในวงจร year book 2004(yb04) จะเป็น 18-0-18 (ซื้อมาแล้วครับ ถ้าไม่ใช่คงต้องไปเปลี่ยนอีกที)แต่ถ้าเป็นขอคุณ Wasin จะใช้เท่าไรครับ เพราะผมเห็นในแผ่น PCB จะเป็น 12-0 gnd 0-18ผมเดาว่า เป็น 18-0-12 ไมถูกทั้งหมดครับถ้าจะใช้ 18 - 0 - 12 เนื่องจากใน Year book 2004 นั้น ภาคจ่ายไฟจะใช้ Diode Retifer ต่อเป็นแบบบริดจ์ซึ่งจะใช้ Diode แค่ 4 ตัว ใช้ทั้งไฟบวกและลบ จาก Diod ชุดนี้ เลยใช้หม้อแปลง 18 - 0 - 18 ครับแต่ที่ผมออกแบบไว้นั้น จะแยกใช้บริดจ์ไดโอดเป็น 2 ชุด ซึ่งชุดนึงจะเป็นไฟบวกและอีกชุดนึงจะเป็นไฟลบ ซึ่งจะใช้กับหม้อแปลงแบบไม่มี Center Tap เป็น 0Vจะต้องใช้เป็น 12 - 0 สำหรับไฟบวก และ 18 - 0 สำหรับไฟลบ ซึ่งเป็นหม้อแปลงแบบไม่มีแทบกลาง เลยต้องใช้ บริดจ์ไดโอด เป็น 2 ชุดครับก็เลยใช้หม้อแปลงแบบ 18 - 0 - 12 ไม่ได้ครับ(เนื่องจากตอนออกแบบต้องการให้แยกไฟบวกและไฟลบออกจากันตั้งแต่หม้อแปลงครับ)ถ้าคุณ DIY C ซื้อหม้อแปลงแบบ 18 - 0 - 18 มาถ้าจะไม่เปลี่ยนก็ได้ครับเพียงแต่ต้องจั้มสายหม้อแปลงที่เป็นสายแทปกลาง 0 V เข้าที่จุด 0 ในจุดต่อหม้อแปลงใน PCB ทั้ง 2 จุดครับ ส่วนกราวด์นั้นก็คือกราวด์ของวงจรทั้งภาคจ่ายไฟและสัญญานครับ ไว้สำหรับต่อลงแท่นเครื่องอีกทีถ้าลงกล่องแล้วครับ ซึ่งกราวด์ของ IC ดิจิตอล (CS841)และอนาล็อก(TDA1541A)ทั้ง 2 ตัวผมจะแยกออกจากกันแล้วค่อยมารวมที่ภาคจ่ายไฟอีกที ลองสังเกตุที่ลาย PCB ครับ(ถ้าใช้หม้อแปลง 18 - 0 - 18 นะครับ IC LM317 ตัวแรกจะร้อนมากพอดูครับ เพราะ V ตกคร่อมจะเยอะพอสมควร ประมาณ 13Vแต่คิดว่าก็น่าจะทำงานได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ จะใช้ 12 - 0 สำหรับไฟบวกตัวนึงและ 18 - 0 สำหรับไฟลบตัวนึงก็ได้ครับ หรือจะสั่งพันรวมในตัวเดียวก็ได้เป็น 18 - 0 , 18 - 0 หรือแยกเป็น 2 ตัวก็ได้ครับ) ส่วนอีกเรื่องนึงคือ อ้างถึงวงจร yb04 ผมเห็นไฟเข้า มี 3 ทาง +8,+8 และ -18 ทำไม ไม่เป็น + 18 วงจรใน year book 2004 นั้น ต้องการให้ไฟก่อนเข้า Shunt Regulator นั้นเป็น +8 ,-8 ,-18 ครับ ซึ่งเมื่อผ่าน Shunt Regulator (TL431)ก็จะเหลือ +5 ,-5 ,-15 ครับก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่ใช้ไฟ 18V ป้อนเข้าอย่างเดียว เพราะว่า ไฟที่ป้อนเข้า IC TDA1541A นั้นจะเป็น +5 ,-5 ,-15 ซึ่งมีทั้งบวกและลบแต่ต่างแรงดันกันส่วน CS8414 นั้นผมออกแบบไว้ให้แยก IC LM317 จ่ายไฟ +5 ออกเป็น 2 ตัวสำหรับภาค Digital ตัวนึง และภาค อนาล็อกตัวนึง ออกจากกันเด็ดขาดไปเลยสรุปครับผมจะป้อนไฟเข้าเป็นแหล่งจ่ายไฟหลัก ทั้งบวกและลบก็คือ 12 - 0 สำหรับไฟบวกซึ่งเมื่อผ่านบริดจ์ไดโอดแล้วจะได้ไฟ DC ประมาณ 16-17Vและเมื่อผ่าน LM317 ตัวแรก จะกรองและลดไฟเหลือประมาณ 12Vจากนั้นจะป้อนไฟเข้า LM317 3 ตัวแยกเป็นสำหรับ CS8414 2 ตัว และ TDA1541A อีก 1 ตัวซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้จะกรองและลดแรงดันไฟเหลือ 8V อีกที แล้วป้อนไฟให้กับ TL431 ของ IC CS8414 2 ตัว และ TDA1541A อีก 1 ตัว เพื่อกรองลดแรงดันให้เหลือ 5 V ครับและ 18 - 0 สำหรับไฟลบนั้นซึ่งเมื่อผ่านบริดจ์ไดโอดแล้วจะได้ไฟ DC ประมาณ -25Vเมื่อผ่าน LM337 ตัวแรก จะกรองและลดไฟเหลือประมาณ -21Vจากนั้นจะป้อนไฟเข้า LM317 อีก 2 ตัวแยกอีกสำหรับ TDA1541A ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะกรองและลดแรงดันไฟเหลือ-18V และ -8V อีกที แล้วป้อนไฟให้ กับ TL431 TDA1541A อีก 2 ตัว เพื่อกรองลดแรงดันให้เหลือ -15 และ-5 V ครับ (ซึ่งตัว LM337 ที่ลดแรงดันจาก -21 เหลือ -8V นั้นตัวนี้ก็จะร้อนมากพอสมควรครับเพราะมีแรงดันตกคร่อม IC ประมาณ 13V ตอนออกแบบดันลืมนึกถึงตัวนี้ไฟเลยดันไปคิดถึงแต่ IC 317 และ 337 ตัวแรกแต่ทำงานได้ไม่มีปัญหาครับแค่ร้อนหน่อยนะ)ส่วนในวงจรภาค Digital Receiver และ DAC นั้น ก็เหมือนใน Year book ครับคงพอเข้าใจภาคจ่ายไฟของวงจรได้ง่ายขึ้นนะครับ เรื่องอื่นๆคือเมื่อต่อไฟเข้าวงจร Power LED จะติดก่อนครับจากนั้นเมื่อต่อสัญญานดิจิตอลเข้า หรือเปิดเครื่องเล่น CD TransportSignal Lock LED จึงจะติดครับแนะนำว่าใช้ Pulse Tranformer ตรงในส่วน Input เสียงจะดีกว่าต่อเป็น C Input ครับ และ C ที่ต่อกับขา 7 และขา 24 ของ TDA1541A นั้นจะมีผลต่อเสียงพอสมควรลองจูนค่าและ เลือกยี่ห้อตามชอบใจครับ ส่วนตัวอื่นๆมีผลรองๆลงมแบบว่าฟังออกยากน่ะครับJumper (J1,J2) แนะนำว่าให้บัดกรีด้านใต้ปริ้นครับ จะใช้ลวดหรือสายไฟของดีแค่ใหนก็แล้วแต่ครับแต่สำหรับผมไม่ซีเรียสครับแบบว่าไม่น่าฟังออก เล่นกับจุดอื่นๆเช่นภาคอนาล็อกเอ้าท์พุทเห็นผลชัดกว่า สุดท้าย รอบคอบในการลงอุปกรณ์ ละเอียดในการบัดกรี ตรวจสอบลายปริ้นที่สั่งทำก่อนลงมือว่าที่สั่งทำมาไม่ผิดพลาด ไม่มีลายเส้นช็อตกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการทำครับ วศิน
ในส่วนของหม้อแปลงไฟ ในวงจร year book 2004(yb04) จะเป็น 18-0-18 (ซื้อมาแล้วครับ ถ้าไม่ใช่คงต้องไปเปลี่ยนอีกที)แต่ถ้าเป็นขอคุณ Wasin จะใช้เท่าไรครับ เพราะผมเห็นในแผ่น PCB จะเป็น 12-0 gnd 0-18ผมเดาว่า เป็น 18-0-12
วงจร yb04 ผมเห็นไฟเข้า มี 3 ทาง +8,+8 และ -18 ทำไม ไม่เป็น + 18
อ้างจาก: mannjuu ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 10:55:07 PMระหว่างใส่ sink 1033 นึกขึ้นมาได้ครับ มีประเด็นเรื่องความร้อนรบกวนช่วยกัน ตรวจหน่อยครับถ้าอธิบายด้วยจะดีมากเลยครับผม- ไฟบอร์ด Supply เข้าควรจะเป็น 18-0-18 หรือ 16-0-16 เพื่อลดร้อน- Heat Sink ภาคไฟบวก บอร์ด Supply ต้องใส่็ขนาดใหญ่กว่าปรกติเื่พื่อลดร้อน- R 12โอห์ม บอร์ด CS, TDA ควรเปลียนเป็น ค่าไม่เกิน 24 โอห์ม เพื่อลดร้อน TL431หม้อไฟใช้ได้ทั้ง 2 สเปค แต่ถ้ายังไม่ซื้อ ก็เลือก 16-0-16 ครับ ฝั่งซีกไฟ+ ปรับให้ไฟประมาณ +11 V กว่า ๆ ส่วนไฟ - ก็ -18V ฝั่ง ซีกไฟ - LT1033 ใช้ซิ้งค์ขนาดปกติได้ แต่ฝั่ง LT1085 ต้องใช้ซิงค์ ขนาด CPU Pentium II Slot I จึงจะเอาอยู่ครับ
อ้างจาก: alee ที่ 14 กรกฎาคม 2010, 05:08:41 PMผมดูแล้วบน PCB จุดใส้หลอด12ax7 12.6V อะครับแบบนี้หม้อก็ต้องสั่งpri 220 sec 250-0-250 100 mA 6.3-0/ 2A 15-0/ 1A 15-0/1A ได้มั๊ยครับ #S_052#250-0-250 50 mA ก็พอครับ ;D
ผมดูแล้วบน PCB จุดใส้หลอด12ax7 12.6V อะครับแบบนี้หม้อก็ต้องสั่งpri 220 sec 250-0-250 100 mA 6.3-0/ 2A 15-0/ 1A 15-0/1A ได้มั๊ยครับ #S_052#
ลงอุปกรณ์ครบ ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง แล้ว ลองจ่ายไฟดูเลยครับ ถ้าต่อ แล้ว LED ไม่ติด อย่าพึ่งตกใจ เอามิเตอร์ วัดด้านไฟออก ก่อน ว่ามีแรงดัน ออกหรือไม่ ถ้ามี อาจใส่ LED กลับขั้ว ลองตรวจเช็คใหม่ LED ใหม่ ขาที่ยาวกว่าเป็นขั้วบวก เวลาใส่ LED ทั้งสองตัว จะหันไปทางเดียวกัน ถ้าไฟติดแล้ว ลองวัดโดยเอามิเตอร์ ถ้าเป็นดิจิตอลมิเตอร์ ใช้ขั้วลบ จิ้มไว้ที่กราวด์ ขั้วบวก จิ้มไว้ริมสุดด้านลบ ดังรูป อ่านค่าได้ไกล้เคียง -18 โวลท์ ก็ใช้ได้ครับ หรือถ้าเอา สายมิเตอร์บวกไว้ที่กราวด์ เอาลบไว้ที่ขั้วลบ ก็จะขึ้น ประมาณ 18 โวลท์ครับ ถ้าเป็นมิเตอร์อนาลอก (แบบเข็ม) ต้องเอา สายสีดำจิ้มที่ขั้วลบ สายสีแดงจิ้มที่กราวด์นะครับ
ส่วน ไฟบวก ที่คุณ WASIN กำหนดไว้เป็น 8 โวลท์ ค่า R ตามที่ลูกศรชี้ในภาพ เป็น 5K นั้นผิดนะครับ จริง ๆ ต้องเป็น 1.2 K ครับจึงจะได้ไฟ 8 โวลท์ แต่ผมใช้เป็น 1.5 - 2 K แทน ให้ได้ไฟบวกที่ 10-12 โวลท์ เพื่อลดภาระของ IC LM 317 ไม่ให้ร้อนมากเกินไปนัก ไม่ต้องห่วงว่าไฟจะสูงเกินไป ในPCB DAC และ ดิจิตอล มีวงจรเรคกุเลทอีกชั้นนึงอยู่แล้ว ในรูปผมใช้ 1.5K วัดไฟได้ประมาณ 10 โวลท์ครับ
ขอแทรกนิดนึงครับอ้างถึงค่า R ตามที่ลูกศรชี้ในภาพ เป็น 5K นั้นผิดนะครับ จริง ๆ ต้องเป็น 1.2 K ครับจึงจะได้ไฟ 8 โวลท์ จริงๆ ก็ไม่ผิดหรอกครับ ผมจงใจ ใส่เป็น VR ค่า 5K เผื่ออยากจะหมุนปรับเปลี่ยนแรงดันได้น่ะครับ จะเห็นได้ว่าผมเจาะรูเผื่อไว้สำหรับใส่ได้ทั้ง VR และ R ครับแต่ตอนผมต่อจริงๆ VR ที่บ้านผมมันหมด ก็เลยใช้ R ค่าที่คุณ Mc ว่าไว้เหมือนกันครับ
ค่า R ตามที่ลูกศรชี้ในภาพ เป็น 5K นั้นผิดนะครับ จริง ๆ ต้องเป็น 1.2 K ครับจึงจะได้ไฟ 8 โวลท์
ตอบแบบง่ายๆ เลยครับว่า ใช้ DAC Chip คนละเบอร์ครับ.... ;D ;D ;Dถ้าตอบให้ละเอียดหน่อย ก็คือ Non - Os DAC TDA1543MKII ใช้ Passive I/V ครับ มีแค่ R กับ C เท่านั้นก็ฟังได้แล้วครับถ้าเน้นๆ เลือก R และ C หน่อย ก็อาจถึงสวรรค์ได้เหมือนกันครับส่วน Non - Os DAC TDA1541A นั้นเน้นว่าต้องทำภาค I/V เป็นแบบ Active ครับ ถ้าจะใช้ R (R I/V) แปลงประแสเป็นแรงดัน ต้องมี ภาค tube output ครับจะดีที่สุดส่วนจะชอบหลอดเบอร์ไหน วงจรแบบไหน ก็ตามชอบครับ ลองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอคู่ที่เหมาะเองครับ แนวเสียงไม่เหมือนกัน TDA1543 " Live" สดและเหมือนนั่งติดขอบเวที แต่ไม่ละเอียดเท่า TDA1541ส่วน TDA1541A ให้รายละเอียดเสียงได้ดีมากนั่งถอยออกจากขอบเวทีออกมาอีกหน่อยบางคนก็ชอบ TDA1543 บางคนก็ชอบ TDA1541Aขึ้นอยู่กับ ภาค I/V ของแต่ละท่านที่ทำด้ยครับทำ Non - Os DAC TDA1541 แล้วค่อยจั้มสายจาก CS8414 ของชุด Non - Os DAC TDA1541 มาเชื่อมกับ TDA1543 ก็ได้ครับ ถ้าอยากลองแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ TDA1543 ยังหาซื้อได้อยู่หรือเปล่า...
แนะนำว่า ในตอนนี้หา IC ให้ได้ก่อนนะครับ แล้วค่อยสั่งทำ...PCB สำหรับคนที่ยังไม่มี IC อยู่ในมือจะได้ไม่ลำบากหา IC ในตอนหลัง ::)ถ้าใครหา CS8414 ไม่ได้ก็ใช้ CS8412 แทนได้ครับ ใช้ได้เหมือนกันส่วน TDA1541A ถ้าหาไม่ได้ ใช้ TDA1541 (ไม่มี A ต่อท้ายก็ได้เหมือนกันแต่ต้องจั้มสายเชื่อมขา 2 กับ ขา 4 เข้าด้วยกัน)แอบปลื้มอยู่ในใจ....ออกแบบแล้วมีคนเอาไปใช้เยอะ...อุอุอุเห็นเพื่อนๆในเว็บ HTG2 เอาไปใช้แล้วชอบ + ไม่ม่ปัญหาอะไร ก็ดีใจสุดๆแล้วครับ สำหรับคนออกแบบ PCB สมัครเล่นอย่างผม..
มีคนถามมาอีกว่า ทำไม C หน้าหลัง ที่ชี้ต้องดีๆ workๆ ด้วยความรู้ ขี้อึง อีกนิดปกติ TDA1541A จะต้องมี C 0.1uF เป็น C บริวาร ... ครับ แต่ ท่าน Mr.Tube (ขออภัยที่ออกนามครับ) ผู้ประยุกต์ และ ออกแบบ วงจร ได้ทำการทดลอง เปลี่ยน C บริวาร จนพบว่า ใช้ 10uF ขนาน กับ 0.1uF แล้วเสียงจะดี ผู้ออกแบบ PCB เลย ท่าน Wasin เลย เอา 10uF + 0.1uF มาด้วยคราวนี้ มีบางท่านพูดว่า Bit ไหน มีผลต่อเสียงมากกว่ากัน บางท่านบอกว่า Bit แรก บางท่านบอก Bit สุดท้าย เราคนทำบอกไม่สนใจ ไม่ต้องตีกัน up มันทั้ง 2 bit เลย รูปเลยออกมาอย่างที่เห็นปล C 10uF ผมเคยใส่ OSCON import แต่เป็นรุ่นถูก เสียงไม่ได้เรื่องครับ มาใช้ Simic บ้านหม้อ สบายไป
เท่าที่จับใจความได้ ตำแหน่งที่น่าจะเน้นหาของดีๆ ใส่ ที่จะฟังออกอย่างเห็นผลนะครับ หาได้สุดกำลัง เอาใส่ไปเลยครับ 4 จุดนี้ #M_039# #M_039#
ใช่ S1 crown เหรอครับ ลองเทียบดูครับ
อ้างจาก: mannjuu ที่ 13 กันยายน 2010, 10:43:05 PMสรุปคือ บอร์ด TDA R2,R5,R8 สามารถเปลี่ยนได้ไม่เกิน 24 OHM เพื่อลดร้อนแล้วบอร์ด Digital ต้องเปลี่ยนด้วยหรือเปล่าครับ มี 4 ตัว R2,R6,R10,R11 ???บอร์ด TDA ผมเปลี่ยนแล้วครับใส่ R 22 OHM เอามือจับดูแค่อุ่นๆเองครับ แต่ยังไม่ได้วัดไฟดู เปิดฟังเสียงดังปกติครับส่วนบอร์ด Digital กำลังจะถามอยู่พอดีเพราะลองเอามือจับดูร้อนมากๆเลยครับ พรุ่งนี้คงต้องเปลี่ยนใส่ R 22 OHMกลัว TL431 พังเดี๋ยวงานเข้า #S_055#
สรุปคือ บอร์ด TDA R2,R5,R8 สามารถเปลี่ยนได้ไม่เกิน 24 OHM เพื่อลดร้อนแล้วบอร์ด Digital ต้องเปลี่ยนด้วยหรือเปล่าครับ มี 4 ตัว R2,R6,R10,R11 ???
อ้างถึงอยากทราบว่าถ้าใช้ TDA1541 เฉยๆไม่มี A ต่อท้าย ต้องทำอย่างไรครับ1. จั๊มขา 2 กับ 4 เข้าด้วยกัน ถูกต้องครับ ถอด C28 ค่า 470pF ที่ต่อคร่อมตรงขา 16 - 17 ออกด้วย(อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ถ้าจำไมผิดนี่ต้องถอดออกด้วยครับ)อ้างถึง2. C16, C17 ไม่ต้องใส่ ใส่ก็ได้ หรือ จะถอดก็ได้ครับอ้างถึง3. เวลามองจากด้านบนด้านลงอุปกรณ์ ไม่ทราบว่าขา2 ของ TDA1541 อยู่ด้านไหนของรอยบากครับ (ด้านบนหรือด้านล่างรอยบากครับ)มองจากด้านบน ขา1 จะอยู่ด้านซ้าย-บน ของรอยบาก ขา 2 ...3....4... ก็ไล่ลงมาเรื่อยๆครับ ถ้าไม่แน่ใจแนะนำให้เปิด Datasheet ครับอ้างถึง4. ถ้าจะทำ Dual Dac ค่าR11,R12 ใช้เท่าไรดีครับคือจริงๆแล้ว ถ้าขนาน DAC กันและ R ทั้ ง2 ตัวนี้ต่อไว้ข้างนอกปริ้น ใช้ R ร่วมกันทั้ง 2 ข้าง ค่า R ตัวนี้ต้องลดลงครึ่งนึงครับแต่ทีนี้ตัว DAC Board นั้นจะมี R11 R12 ต่อไว้อยู่แล้ว พอเราขนาน DAC Board ก็เท่ากับเราต่อขนาน R11 และ R12 ที่เอ้าท์พุท ค่าของ R จะลดลงครึ่งนึงเช่นกัน เลยไม่ต้องทำอะไรครับ แต่ถ้าจะลดหรือเพิ่มค่า R ทั้ง 2 ตัวนี้เพื่อจูนเสียงก็อีกเรื่องนึงครับ
อยากทราบว่าถ้าใช้ TDA1541 เฉยๆไม่มี A ต่อท้าย ต้องทำอย่างไรครับ1. จั๊มขา 2 กับ 4 เข้าด้วยกัน
2. C16, C17 ไม่ต้องใส่
3. เวลามองจากด้านบนด้านลงอุปกรณ์ ไม่ทราบว่าขา2 ของ TDA1541 อยู่ด้านไหนของรอยบากครับ (ด้านบนหรือด้านล่างรอยบากครับ)
4. ถ้าจะทำ Dual Dac ค่าR11,R12 ใช้เท่าไรดีครับ
ในแผ่น TDA1541 จะมี cap ที่ผิดขั้วอยู่ตัวหนึ่งคือ C26 10uF/25V. ถ้าใส่แบบ Electrolyte ก็จะไม่รู้ว่ามันผิดขั้ววงจรสามารถทำงานได้ปกติเพราะโวลท์ตกคร่อมแค่ 2.5V ซีไม่ระเบิด แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบอื่นเช่น แทนทาลั่มจะรู้ได้ทันทีว่ามันผิดขั้ว ไฟ +5V จะได้แค่ประมาณ 3V.กว่าๆแก้ไขให้ถูกต้องหน่อยก็ดีครับเห็นใส่ผิดกันลองไล่วงจรดูนะครับ
อ้างจาก: BETA.10 ที่ 16 พฤษภาคม 2007, 08:12:58 PMอ้างจาก: nunes ที่ 13 พฤษภาคม 2007, 06:42:20 PM ผมลองเปลี่ยนเป็น 15 OHMก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ แต่ก็ยังร้อนอยู่ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะ LT 1085 ที่ผมใช้แทน LM317 จ่ายกระแสได้ถึง 3 A. ในขณะที่ค่า R ที่เราเลือกใช้ในวงจรคือ R 12 OHM ทำหน้าที่จำกัดกระแส ของ LM 317 ซึ่งทำหน้าที่เป็น CURRENT SOURCE ซึ่งหากลองคำนวณดูคร่าวๆ lm317 จ่ายกระแสให้โหลดไม่เกิน 100มิลลิแอมป์ ด้วยซ้ำ ส่วน TL431 หลักการทำงานก็เหมือน ZENER DIODE ตัวหนึ่งแค่นั้น ทำหน้าที่แค่รักษาแรงดันตกคร่อมตัวมัน โดยมี R 1 K. 2 ตัว เป็นตัวกำหนด เพื่อให้จ่ายแรงดันได้ 5 V. ผมว่าน่าจะเกิดจากการคำนวณค่า R ผิดพลาดหรือเปล่าครับ ทำให้มีกระแสไหลผ่าน TL431 มากเกินไปกว่าที่ตัวมันจะรับได้ เหมือนกับหลักการของ ZENER DIODE คือแทนที่กระแสจะไปไหลผ่านโหลด กลับไปไหลผ่าน TL 431 แทน เชื่อเต่อว่า....เปลื่ยนค่า R มากขึ้นก็ไม่ร้อนแล้ว...ของผมใช้ 47 Ohm. ก็ใช้ได้ดีครับ..... :showoffถูกต้องแล้วครับ O0ตามวงจร LM317t ทำหน้าที่จ่ายกระแสคงที่ค่าหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องมีโหลดที่ sink กระแสทั้งหมด โดยที่โหลดก็คือ TL431 และ TDA1541A ยกตัวอย่างเช่น LM317t ใช้ R limit กระแส 12 โอห์ม กระแสที่ไหลทั้งหมดเท่ากับ 1.25/12 = 104 mA ถ้า TDA1541A ต้องการ 15v คิดที่กระแสสูงสุด 35mA (ไม่คิดเครื่องหมายลบ) ดังนั้นกระแสที่เหลือทั้งหมด 69 mA ไหลผ่าน R1k+R5.1K = 2.4mA และ TL431 รับไป 66.6mA power ตกคร่อม TL431 คือ 66.6mA * 15V =0.999W ครับซึ่ง TL431LP ตัวถัง TO-92 ทนได้แค่้ 0.7W เกิน Maximum power rating ครับ ตัว TL431 จะร้อนมาก ยิ่งถ้าไม่ได้ใส่ TDA1541 ก็ยิ่งไปกันใหญ่วิธีแก้ก็คือลดกระแสที่ LM317 จ่ายออกมา โดยเพิ่ม R เช่น ให้กระแสไหล 50mA ใช้ R = 1.25/50mA = 25 โอห์มทำให้ power ตกคร่อม TL431 คือ 12.6mA * 15V =0.189Wความร้อนลดลงมากเลยครับโดยสามารถนำไปคำนวนกระแส ที่แรงดันไฟค่าอื่นๆ ได้ครับ
อ้างจาก: nunes ที่ 13 พฤษภาคม 2007, 06:42:20 PM ผมลองเปลี่ยนเป็น 15 OHMก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ แต่ก็ยังร้อนอยู่ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะ LT 1085 ที่ผมใช้แทน LM317 จ่ายกระแสได้ถึง 3 A. ในขณะที่ค่า R ที่เราเลือกใช้ในวงจรคือ R 12 OHM ทำหน้าที่จำกัดกระแส ของ LM 317 ซึ่งทำหน้าที่เป็น CURRENT SOURCE ซึ่งหากลองคำนวณดูคร่าวๆ lm317 จ่ายกระแสให้โหลดไม่เกิน 100มิลลิแอมป์ ด้วยซ้ำ ส่วน TL431 หลักการทำงานก็เหมือน ZENER DIODE ตัวหนึ่งแค่นั้น ทำหน้าที่แค่รักษาแรงดันตกคร่อมตัวมัน โดยมี R 1 K. 2 ตัว เป็นตัวกำหนด เพื่อให้จ่ายแรงดันได้ 5 V. ผมว่าน่าจะเกิดจากการคำนวณค่า R ผิดพลาดหรือเปล่าครับ ทำให้มีกระแสไหลผ่าน TL431 มากเกินไปกว่าที่ตัวมันจะรับได้ เหมือนกับหลักการของ ZENER DIODE คือแทนที่กระแสจะไปไหลผ่านโหลด กลับไปไหลผ่าน TL 431 แทน เชื่อเต่อว่า....เปลื่ยนค่า R มากขึ้นก็ไม่ร้อนแล้ว...ของผมใช้ 47 Ohm. ก็ใช้ได้ดีครับ..... :showoff
ผมลองเปลี่ยนเป็น 15 OHMก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ แต่ก็ยังร้อนอยู่ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะ LT 1085 ที่ผมใช้แทน LM317 จ่ายกระแสได้ถึง 3 A. ในขณะที่ค่า R ที่เราเลือกใช้ในวงจรคือ R 12 OHM ทำหน้าที่จำกัดกระแส ของ LM 317 ซึ่งทำหน้าที่เป็น CURRENT SOURCE ซึ่งหากลองคำนวณดูคร่าวๆ lm317 จ่ายกระแสให้โหลดไม่เกิน 100มิลลิแอมป์ ด้วยซ้ำ ส่วน TL431 หลักการทำงานก็เหมือน ZENER DIODE ตัวหนึ่งแค่นั้น ทำหน้าที่แค่รักษาแรงดันตกคร่อมตัวมัน โดยมี R 1 K. 2 ตัว เป็นตัวกำหนด เพื่อให้จ่ายแรงดันได้ 5 V. ผมว่าน่าจะเกิดจากการคำนวณค่า R ผิดพลาดหรือเปล่าครับ ทำให้มีกระแสไหลผ่าน TL431 มากเกินไปกว่าที่ตัวมันจะรับได้ เหมือนกับหลักการของ ZENER DIODE คือแทนที่กระแสจะไปไหลผ่านโหลด กลับไปไหลผ่าน TL 431 แทน
อ้างถึงปัญหาตอนนี้ผมบอร์ด TDA1541a ที่ยังแก้ไม่ตกคือ ไฟขา 15 ที่เป็นไฟ -15 ตอนยังไม่โหลด ก็ได้ -15 แต่พอเสียบไฟดันเหลือ -8 ก็ลองเปลี่ยน LM337 กับ TL431 แล้วก็ยังไม่หายครับฝั่งไฟลบของ tda1541 มันจะมี r ตัวที่ต่อกับ tl431 ค่า 12 โอห้ม ให้ใช้ค่านี้เท่านั้นครับ ถ้าไปเปลี่ยนค่า เป็น 22 โอห์ม หรือค่าอื่นๆ เพื่อลดความร้อนเหมือนบอร์ด digital จะวัดไฟได้ปกติ แต่พอต่อโหลดแล้วไฟจะตกครับ
ปัญหาตอนนี้ผมบอร์ด TDA1541a ที่ยังแก้ไม่ตกคือ ไฟขา 15 ที่เป็นไฟ -15 ตอนยังไม่โหลด ก็ได้ -15 แต่พอเสียบไฟดันเหลือ -8 ก็ลองเปลี่ยน LM337 กับ TL431 แล้วก็ยังไม่หายครับ
อ้างจาก: s60ngage ที่ 03 กันยายน 2009, 09:18:17 AMอ้างจาก: Wasin ที่ 01 กันยายน 2009, 05:07:34 PMอ้างถึงปัญหาตอนนี้ผมบอร์ด TDA1541a ที่ยังแก้ไม่ตกคือ ไฟขา 15 ที่เป็นไฟ -15 ตอนยังไม่โหลด ก็ได้ -15 แต่พอเสียบไฟดันเหลือ -8 ก็ลองเปลี่ยน LM337 กับ TL431 แล้วก็ยังไม่หายครับฝั่งไฟลบของ tda1541 มันจะมี r ตัวที่ต่อกับ tl431 ค่า 12 โอห้ม ให้ใช้ค่านี้เท่านั้นครับ ถ้าไปเปลี่ยนค่า เป็น 22 โอห์ม หรือค่าอื่นๆ เพื่อลดความร้อนเหมือนบอร์ด digital จะวัดไฟได้ปกติ แต่พอต่อโหลดแล้วไฟจะตกครับผมแก้ไขตามข้างบนแล้วครับ เปลี่ยนจาก 27 โอมห์ มาเป็น 12 โอมห์ แล้วครับผลคือ ตอนนี้พอเสียบ TDA1541a แล้วไฟไม่ตกแล้วครับ c) ได้ 15.02 v โดยประมาณครับ ส่วนขาอื่นไฟไม่ตกเช่นกัน ปกติครับแต่ยังไม่ได้ลองฟังเสียงนะครับ เลยยังตอบไม่ได้เรื่องเสียงครับมีอีกเรื่องครับ ผมใช้ IV D1 อยากสอบถามว่า VR นั้นไว้ปรับอะไรครับ DC Offset หรือเปล่าครับ ถ้าปรับเรื่องอื่นมีวิธีปรับไหมครับ หรือปรับเหมือนกับการแก้ DC Offset ครับขอบคุณครับ :bowdownยินดีด้วยครับ :clap :clap :clapอีกอย่างที่สอบถามรบกวนลงรูปวงจรให้มั่วหน่อยได้มั๊ยครับ ;D ;D ;D
อ้างจาก: Wasin ที่ 01 กันยายน 2009, 05:07:34 PMอ้างถึงปัญหาตอนนี้ผมบอร์ด TDA1541a ที่ยังแก้ไม่ตกคือ ไฟขา 15 ที่เป็นไฟ -15 ตอนยังไม่โหลด ก็ได้ -15 แต่พอเสียบไฟดันเหลือ -8 ก็ลองเปลี่ยน LM337 กับ TL431 แล้วก็ยังไม่หายครับฝั่งไฟลบของ tda1541 มันจะมี r ตัวที่ต่อกับ tl431 ค่า 12 โอห้ม ให้ใช้ค่านี้เท่านั้นครับ ถ้าไปเปลี่ยนค่า เป็น 22 โอห์ม หรือค่าอื่นๆ เพื่อลดความร้อนเหมือนบอร์ด digital จะวัดไฟได้ปกติ แต่พอต่อโหลดแล้วไฟจะตกครับผมแก้ไขตามข้างบนแล้วครับ เปลี่ยนจาก 27 โอมห์ มาเป็น 12 โอมห์ แล้วครับผลคือ ตอนนี้พอเสียบ TDA1541a แล้วไฟไม่ตกแล้วครับ c) ได้ 15.02 v โดยประมาณครับ ส่วนขาอื่นไฟไม่ตกเช่นกัน ปกติครับแต่ยังไม่ได้ลองฟังเสียงนะครับ เลยยังตอบไม่ได้เรื่องเสียงครับมีอีกเรื่องครับ ผมใช้ IV D1 อยากสอบถามว่า VR นั้นไว้ปรับอะไรครับ DC Offset หรือเปล่าครับ ถ้าปรับเรื่องอื่นมีวิธีปรับไหมครับ หรือปรับเหมือนกับการแก้ DC Offset ครับขอบคุณครับ :bowdown
วิธีการพัน พัลซ์ทรานสฟอร์เมอร์ ของที่ต้องเตรียม1. แกน Toroid 1.5cm ID (inner Diameter) 1 อัน2. ลวดทองแดงอาบน้ำยาเบอร์ 33-38 ประมาณ 2 เมตร หรือสาย LAN แกะเอาสายข้างในที่ตีเกลียวกันอยู่มา 1 คู่ยาวประมาณ 1 เมตร 3. ปืนกาว หรือกระดาษกาววิธีทำ1. แบ่งลวดทองแดงเป็น 2 เส้นเท่าๆ กันทบกันเป็นเส้นคู่ ถ้าเป็นสายLAN ไม่ต้องเพราะมันจับมาเป็นคู่แอยู่แล้ว 2. จับลวดทั้ง 2 คู่กัน แล้วพันเข้าไปในแกน Toroid ทีละรอบ กะให้ได้ประมาณ 20-30 รอบแล้วเต็มแกนพอดี (360 องศา) ระวังอย่าให้ลวดปีนกัน 3. เอาปืนกาวทาทัยตรงจุดที่ลวดมาบรรจบกันพอดีเพื่อป้องกันลวดหลุดหลวม เสร็จแล้วจะได้ หม้แปลงเทอรอยด์เล็ก ๆ ที่มีปลายลวดออกมา 4 เส้น ปอก หรือขูดฉนวนออก เอามิเตอร์วัด จับคู่ที่วัดด้วยย่านความต้านทานแล้วขึ้น ถือว่าเป็นชุดเดียวกัน ที่เหลืออี 2 เส้น เป็นอีก 1 ชุด เลือกชุดใดชุดหนึ่งเป็น อินพุท อีกชุดเป็นเอ้าท์พุทครับ
เอามิเตอร์วัด ขาที่อยู่ตรงกันข้ามว่าเป็นลวดเส้นเดียวกันหรือเปล่า เช่น 1 กับ 2 จะอยู่ตรงข้ามกัน ถ้าเป็นเส้นเดียวกันก็น่าจะใช้ได้ครับ แต่ใช้แค่ 4 ขา เอามาใช้เฉพาะที่เส้นลวดเท่ากันครับ ลองดู ครับ หรือหาลวดมาพัน แบบโกปุ่น ก็ได้ครับ หาลวดแกนเดี่ยวที่มีฉนวนแบบในรูปมาพัน
ข้อดีของการใช้ Pulse Trans ก็คือเรื่อง Ground Isolation ครับ การใช้ C Coupling จะต้องเชื่อม Gnd ของวงจรส่งและวงจรรับเข้าด้วยกัน และ Switching Noise ที่เกิดใน Gnd ของภาคส่งจะถูกส่งผ่านมาถึง Gnd ของภาครับด้วย ซึ่ง Digital Receiver จะรับรู้เป็น Jitter ของสัญญาณครับทีนี้ขึ้นกับว่าภาครับทำงานแบบไหนละครับ ถ้าเป็นภาครับที่เราๆ ใช้กันอยู่คือ CS8412/14/16 (Master Mode) มันจะเอาสัญญาณ SPDIF ไปเข้า PLL (Phase Lock Loop) เพื่อสร้างสัญญาณ Master Clock หมายความว่าถ้า IC ได้รับ SPDIF ที่มี Jitter มากเท่าไหร่ มันก็ส่งออกไปมากเท่านั้นครับโดยพื้นฐานที่เล่าให้ฟังนี้ การใช้ C Coupling มีโอกาสที่จะเกิด Jitter ในภาครับมากกว่าการใช้ Pulse Trans ครับ คือหมายความว่าการใช้ Pulse Trans นั้นเหมาะสมกับงานมากกว่า แต่ก็ขึ้นกับคุณภาพของ Pulse Trans ด้วยว่าจะต้องไม่ไปเป็นตัวสร้าง Jitter ให้ภาครับซะเองครับทีนี้ก็ว่ากันที่ Pulse Trans ว่า อย่างไรจึงไม่สร้าง Jitter ให้ภาครับ ตัวแปรหลักๆ ที่ทำให้ Pulse Trans ทำงานผิดจากอุดมคติก็คือ Hysteresis Loop ของแกน และ Inter-winding Capacitance หรือค่าความจุระหว่างขดลวดครับ Hysteresis Loop เอาให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือความเพี้ยนทางแม่เหล็กของแกน อันนี้ขึ้นกับวัสดุที่ใช้ทำแกนโดยตรงครับ ถ้าวัสดุมีความเพี้ยนทางแม่เหล็กน้อย Jitter ก็จะน้อยตาม ว่างั้น.. ส่วนค่าความจุระหว่างขดลวดขึ้นกับโครงสร้างการพันครับ การพันลวดทับๆ กันจะทำให้ C ที่ว่านี้สูงขึ้น การพันเป็นระเบียบและไม่ซ้อนทับกันก็ทำให้ค่า C ลดลง เพราะฉะนั้นถ้าพันลวดเป็นระเบียบ C ก็น่าจะน้อย และเมื่อ C น้อย โอกาสเกิด Jitter ก็น้อยลงตามครับสงสัยก็สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ส่วนเรื่องเสียงต่างกันอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของผลมากกว่าเหตุครับ ก็ต้องทดลองเทียบกันดูเอาเองครับ เรื่องเสียงมันมีเงื่อนไขซับซ้อนครับ ;)
อ้างจาก: Mr. Tube ที่ 04 ธันวาคม 2008, 11:51:39 AMนึกว่าจะต้องอธิบายเรื่อง Jitter ซะแล้ว นี่ลืมไปแล้วนะครับว่าเคยเขียนเอาไว้ ขอบคุณคุณ santi มากนะครับ :bowdownอ้างจาก: create ที่ 03 ธันวาคม 2008, 02:14:48 AM ก็เลยขอถามต่อว่าถ้าใช้ C จะเกิด Jitter ได้อย่างไร และ มีสาเหตุ หรือ ปัจจัยใดส่งผลให้เกิด jitter แล้วมีวิธีการ ป้องกัน หรือ หลีกเลี่ยงได้หรือไม่ครับ หากว่าต้องการใช้ C แทน Pulse Trans ( ตัว C ที่ว่าผมใช้ Silver Mica ครับ ) ขอบพระคุณครับ :)เอาตามคำถามก่อนนะครับ คือว่าองค์ประกอบทางไฟฟ้าของ C จะมี ESR และ ESL (ค่า R/L แฝงใน C) อยู่ครับ ซึ่งค่าพวกนี้ทำให้เกิด Ringing (การสั่นค้างแบบระฆัง) ซึ่งมักจะเกิดที่ความถี่สูง (MHz) สัญญาณ SPDIF ที่เข้ามาจะ Ringing ด้วยและเกิดความคลาดเคลื่อนทางฐานเวลาครับปัญหาอีกอย่างนึงก็คือการเชื่อม Gnd ของตัวส่งกับตัวรับเข้าด้วยกัน โดยปกติของวงจร Digital ทั่วไป สัญญาณจะเป็นแบบ Switching ก็คือเปิดกับปิดนั่นแหล่ะครับ จะมี Noise จากการ Switching ในระบบ Gnd อยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเชื่อม Gnd ของภาคส่งเข้ากับภาครับ ทำให้ Switching Noise นี้เข้าไปอยู่ในวงจร Gnd ของภาครับด้วย ทีนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่ภาครับแล้ว แต่กวนไปถึง DAC เลยเพราะมัน Gnd เดียวกันหมด ซึ่งอันนี้มีผลมากกว่าการ Ringing ใน C มากครับจะเห็นว่าวิธีการป้องกันปัญหาข้อแรกก็คือไม่ใช้ C และข้อ 2 ก็คือ Isolation Ground ก็คือไม่ใช้ C อีกนั่นแหล่ะ ถ้าจะใช้ C ก็ต้องเชื่อม Gnd และปัญหาก็จะยังอยู่ครับ :)ปล. อย่าเรียกอาจารย์เลยครับ ไม่ค่อยคุ้นครับ :D ขอบคุณครับ แล้วถ้าเราใช้ C Low ESR และ มีค่าความเพี้ยน ผิดพลาด ต่ำมากๆ จะมีโอกาศเกิดได้หรือไม่ครับ ส่วน Isolation Ground ถ้าเรามีการแยกกราวด์ที่ดี จะมีโอกาสเกิดสักกี่เปอร์เซนต์ครับ พอดีมีโอกาสได้ยกไปลองใน Dead room แล้วไม่พบอาการ Ringing ก็เลยเกิดความสงสัย ก็เลยอยากหาข้อพิสูจน์ เพราะผมชอบเสียงที่ได้จาก C มากกว่า Pulse แต่ก็ไม่เคยลอง พวก เพอร์มาลอยด์ หรือ อมาฟัส ครับ คุณ อาทอยากร่วมค้นหามั้ย ครับ ผมจะยกเครื่องไปให้ลองครับ อยากรู้มากๆ ครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :)
นึกว่าจะต้องอธิบายเรื่อง Jitter ซะแล้ว นี่ลืมไปแล้วนะครับว่าเคยเขียนเอาไว้ ขอบคุณคุณ santi มากนะครับ :bowdownอ้างจาก: create ที่ 03 ธันวาคม 2008, 02:14:48 AM ก็เลยขอถามต่อว่าถ้าใช้ C จะเกิด Jitter ได้อย่างไร และ มีสาเหตุ หรือ ปัจจัยใดส่งผลให้เกิด jitter แล้วมีวิธีการ ป้องกัน หรือ หลีกเลี่ยงได้หรือไม่ครับ หากว่าต้องการใช้ C แทน Pulse Trans ( ตัว C ที่ว่าผมใช้ Silver Mica ครับ ) ขอบพระคุณครับ :)เอาตามคำถามก่อนนะครับ คือว่าองค์ประกอบทางไฟฟ้าของ C จะมี ESR และ ESL (ค่า R/L แฝงใน C) อยู่ครับ ซึ่งค่าพวกนี้ทำให้เกิด Ringing (การสั่นค้างแบบระฆัง) ซึ่งมักจะเกิดที่ความถี่สูง (MHz) สัญญาณ SPDIF ที่เข้ามาจะ Ringing ด้วยและเกิดความคลาดเคลื่อนทางฐานเวลาครับปัญหาอีกอย่างนึงก็คือการเชื่อม Gnd ของตัวส่งกับตัวรับเข้าด้วยกัน โดยปกติของวงจร Digital ทั่วไป สัญญาณจะเป็นแบบ Switching ก็คือเปิดกับปิดนั่นแหล่ะครับ จะมี Noise จากการ Switching ในระบบ Gnd อยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเชื่อม Gnd ของภาคส่งเข้ากับภาครับ ทำให้ Switching Noise นี้เข้าไปอยู่ในวงจร Gnd ของภาครับด้วย ทีนี้ไม่ได้มีปัญหาแค่ภาครับแล้ว แต่กวนไปถึง DAC เลยเพราะมัน Gnd เดียวกันหมด ซึ่งอันนี้มีผลมากกว่าการ Ringing ใน C มากครับจะเห็นว่าวิธีการป้องกันปัญหาข้อแรกก็คือไม่ใช้ C และข้อ 2 ก็คือ Isolation Ground ก็คือไม่ใช้ C อีกนั่นแหล่ะ ถ้าจะใช้ C ก็ต้องเชื่อม Gnd และปัญหาก็จะยังอยู่ครับ :)ปล. อย่าเรียกอาจารย์เลยครับ ไม่ค่อยคุ้นครับ :D
ก็เลยขอถามต่อว่าถ้าใช้ C จะเกิด Jitter ได้อย่างไร และ มีสาเหตุ หรือ ปัจจัยใดส่งผลให้เกิด jitter แล้วมีวิธีการ ป้องกัน หรือ หลีกเลี่ยงได้หรือไม่ครับ หากว่าต้องการใช้ C แทน Pulse Trans ( ตัว C ที่ว่าผมใช้ Silver Mica ครับ ) ขอบพระคุณครับ :)
อ้างจาก: Mr. Tube ที่ 04 ธันวาคม 2008, 02:48:33 PMอ้างจาก: create ที่ 04 ธันวาคม 2008, 01:56:50 PMขอบคุณครับ แล้วถ้าเราใช้ C Low ESR และ มีค่าความเพี้ยน ผิดพลาด ต่ำมากๆ จะมีโอกาศเกิดได้หรือไม่ครับ ส่วน Isolation Ground ถ้าเรามีการแยกกราวด์ที่ดี จะมีโอกาสเกิดสักกี่เปอร์เซนต์ครับ พอดีมีโอกาสได้ยกไปลองใน Dead room แล้วไม่พบอาการ Ringing ก็เลยเกิดความสงสัย ก็เลยอยากหาข้อพิสูจน์ เพราะผมชอบเสียงที่ได้จาก C มากกว่า Pulse แต่ก็ไม่เคยลอง พวก เพอร์มาลอยด์ หรือ อมาฟัส ครับ คุณ อาทอยากร่วมค้นหามั้ย ครับ ผมจะยกเครื่องไปให้ลองครับ อยากรู้มากๆ ครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :)ตราบเท่าที่ C มีค่าแฝง ก็ย่อมมีการ Ringing ครับ จะมากจะน้อยเท่านั้นเองแต่ไม่มีวันเป็นศูนย์ครับ ส่วนเรื่อง Gnd นั้น มีแค่ -เชื่อม- หรือ -ไม่เชื่อม- ครับ ถ้าเชื่อม Switching Noise ก็มาด้วย ถ้าไม่เชื่อม Noise ก็ไม่มาครับเรื่องการ Ringing นั้น เกิดในส่วน Digital Signal ไม่ได้เกิดโดยตรงที่ Analog Signal เพราะฉะนั้นไม่มีใครได้ยินมันหรอก แต่มันจะมีผลกับ Analog Signal ในลักษณะอื่นๆ ครับ เช่นรายละเอียดเสียงหายไป, เสียงของเครื่องดนตรีเพี้ยนไป คือกีตาร์ก็ยังฟังเป็นกีต้าร์นะครับ แต่มันไม่ตรงกับกีต้าร์ที่เค้าบันทึกมา หรืออาจจะส่งผลกับความชัดและ Transparency ของ Analog Signal ครับส่วนเรื่องเสียง อย่างที่ผมกล่าวตอนต้นว่าเป็นเรื่องของผลครับ ถ้าเราชอบผลของมันผมว่าก็คงไม่ต้องกังวลกับเหตุครับ แต่ถ้าคุณ create อยากทดลองเป็นการศึกษากันก็ยินดีต้อนรับครับ :) ขอบพระคุณครับ เดี๋ยวผมรีบเคลียงานเลย เพราะช่วงนี้ติดงานยาวถึงหลังปีใหม่ เดี๋ยวหลังปีใหม่ผมนัดอีกครั้งครับ ตอนนี้ เคลียหมดแล้วที่คาใจ แต่ยังเหลือสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ก็เลยอยากหาเพื่อนร่วมทาง อยากรู้ว่าถ้าเพี้ยนจะเพี้ยนมากน้อยขนาดไหน เพราะถ้าฟังนอกห้อง จะจับยากมาก หรือ อาจได้รับการยก หรือ ชดเชย จากภาค out put เลยทำให้ไม่สามารถ เห็นได้ชัดเจน แล้วก็อยากลอง pulse ที่ใช้แกน อมาฟัส ที่ทราบจากบ้านบนเนินว่าได้มาจากคุณ อาท เพื่อเปรียบเทียบเรื่องความเพี้ยนดูครับ ขอบพระคุณครับ :)
อ้างจาก: create ที่ 04 ธันวาคม 2008, 01:56:50 PMขอบคุณครับ แล้วถ้าเราใช้ C Low ESR และ มีค่าความเพี้ยน ผิดพลาด ต่ำมากๆ จะมีโอกาศเกิดได้หรือไม่ครับ ส่วน Isolation Ground ถ้าเรามีการแยกกราวด์ที่ดี จะมีโอกาสเกิดสักกี่เปอร์เซนต์ครับ พอดีมีโอกาสได้ยกไปลองใน Dead room แล้วไม่พบอาการ Ringing ก็เลยเกิดความสงสัย ก็เลยอยากหาข้อพิสูจน์ เพราะผมชอบเสียงที่ได้จาก C มากกว่า Pulse แต่ก็ไม่เคยลอง พวก เพอร์มาลอยด์ หรือ อมาฟัส ครับ คุณ อาทอยากร่วมค้นหามั้ย ครับ ผมจะยกเครื่องไปให้ลองครับ อยากรู้มากๆ ครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :)ตราบเท่าที่ C มีค่าแฝง ก็ย่อมมีการ Ringing ครับ จะมากจะน้อยเท่านั้นเองแต่ไม่มีวันเป็นศูนย์ครับ ส่วนเรื่อง Gnd นั้น มีแค่ -เชื่อม- หรือ -ไม่เชื่อม- ครับ ถ้าเชื่อม Switching Noise ก็มาด้วย ถ้าไม่เชื่อม Noise ก็ไม่มาครับเรื่องการ Ringing นั้น เกิดในส่วน Digital Signal ไม่ได้เกิดโดยตรงที่ Analog Signal เพราะฉะนั้นไม่มีใครได้ยินมันหรอก แต่มันจะมีผลกับ Analog Signal ในลักษณะอื่นๆ ครับ เช่นรายละเอียดเสียงหายไป, เสียงของเครื่องดนตรีเพี้ยนไป คือกีตาร์ก็ยังฟังเป็นกีต้าร์นะครับ แต่มันไม่ตรงกับกีต้าร์ที่เค้าบันทึกมา หรืออาจจะส่งผลกับความชัดและ Transparency ของ Analog Signal ครับส่วนเรื่องเสียง อย่างที่ผมกล่าวตอนต้นว่าเป็นเรื่องของผลครับ ถ้าเราชอบผลของมันผมว่าก็คงไม่ต้องกังวลกับเหตุครับ แต่ถ้าคุณ create อยากทดลองเป็นการศึกษากันก็ยินดีต้อนรับครับ :)
ขอบคุณครับ แล้วถ้าเราใช้ C Low ESR และ มีค่าความเพี้ยน ผิดพลาด ต่ำมากๆ จะมีโอกาศเกิดได้หรือไม่ครับ ส่วน Isolation Ground ถ้าเรามีการแยกกราวด์ที่ดี จะมีโอกาสเกิดสักกี่เปอร์เซนต์ครับ พอดีมีโอกาสได้ยกไปลองใน Dead room แล้วไม่พบอาการ Ringing ก็เลยเกิดความสงสัย ก็เลยอยากหาข้อพิสูจน์ เพราะผมชอบเสียงที่ได้จาก C มากกว่า Pulse แต่ก็ไม่เคยลอง พวก เพอร์มาลอยด์ หรือ อมาฟัส ครับ คุณ อาทอยากร่วมค้นหามั้ย ครับ ผมจะยกเครื่องไปให้ลองครับ อยากรู้มากๆ ครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :)
การหัน CS8414 และการนับขา
การทดสอบบอร์ดนี้เมื่อประกอบเสร็จ เบื้องต้น ผมลองจ่ายไฟ และสัญาณดิจิตอลเข้าไปก่อนเลยครับ ตรวจเช็คสายต่าง ๆ เรียบร้อย จ่ายไฟ ยังไม่ต้องกดเพลซีดี ถ้าไฟดิจิตอลไม่ติด ลองกดเพลที่ซีดี ถ้าติด ก็ไชโยได้เลยครับ ถ้าไม่ติด ให้ปิดไฟจ่ายบอร์ดก่อน เช็ค LED ว่าใส่ถูกขั้วหรือเปล่า ทิศทางที่ถูกต้องคือ เอาขั้วลบของ led หันเข้าหา cs8414 (ถ้าส่องดูภายใน LED จะมีขั้วใหญ่ และเล็ก ขั้วที่ใหญ่กว่าเป็นขั้วลบ) ถ้าถูกแล้ว ให้เเปดไฟจ่ายบอร์ด แล้วใช้มิเตอร์วัดดังนี้ CS8414ขา 7 วัดได้ 5 โวลท์ขา 22 วัดได้ 5 โวลท์ขา 24 วัดได้ 5 โวลท์ขา 11 วัดได้ 2.5 โวลท์ขา 12 วัดได้ 2.5 โวลท์ขา 26 เป็น 0 ถ้าแรงดันไม่ได้ตามนี้ ต้องลองเช็ค วงจร ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ถ้า ทุกอย่างถูกต้องน่าจะฟันธงได้ว่า CS8414 เสียครับ ในกรณีที่วงจรทำงาน และ LED ติด ที่ขา 26 จะวัดได้ 1.26 โวลท์ครับ อีกจุดหนึ่ง ตามประสบการณ์ที่เคยเจอคือ IC6 IC7 IC8 (เบอร์74XXXX) 3 ตัวที่เรียงกันอยู่ ต้องใช้ ยี่ห้อ รุ่นเดียวกัน คริสตัล อยู่ในช่วง 20-80 MHzถ้าวงจรทำงานตามปกติต้องวัดไฟที่ขา IC6 IC7 IC8 (เบอร์74XXXX) ได้ดังนี้ IC6 ขา 9 วัดได้ 1.26 โวลท์IC7 ขา 9 วัดได้ 2.5 โวลท์ IC8 ขา 9 วัดได้ 2.5 โวลท์ครับ ถ้าไม่ได้ตามนี้ ลองเปลี่ยน IC ทั้ง 3 ตัวนี้ดู
ช่วยกันดูหน่อยครับ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าผมยังไม่ได้ต่อ i/v stage ทำไงผมถึงจะรู้ว่า digital board มันทำงาน/ไม่ทำงานครับผมลองป้อน input เข้าไปแล้ว LED ไม่ติดรูปแรก เต็มๆครับ
หวัดดีครับ พี่santi ลองดูครับพี่ปัญหาเดียวกันครับ ของผมดัง แต่ภาดI/V รอหลอดกะ หม้อแปลง ครับ1.กลับ LED ก่อนครับ2.jumper ใต้ ic 74hc743.ไฟเขา +8 vdc กับ GND4.Jumper ระหว่างฮีทซิ้งค์สองตัวในรูปที่สองน่ากลัวมากครับ อย่างทีคุณ 100bd ว่าหาท่อหดใส่หน่อยก็ดีครับ5.ถ้ายังไม่มีภาด I/V สัญญานขาออกทีboard 1451A นั้นปกติจะวัดได้ประมาณ + หรือ - 96mV ครับถ้าเปลี่ยน R I/V ค่าก็จะเปลี่ยนตามครับที่สัญญานออกค่อยก็เพราะยังไม่ได้ต่อ ภาค Tube I/V ครับ เป็นเรื่องปกติที่ถ้ายังไม่ต่อ Tube I/V มาขยายสัญญานขึ้นอีกเสียงก็จะเบามากๆ ครับ
หวัดดีคุณ Santi ครับ เรื่อง LED ติดไม่ติดไม่ใช่ประเด็นครับ ผมเคยลองกับ CD-Rom บางรุ่นที่มี Laser Memory รู้สึกกว่า LED จะไม่ติดตอน Play ครับแต่เสียงดีมากเล่นออกได้เป็นปกติ :headphone คุณ Santi ลองง่ายๆครับเอา Spdif จาก CD ต่อเข้า กด Play จากนั้นเอา DVM ตั้งย่าน MV/ AC วัดคร่อม R I/V ถ้า Meter คุณมี Bar Graph จะเห็นสัญญาน ขยับตามจังหวะเพลงถือว่า Work ครับ ถ้าเงียบสนิท ต้องลองตรวจสอบ B+ ตามจุดขาต่างๆของ IC ดูครับ ถ้าปกติ ก็เตรียมงัด CSxxxx Replace ทิ้งไปซะครับ 2f 2f
คุณ santi ลองเปลี่ยน TL431 ดูหรือยังครับ อาจจะมีปัณหาก็ได้นะครับ ผมเคยมีปัญหาเหมือนกันเช็คหมดแล้ว เปลี่น CSxxxx ก็แล้วยังไม่มีเสียงสุดท้ายเปลี่ยน tl431 ครับ ดังเลยครับ อีกอันคือ 74xx74 ที่ reclock ครับเสียค่อนข้างง่ายเลยครับ มีอันนึงฟังมาตลอด ลองเอาบอร์ดอีกอันเปลี่ยนดู พอเอาอันเก่าใส่กลับคืน เงียบสนิทครับ ทำอย่างไรก็ไม่ดัง ก็เลยต่อตรงเลย อ้าวดังนี่หว่างมโข่งอยู่ตั้งนาน ผมว่าของคุณ santi อาจจะมีปัญหาที่ 74xx74 ก็ได้ครับ
สวัสดีครับต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ค่อยได้เข้ามาซะนานแบบว่าบางทีก็เข้ามาอ่าน ... แว็บๆ...น่ะครับผมว่าปัญหาหลักๆ ของ Digital Board นี่ตรวจสอบการลงอุปกรณ์ แม้กระทั้งลวดจั้มทั้งหมดว่าไม่ลืมใส่ตรวจสอบการบัดกรี่ว่าไม่มีช็อตจากนั้นก็เช็คไฟที่ป้อนเข้า IC แต่ละตัวครับว่าได้ +5VDC หรือไม่ห้ามเกิน 5.25V ครับ(เกินกว่านี้ IC CS8414 จะเสียได้ครับ )เริ่มเช็คที่ตัว IC CS8414 ก่อนเลยครับ วัดที่ขาตัวต้านทาน ค่า 100 โอห์มที่ต่ออยู่กับขา 26 โดยป้อนสัญญานดิจิติอลเข้า แล้ววัดที่ขาตัวต้านทานตัวนี้ด้านไหนก็ได้ จะต้องได้ไฟออกมา 1V ขึ้นครับ ถ้าวัดได้อย่างเช่น 56mV อะไรประมาณนี้ CS8414 เสียครับถ้าเปลี่ยน IC แล้วป้อนสัญญานเข้า ใส่ LED ตรง Signal lock จะกระพริบติดครับและมีไฟออกจากขา 26 แสดงว่า IC ใช้ได้ เพื่อความชัวร์ลองจั้มสายเอ้าท์พทุ ทั้ง 3 เส้นโดยไม่ผ่านชุด Reclock เข้า DAC บอร์ด น่าจะได้ยินเสียงครับต่อไปก็เริ่มตรวจสอบ ภาค Reclock อาจจะเป็น IC เบอร์ 74HC74 ตัวใดตัวหนึ่งเสียก็ได้ครับลองหาตัวใหม่มาเปลี่ยนดู หรืออาจเป็นที่ Osc เสียครับ หรือความถี่ไม่ได้ครับ ถ้าความถี่สูงเกินอย่างของคุณ DIY C นี่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ภาค Reclock ครับ ค่อยๆลองไล่ดูนะครับบางทีถ้าภาค Reclock เสียนี่อาจจะพาลให้ CS8414 เสียตามไปด้วยก็ได้ครับเอาใจช่วยทั้ง 2 ท่านอยู่นะครับ
วันนี้เปลี่ยน CS8414 เสร็จแล้วครับยังไม่ได้ต่อสายไปยัง DAC board และ IV boardทดลองป้อนไฟเข้า LED ไม่ติดครับทดลองป้อนสัญญาณเข้า (play)LED ติดสว่าง (ไม่ได้กระพริบครับ สว่างค้างเลย)CS8414: 26 = 1.26V(26) IC6: 9 = 1.26V(12) IC7: 9 = 2.42V(11) IC8: 9 = 2.48Vพอกด stop : LED ดับผลแบบนี้ดีหรือเสียครับ ???
ผมลองต่อสายเข้า DAC board (R I/V), PC speaker :yahoo :yahoo :yahooเย้... ยะฮู้... มีเสียงแล้วครับแต่ผมต้องเร่งโวลลุ่มจนสุดเสียงกีต้าร์จากแผ่น กีต้าร์ลายไทย อืม... เสียงใสครับ ไพเราะ 8)แผ่น The Linsays : Beethoven String Quartet Op.59เสียงไวโอลินไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นครับ โดยเฉพาะเชลโล่มันขาดน้ำหนัก แรงสั่นของอากาศเอาไว้ power supply I/V stage เสร็จมาว่ากันอีกที ???*** ปัญหาอื่นๆ ***1. ใน DAC board ต้องกลับขั้ว LED ด้วยนะครับ2. Power supply board: IC2 ร้อนมากๆเลยครับ ผมเอามือแตะ heatsink ไม่ได้เลย
ช่วยดูให้หน่อยครับ ไฟติดหมดทุกดวงครับ แต่เงียบกริบ-ลองต่อไป 11-12-26 โดยไม่ผ่าน Reclock แล้ว ....เงียบกริบ-ลองวัดไฟทั้ง 3 ขา ได้ 2.x, 2.x, 1.x volt ตามลำดับ-ลองวัดไฟเข้า CS-8414 ได้ 4v กว่าๆรบกวนช่วยเช็ครูปหน่อยครับ ผมต่ออะไรผิดรึเปล่า....( ferrite bead บางตัวอยู่ใต้ปริ้นท์ ) :help :help :helpตอนนี้ก็เลยต้องฟัง version 1 ไปพลางๆก่อนครับ ???
ดังแล้วคร๊าบบบบ พี่น้อง.... c) c) c) c) c) c) c) c)ไล่เช็คกันแบบทีละเม็ดตามที่แนะนำกันมาเลยครับ สุดท้ายตัวการคือชุด Reclock ครับ74HC74, Osc 27.5 Mhz, Osc 44.9 Mhz ตัวใดตัวหนึ่งนี่ล่ะครับ ถ้าเสียบไว้ไฟจะไม่ติดและเสียงไม่ดัง แม้ว่าจะต่อตรงหลัง R 100 Ohm ก็ตาม ต้องถอดออกถึงจะทำงานครับเช็ครอยบัดกรีด้านล่างแล้วก็ไม่มีช๊อตนะครับ ???สรุป ถอดเข้าถอดออกจน pcb เยินเหมือนเดิมครับ :black_eyeชาตินี้จะมีอะไรงามๆกับเขาบ้างไหมหนอ...ยังไงก็ขอขอบคุณท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่านครับ ตอนนี้ฟังแบบ R I/V อย่างเดียวไปก่อนเสาร์นี้ค่อยลุย 6c45 ต่อ ^-^ช่วยแนะนำแหล่งซื้อ 74xxx74 กับ คริสตัล ให้หน่อยครับ ชุดนี้ผมได้มาจากร้านใหญ่ริมคลองที่บ้านหม้อทั้งหมดเลยครับ :giveup
อ้างจาก: bumpboyslim ที่ 19 มีนาคม 2007, 12:42:17 AMปกติ 3 รูไม่ได้ใช้นะครับ d_dถ้าจำไม่ผิดใช้บายพาสเวลาไม่ต่อผ่าน clock มั้ง ยืนยันอีกคนครับ ถ้าต่อผ่าน reclock ก็ไม่ต้องใช้ครับ แต่ถ้าจะเอามาต่อผ่าน switch เลือกว่าระหว่าง reclock กับไม่ reclock เพื่อฟังเปรียบเทียบกันก็ได้ครับ
ปกติ 3 รูไม่ได้ใช้นะครับ d_dถ้าจำไม่ผิดใช้บายพาสเวลาไม่ต่อผ่าน clock มั้ง
อ้างจาก: Jakaman ที่ 29 กรกฎาคม 2007, 10:50:49 PM ??? ว่าแต่ Jitter มันคือไรครับ ได้ยินคำนี้มา 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีผลยังไงบ้างครับ N]เป็นเรื่องของ timing ที่สัญญาณดิจิตอลมันมาไม่ตรงเวลา ทำให้การสร้างสัญญาณเสียง (อนาล็อก) ด้วยภาค D/A เพี้ยนไปหรือขาดความสมบูรณ์ในมิติต่างของเสียงเพลงที่ควรตะมี ดูรูปข้างล่างประกอบนะคับ ลองไปอ่านดูฉบับเต็มดูได้ที่http://www.thaiavclub.org/webpage/diy/YB2003.pdf (3.5MB)ดูบทที่ 6 เรือง Clock & Re-Clock (ใน DAC)อ่านอันนี้ดูด้วยนะครับ ผมชอบมากได้ไอเดียและไม่ยากนัก DIGITabilis: crash course on digital audio interfacesPart 1.3 - The Digital Enemy = Jitterhttp://www.tnt-audio.com/clinica/jitter1_e.htmlบทความแนะนำสำหรับออดิโอไฟล์ ละเอียดมากA moderately technical tutorial for the serious audiophile"Clock Jitter, D/A Converters, and Sample Rate Conversion" หน้า 10-24http://theaudiocritic.com/back_issues/The_Audio_Critic_21_r.pdf เรื่อง CD Jitter มีพูดถึง re-clock ด้วยhttp://www.audiocraftersguild.com/AandE/cd-jitter.pdf
??? ว่าแต่ Jitter มันคือไรครับ ได้ยินคำนี้มา 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีผลยังไงบ้างครับ N]
อ้างจาก: 5237 ที่ 04 พฤษภาคม 2010, 02:38:16 PMสอบถามข้อมูลหน่อยครับ ผมจะใช้ Tube output 12ax7 Board Rectifier เป็น EZ81 กำลัง งง ว่าจะต้องสั่งหม้อแปลง Spec เท่าใหร่ครับ #S_052#
สอบถามข้อมูลหน่อยครับ ผมจะใช้ Tube output 12ax7 Board Rectifier เป็น EZ81 กำลัง งง ว่าจะต้องสั่งหม้อแปลง Spec เท่าใหร่ครับ #S_052#
อ้างจาก: wutchara ที่ 19 กันยายน 2010, 07:08:20 AMมีท่านใดใช้ EZ-81 ในภาค Power Supply ของ IV บ้างครับ ขอความคิดเห็นเมื่อเทียบกับใช้ Diode Rectify ครับ ขอบคุณมากครับผมใช้ EZ80 ครับ กระแสจ่ายได้น้อยกว่า EZ 81 ครับ ในส่วนตัวผมใช้หลอดเสียงไพเราะกว่า Diodeแน่นอน หลอดแต่ละยี้ห้อ แนวเสียงก็จะไม่เหมือนกัน ;) ;)
มีท่านใดใช้ EZ-81 ในภาค Power Supply ของ IV บ้างครับ ขอความคิดเห็นเมื่อเทียบกับใช้ Diode Rectify ครับ ขอบคุณมากครับ
ขอความช่วยเหลือเรื่อง DAC Wasin 2.2 ครับคือผมไม่แน่ใจค่า C บนบอร์ด Power Supply 12AX7 Tube Output Board ครับตรงค่า C3 และ C10 ใน Bill of Material ระบุไว้ 1000uF/16V (วงกลมเขียว)แต่ใน PCB ระบุ 470uF/35V (วงกลมแดง)แล้วผมควรจะใช้ค่าไหนดีครับ
ทำ บอร์ด IV หลอดด้วย
อ้างจาก: MAXBOMB ที่ 11 มิถุนายน 2010, 01:09:14 PMไม่เห็นพูดถึงการต่อDAC เข้ากับ CD ROMDRIVE ว่าต้องต่อที่จุดไหน อย่างไร เพราะด้านหลังของ CD ROM จะมีจุดต่อเป็น IDE หรือ SATA กับจุดต่อ CD OUTPUT ช่วยอธิบายว่าต้องต่ออย่างไร ขอบคุณครับ #H2005# #H2005# #H2005#ต่ออกจากช่อง Digital Out วงสีชมพู ไปเข้า DAC ครับ ส่วน Jumper ให้ใส่ที่ MA Master ริมขวาสุดครับ (ตามรูป) #M_039# #M_039#
ไม่เห็นพูดถึงการต่อDAC เข้ากับ CD ROMDRIVE ว่าต้องต่อที่จุดไหน อย่างไร เพราะด้านหลังของ CD ROM จะมีจุดต่อเป็น IDE หรือ SATA กับจุดต่อ CD OUTPUT ช่วยอธิบายว่าต้องต่ออย่างไร ขอบคุณครับ #H2005# #H2005# #H2005#
Dual DAC
อ้างจาก: MAXBOMB ที่ 18 กันยายน 2010, 12:16:33 PMอ้างจาก: DHT2009 ที่ 18 กันยายน 2010, 10:12:11 AM ต่อได้แบบเดียวครับ ขา 11 12 26 จาก ข้างตัว TDA ไปเข้า คอนเนคเตอร์ 11 12 26 ของ บอร์ด CS ครับ ก็เลือกใช้สายที่คุณภาพ ดีที่สุดเท่าที่จะมีกำลัง และ หาได้ครับ แต่คงต้องใช้เส้นเล็กเพราะรูเล็กมาก และ ควรใช้ให้สั้นที่สุดโดยต้องไม่ทำให้การต่อลำบาก ครับหมายถึงยังงี้ใช่ไหมครับพี่เล็ก คือเอาสายของ tda 11 12 26 แต่ละบอร์ด ตั้งแต่บอร์ด 1ถึง4 จับรวมกันแล้วนำไปต่อกันที่ บอร์ด CSS ในตำแหน่งที่ตรงกัน 11 12 26 อย่างนี้ใช่ไหม แล้วเอาพุทของแต่ละบอร์ด TDA นี่ละเชื่อมกันยังไง ตั้งแต่บอร์ดที่ 1ถึง4 ก็ให้เอาแต่ละบอร์ดมาต่อเชื่อมกันไปเลยใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ #M_038# ถูกต้องแล้วครับ
อ้างจาก: DHT2009 ที่ 18 กันยายน 2010, 10:12:11 AM ต่อได้แบบเดียวครับ ขา 11 12 26 จาก ข้างตัว TDA ไปเข้า คอนเนคเตอร์ 11 12 26 ของ บอร์ด CS ครับ ก็เลือกใช้สายที่คุณภาพ ดีที่สุดเท่าที่จะมีกำลัง และ หาได้ครับ แต่คงต้องใช้เส้นเล็กเพราะรูเล็กมาก และ ควรใช้ให้สั้นที่สุดโดยต้องไม่ทำให้การต่อลำบาก ครับหมายถึงยังงี้ใช่ไหมครับพี่เล็ก คือเอาสายของ tda 11 12 26 แต่ละบอร์ด ตั้งแต่บอร์ด 1ถึง4 จับรวมกันแล้วนำไปต่อกันที่ บอร์ด CSS ในตำแหน่งที่ตรงกัน 11 12 26 อย่างนี้ใช่ไหม แล้วเอาพุทของแต่ละบอร์ด TDA นี่ละเชื่อมกันยังไง ตั้งแต่บอร์ดที่ 1ถึง4 ก็ให้เอาแต่ละบอร์ดมาต่อเชื่อมกันไปเลยใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ #M_038#
ต่อได้แบบเดียวครับ ขา 11 12 26 จาก ข้างตัว TDA ไปเข้า คอนเนคเตอร์ 11 12 26 ของ บอร์ด CS ครับ ก็เลือกใช้สายที่คุณภาพ ดีที่สุดเท่าที่จะมีกำลัง และ หาได้ครับ แต่คงต้องใช้เส้นเล็กเพราะรูเล็กมาก และ ควรใช้ให้สั้นที่สุดโดยต้องไม่ทำให้การต่อลำบาก ครับ
เมื่อคืนนั่งงมกับเจ้า DAC กว่าจะมีเสียงเช้าพอดีทำเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังหากล่องลงไม่ได้เลย
แต่พอเอามาต่อกับ GC แล้วเสียงเบามากอะ ส่งสัยต้องรอ Pre OpAmp Last Edition ที่กำลังจะ group buy
อ้างจาก: chaotong ที่ 23 ตุลาคม 2011, 11:07:11 AMแต่พอเอามาต่อกับ GC แล้วเสียงเบามากอะ ส่งสัยต้องรอ Pre OpAmp Last Edition ที่กำลังจะ group buy ลด R I/V ที่บอร์ดที่ TDA ให้เหลือ 10 Ohm. ครับ
ถ้างั้นมันคงผิดปกติแล้วหล่ะครับ เพราะถ้าใช้อย่างที่บอกน่ะ ดังลั่นเลยครับ
หม้อแปลงน่าจะโอแล้ว ไม่น่าเกี่ยว R ยิ่งเพื่มยิ่งดังครับ เพิ่มมากเสียงจะแตก แนะนำไม่เกิน 47 ohm [yes-raccoon]
ถ้าจะใช้ให้ดังปกติเหมือนกับเพื่อน คงต้องใช้หม้อ 18 V ครับ คุณลองดู IC regulate ที่อยู่บนบอร์ด I/V opamp ซิ มีกี่ตัวก็ - 1.5 V ไป เหลือเท่าไหร่ครับ ส่วน R I/V จะกี่บอร์ดก็แล้วแต่ รวมแล้วให้ได้ไม่เกิน 25 Ohm. ก็ใช้ได้ครับ R ตัวนี้มีผลต่อ รายละเอียด และ น้ำหนักเสียงครับ